Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เต่าน้อยลงทุน
•
ติดตาม
4 พ.ย. เวลา 01:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Advanced Reading : สรุป 5 นโยบายสำคัญ เลือกตั้งสหรัฐฯอังคารนี้ !!!
วันพรุ่งนี้ (5 พ.ย.) จะเป็นวันเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ซึ่งรวมไปถึง การเลือกตั้งสภาบน (Senate) และสภาล่าง (House of Representatives) ซึ่งมีนัยต่อการกำหนดนโยบายการบริหาร การต่างประเทศ ทั้งของสหรัฐฯและประเทศต่างๆทั่วโลก
สำนักข่าว Bloomberg สรุปสิ่งที่น่าสนใจไว้หลายประเด็น Mr. เต่า ขอมาเล่าให้ฟังนะครับ
ภาพจาก blog.payproglobal.com/saas-online-sales-tax-101-for-the-u.s
ประเด็นแรก : ภาษี
• Trump ผลักดัน “ลดภาษีเงินได้” ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยจะขยายมาตรการลดภาษีนี้ออกไป จากเดิมที่จะสิ้นสุดมาตรการปลายปี 2025 เป็น สิ้นสุดสมัยแรก (ถ้าได้รับเลือก) และจะชดเชยรายได้ที่หายไปด้วยการ “ขึ้นภาษีสินค้านำเข้า”
• ขณะที่ Harris จะ ”ยืดอายุ”ลดภาษีบุคคลธรรมดาให้เฉพาะ ผู้มีรายได้น้อยกว่า4 แสนดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี และ ”กลับไปเก็บภาษีคนรวย” ตามอัตราภาษีเดิม สูงสุดที่ประมาณ 33-40%* รวมทั้ง “ขึ้นภาษีนิติบุคคล”, บังคับใช้”อัตราภาษีขั้นต่ำสำหรับคนรวย” และ “ขยายการลดหย่อนภาษีสำหรับคนมีบุตร และธุรกิจขนาดเล็ก” เรียกได้ว่า เน้นเอาใจคนรากหญ้า
ภาพจาก eximportexpert.com/u-s-trade-policy/
ประเด็นสอง : นโยบายการค้า
• Trump มีแผน “ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า” ในอัตรา 10-20% กับทุกประเทศ และ 60% สำหรับจีน เพื่อจูงใจให้ผู้ผลิต ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในสหรัฐฯมากขึ้น นักวิเคราะห์มองว่า หากสหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้าทั้งหมด 20% จะทำให้ GDP สหรัฐฯ -0.8% และ -1.3% ภายในปี 2028 หากจีน และประเทศอื่นๆออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ตามลำดับ รวมทั้ง มาตรการขึ้นภาษีจะทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น
• Harris จะดำเนินนโยบายการค้าต่อจาก ปธน. Biden
• สิ่งที่เหมือนกันระหว่างสองคน คือ ทั้งสองคนมีนโยบายที่จะ “ปกป้องการลงทุนจากต่างชาติในอุตสาหกรรมสำคัญ” เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก ที่จะไม่ให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนเด็ดขาด เพื่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
ภาพจาก www.ucdavis.edu/magazine/how-does-immigration-affect-united-states
ประเด็นสาม : นโยบายควบคุมผู้อพยพ
• Trump ต้องการ “ขับไล่” คนงานที่ไม่มีใบอนุญาตตามกฎหมายให้ออกจากสหรัฐฯ ซึ่งจะกระทบภาคธุรกิจที่ใช้แรงงานต่างด้าวในสัดส่วนที่สูง เช่น ภาคก่อสร้าง ภาคบริการ ภาคค้าปลีก ทำให้อาจส่งผลเสียต่อตลาดแรงงานและเพิ่มต้นทุนของธุรกิจในกลุ่มนี้
• Harris จะใช้มาตรการ “ละมุนละม่อม” มากกว่า แต่ก็จะพยายามบังคับใช้นโยบายเพื่อจัดการปัญหาการข้ามพรมแดนผิดกฎหมาย
ภาพจาก resourcegovernance.org/articles/clean-energy-and-fossil-fuels-middle-east-virtuous-cycle-0
ประเด็นสี่ : นโยบายด้านพลังงาน
• Trump ชูนโยบาย “เจาะเข้าไปลูกพ่อ” หรือ นโยบายลดกฎเกณฑ์ควบคุมการผลิตน้ำมันดิบ, ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน และเพิ่มพื้นที่สำรวจหาน้ำมัน เพื่อลดราคาพลังงาน รวมทั้ง “ยกเลิกนโยบายสนับสนุนการผลิตพลังงานสะอาด” ของ ปธน. Biden
• Harris สนับสนุน “การเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานสะอาด” ต่อสู้กับปัญหาโลกร้อน และลดต้นทุนพลังงานให้ครัวเรือน
ประเด็นห้า : นโยบายด้านการคลัง
• นักวิเคราะห์มองว่า นโยบายของผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน. ทั้ง 2 ท่าน จะทำให้สหรัฐฯขาดดุลงบประมาณ (Budget Deficits) เพิ่มขึ้น แต่ “Trump อาจขาดดุลมากกว่า” ทำให้ รัฐบาลมีต้นทุนในการกู้เงินเพิ่มขึ้น เกิดเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น กระทบครัวเรือนและธุรกิจ
• นอกจากนี้ Bloomberg Economics ประมาณการว่า หนี้ของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นจากเกือบ 100% ของ GDP ในปีนี้ เป็น 116% ภายใต้การบริหารของ Trump และ 109% ภายใต้การบริหารของ Harris ภายในปี 2028 หรืออีก 4 ปีข้างหน้าอีกด้วย
• อย่างไรก็ตาม หากสภาบนและสภาล่าง มีเสียงข้างมากเป็นคนละพรรคกัน (สภาบน Republican & สภาล่าง Democrats หรือ สภาบน Democrats & สภาล่าง Republican) จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯก่อหนี้ได้น้อยลง เพราะมาตรการใช้จ่ายต่างๆจะต้องผ่านความเห็นชอบทางทั้งสองพรรค ผลกระทบในด้านการคลังก็อาจน้อยลง
นาง Kamala Harris - ภาพจาก www.nytimes.com/2024/08/19/podcasts/the-daily/kamala-harris-dnc.html
Mr. เต่า มองว่ายังไง ?
การเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะ “ส่งผลกระทบต่อตลาด” สัปดาห์นี้ ซึ่งผมเชื่อว่า ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็น ปธน. สหรัฐฯคนใหม่ ตลาดหุ้นโลกน่าจะ “ปรับตัวขึ้น” ตอบรับความชัดเจนของผลการเลือกตั้งในท้ายที่สุด
นาย Donald Trump - ภาพจาก fortune.com/2024/10/25/trump-election-stock-worthless/
โดยส่วนตัว ผมเชียร์ “Donald Trump” เพราะว่า แนวนโยบายของเค้าค่อนข้าง “คาดเดาได้” ว่าจะส่งผลบวกและลบต่อกลุ่มธุรกิจใดบ้าง และเท่าที่ผ่านมา นโยบายของ Trump ก็เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง ต่างจาก Kamala Harris ที่แนวนโยบายค่อนไปทาง “สายกลาง” ไม่สุดขั้วไปทางใดทางหนึ่ง ทำให้ธีมการลงทุนที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายค่อนข้างจำกัดกว่าโดยเปรียบเทียบ
สำหรับ Mr. เต่า ที่ลงทุนในกองทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯเป็นหลัก ผมมองว่า หากสหรัฐฯได้ “Trump เป็น ปธน.” จะ “ดีกับตลาดหุ้นมากกว่า” ครับ
โชคดีในการลงทุนนะครับ
Mr. เต่า
ค้นหาบทความเต่าน้อยลงทุนผ่าน Facebook ได้อีกช่องทางที่
#อัพเดตการลงทุน #เต่าน้อยลงทุน #ลงทุน #การลงทุน #กองทุนรวม #ข่าวต่างประเทศ #หุ้น #ตลาดหุ้นโลก #กองทุนรวม #ข่าวการลงทุน #ข่าวเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก
ติดตามเพจ “เต่าน้อยลงทุน” ได้ที่
Facebook -
facebook.com/เต่าน้อยลงทุน-102224827916550/
Blockdit -
blockdit.com/pages/5ea67ed0daa9310ca5266aa9
Source : “Taxes, Tariffs and More: 5 Key Economic Stakes of the US Election” –
Bloomberg.com
https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-11-03/us-election-5-economic-impacts-include-taxes-immigration?srnd=homepage-asia
*” What Is the Tax Cuts and Jobs Act (TCJA)?” –
Investing.com
https://www.investopedia.com/taxes/trumps-tax-reform-plan-explained/
ข่าวรอบโลก
การลงทุน
การเงิน
บันทึก
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย