3 พ.ย. เวลา 12:30 • ปรัชญา

ชุมชนเมืองที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป เป็นผลเสียต่อสังคมมนุษย์

ชุมชนเมือง Vs ชุมชนชนบท มีความแตกต่างกันที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ อิสระของปัจเจคชนในการดำรงชีวิตในสังคม ชุมชนเมืองเป็นสิ่งหนึ่ง ที่สามารถสร้างข้อจำกัดในการดำรงชีวิตของปัจเจคชน ข้อจำกัดของการดำรงชีวิตของปัจเจคในชุมชนเมืองที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้ปัจเจคชนหนึ่งคน หนึ่งครอบครัวที่มีชีวิตในชุมชน-เมืองจะมีพื้นที่จำกัดในการดำรงชีวิต ด้วยข้อจำกัดข้างต้นนี้เอง ทำให้ส่งผลกระ-ทบต่อการลดทอนความสามารถในการดำรงชีวิตหรือการพึ่งพาตนเอง
ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ 1 คน ในชุมชนเมืองที่มีความหนาแน่นสูง ประกอบกับธรรมชาติของมนุษย์คือ การแสวงหาผลประโยชน์เพื่อการเข้าถึงทรัพยากรที่พวกเขาต้องการ ที่มีปริมาณจำกัด เมื่อเทียบกับความต้องการของมนุษย์ ยิ่งเห็นชัดกับมนุษย์ในชุมชุนเมือง ที่จะมีความต้องการที่หลากหลายน้อยกว่ามนุษย์ในชุมชนชนบท
เหตุผลนี้เองที่ทำให้การดำรงชีวิตในชุมชนเมืองของปัจเจคชน นั้นจะมีการแข่งขันในการเข้าถึงทรัพยากร ที่รุนแรงมากกว่าในชุมชนที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า ทำให้การจัดสรรทรัพยากร ในชุมชนเมืองเกิดความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงทรัพยากรของ ปัจเจคชนแต่ละคนในชุมชนเมือง
ปัจเจคชนที่มีการสะสมและเก็บรักษาทุน ผ่านรุ่นสู่รุ่นมาตั้งแต่ในอดีต ได้มากกว่าปัจเจคคนอื่นๆ ที่อาจจะมีเหตุผลบางประการ ที่ไม่ทำให้พวกเขาสามารถเก็บสะสมทุนผ่านกาลเวลาได้ หรือว่าพวกเขาอาจจะเข้ามาแสวงหาทุนในชุมชนแห่งนี้ ในช่วงเวลาที่ช้ากว่าปัจเจคอีกคน
ซึ่งจากลักษณะของชุมชนเมืองที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น มีผลทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในชุมชนเมือง โดยที่ปัจเจคที่สามารถเก็บรักษาทุนได้ผ่านกาลเวลา พวกเขาก็จะสามารถมีอำนาจในการเข้าถึงทรัพยากรณ์ที่สังคมบริเวณนั้นต้องการได้ก่อน และที่สำคัญพวกเขาก็จะสามารถควบคุมสังคมในชุมชนเมืองได้ไม่ยาก
แต่ตรงกันข้ามกัน ในชุมชนชนบท หรือชุมชนที่มีความหนาแน่นในการอยู่อาศัยดำรงชีวิตของมนุษย์ ไม่สูงมากเกินไป อิสระในการดำรงชีวิตของปัจเจคชนแต่ละคนในชุมชน ซึ่งข้อดีที่แตกต่างจากการอาศัยในชุมชนที่มีความหนาแน่นสูงก็คือ การมีความยืดหยุ่นและหลากหลายมากกว่าในการดำรงชีวิต
การที่ชุมชนของสังคมมนุษย์ มีความกระจัดกระจายบนพื้นที่ของภูมิศาสตร์โลกมากพอ อิสระในการดำรงชีวิตในตัวของพวกเขาแต่ละคน ทุกคนก็จะมีความปลอดภัย มากกว่าชุมชนที่มีการร่วมกลุ่มและหนาแน่นสูงเกินไป
ชุมชนที่มีความกระจัดกระจายมากพอ ไม่ได้อยู่ในความหนาแน่นที่แออัด ในรูปแบบของชุมชนเมือง จะเป็นการสร้างความหลากหลายของระบบนิเวศในสังคม และระบบนิเวศในธรรมชาติ
ซึ่งถ้าความคิดของคนในสังคม มีความเชื่อที่ว่าพวกเขาสามารถพึ่งพาตนเอง ทำในสิ่งอย่างที่พวกเขาจะสามารถทำได้ และมีการกระจายความเสี่ยงในการพึ่งพาคนอื่นที่มากพอ ที่ไม่ใช่แค่องค์กรภาครัฐ หรือ เอกชน ไม่กี่องค์กร ที่เกิดจากผลของชุมชนเมือง ที่สร้างความเหลื่อมล้ำขึ้นมาในสังคม
สังคมมนุษย์ที่มีความเชื่อรูปแบบที่ว่านี้มากเท่าไร ก็จะทำให้พวกเขาแต่ละคน จะมีอิสระในการตัดสินใจ ในการเลือกที่จะดำรงชีวิตของเขา หรือของกลุ่ม ของครอบครัวของพวกเขาเอง ซึ่งมันจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะผิดหรือถูก
แค่ว่าการตัดสินใจนั้นไม่ได้มีอิทธิพลจากคน กลุ่มคนที่มีอำนาจในสังคมมากกว่าเขา ที่จะมานั่งจับกลุ่มพูดคุย หาทางออก และตัดสินใจแทนคนอื่นๆ ที่มีเงื่อนไข เหตุผลส่วนบุคคล ในการดำรงชีวิตที่มีความหลากหลายเกินกว่า ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่มีความสนใจ หรือมีเหตุผลส่วนตัวภายในกลุ่ม เพื่อที่จะต้องการให้สังคมโดยภาพรวมไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการ
ศิวัช สุรัตนวนิช
08/08/2567
โฆษณา