3 พ.ย. เวลา 23:52 • ท่องเที่ยว

Smuggler Notch สวยงามสมคำร่ำลือ แต่ต้องแลกกับการเดินขึ้นเขาไป-กลับร่วม 3 ชั่วโมง (Fall Foliage EP.8)

Stowe ได้รับสมญานามว่าเมืองหลักแห่งความงดงามในฤดูใบไม้ร่วงของรัฐ Vermont และจุดเด่นที่เป็น The must ก็คือ Smuggler Notch
เช้านี้หลังทานอาหารเสร็จ เราก็ออกเดินทางจากเมือง Lincoln รัฐ New Hampshire เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองท่องเที่ยว ชื่อดัง คือ Stowe ของรัฐ Vermont
โดยระหว่างทาง เราได้แวะ Vermont Visitor Center ได้รับคำแนะนำที่ดีมากๆว่า ให้ขับรถในถนนสายรองหรือ Back Road
เพราะในช่วงนี้เป็นวันหยุดยาว ที่เรียกว่า Columbus Day อเมริกันชนจะออกเดินทางท่องเที่ยวกันมาก คล้ายๆเทศกาลสงกรานต์ของเมืองไทย
และด้วยเหตุที่ Stowe เป็นเมืองฮิตยอดนิยมแถบนี้สำหรับการดูใบไม้ร่วง จึงทำให้เกิดการจราจรติดขัดอย่างหนักทุกปี หลายคนติดอยู่บนถนนนับสิบชั่วโมงก็มี
พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเราลากเส้นทางการขับรถในแผนที่ และมอบแผนที่ฉบับนั้นให้เราด้วย
เราจึงเปลี่ยนแผนขับรถ จากเดิมจะใช้ Interstate หรือถนนสายหลัก ซึ่งมีระยะทางสั้นที่สุดในการเดินทาง
มาเป็นถนนสายรอง ที่มีระยะทางยาวกว่า แต่ในเทศกาลแบบนี้จะใช้เวลาขับรถสั้นกว่า และจะได้ผ่านเมืองเล็กๆในชนบท ซึ่งมีวิวทิวทัศน์สวยงามกว่าถนนสายหลักมาก
จะมีโอกาสได้ยลโฉมบ้านเรือนของชาวชนบท โบสถ์ โรงเรียน โรงนา ตลาดชนบทต่างๆ ซึ่งน่ารักและสวยงามกว่ามาก
เมืองตามลำดับนั้นได้แก่
Saint Johnsbury
Hardwick
Jeffersonville
Smuggl Notch
ก่อนที่จะเข้าสู่ Stowe
ผลคือ เราไม่เจอการจราจรที่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย แล้วยังได้ขับรถชมวิว ชมบ้านเมืองสวยสวยตลอดทางอีกด้วย
โดยไฮไลท์คือ อาหารกลางวัน เราแวะร้านอาหารชื่อดังที่หมอติ้งเล็งไว้ก่อนแล้ว ชื่อ breakfast lunch dinner ของร้าน Main restaurant&Bakery ณ เมือง Jeffersonville ซึ่งอาหารน่าทานมากๆแต่พอลงไปแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนใจทันทีนอกจากโต๊ะจะไม่ว่างแล้ว ยังมีคิวยาวเหยียดอีกด้วย
เรารีบเปลี่ยนแผนตามหน้างานทันทีตามสไตล์ประจำทริป ด้วยการ Search หาร้านที่รีวิวดีดีในบริเวณนั้น ก็พบร้านชื่อ Burgers Barne ที่รีวิวดีมากๆ
จึงขับรถไปหาร้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ทีแรกเราหาไม่พบ แต่เมื่อมองดีดีบริเวณที่ Google ให้เราจอด ก็พบว่ามันเป็นร้านเล็กๆที่เรียกว่า Food Truck ซึ่งเบอร์เกอร์น่าทานมากๆ
เราสั่งไปสองอย่างด้วยกันคือ Oklahoma Burger กับอีกชนิดหนึ่งพร้อมกับ Fries และ Onion Ring ต้องขอบอกเลยว่าอร่อยสุดสุด ระหว่างเรานั่งทาน มีคนทยอยมาต่อคิวเพื่อสั่งเบอร์เกอร์กันอีกมากจนเป็นคิวยาว โชคดีที่เรามาก่อนเที่ยงเล็กน้อย คิวจึงสั้น
หลังจากนั้น ก็ขับรถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาไปเรื่อยเรื่อย จนมาถึง Smuggler Notcy ซึ่งเป็นช่องเขาที่นักขนของผิดกฎหมายในอดีตใช้ลักลอบขนสินค้า
ซึ่งภายหลังจากที่เราได้มีโอกาสเดินขึ้นไปตามเส้นทางดังกล่าว จึงทำให้เข้าใจว่าทำไมของผิดกฎหมายจึงมีราคาแพงนัก เพราะเส้นทางยากลำบากมากนี่เอง
จากที่เราศึกษาเตรียมการมาล่วงหน้า พบว่าการเดินป่า (Trail) มีหลายระยะให้เลือก เราตกลงเลือกเส้นทางที่สั้นเป็นลำดับที่ 2 คือไม่ใช่สั้นที่สุด
เป็นทางเดินขึ้นเขาไปประมาณ 1.2 ไมล์ไปกลับก็ 2.4 ไมล์ คิดเป็น 3.84 กิโลเมตร เกือบ 4 กิโลเมตร ซึ่งถ้าเดินในแนวราบ ก็น่าจะใช้เวลาไป-กลับประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เมื่อเราลงมือเดินจริงๆ ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง
เพราะเส้นทางเดิน แม้ช่วงแรกจะแห้งดี มีหินตามธรรมชาติที่ถูกจัดวางให้เดินได้สะดวก
แต่หลังจากผ่านช่วงฮันนีมูนที่สั้นนิดเดียว ทางเดินก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นทางที่ชันมากขึ้นเป็นลำดับ แค่นั้นยังไม่พอใจเส้นทางยังขรุขระและเฉอะแฉะอีกด้วย
บางช่วงต้องเดินผ่านลำธารเล็กๆ คือมีสภาพแฉะและลื่น การเดินจึงช้าลงอย่างมาก เพราะต้องระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม เราเห็นนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มยังคงมุ่งมั่นเดินกันต่อไป เราจึงก้มหน้าก้มตาเดินตามกันไปด้วย โดยลืมนึกไปว่า ทุกกลุ่มที่เดินผ่านเราไปนั้นล้วนมีอายุน้อยกว่าเราทั้งสิ้น
เมื่อขึ้นไปถึงทะเลสาบบนยอดเขาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก็ถือว่าสวยพอสมควร แต่ในความเห็นของผู้เขียนถือว่าสวยแค่นี้ ไม่คุ้มที่ต้องเดินขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
แต่ก็ด้วยความสงสัยว่า จะมีเพียงวิวทะเลสาบจริงๆหรือ น่าจะต้องมีมุมอะไรที่สวยและเห็นใบไม้ร่วงดีกว่านี้แน่ๆ
ก็เลยตัดสินใจเดินต่อจากทะเลสาบขึ้นไปอีก โดยตั้งใจว่าถ้าอีก 5-10 นาที ยังไม่เห็นอะไรสวยงาม ก็จะเลิกล้มความตั้งใจ แล้วเดินกลับทันที
ปรากฏว่าเวลาผ่านไปยังไม่ถึง 10 นาทีดีเราก็โผล่มาถึงจุดชมวิวแบบพาโนราม่า อลังการงานสร้างมาก
เป็นตรงจุดที่แชร์ลิฟท์ในช่วงฤดูหนาวสำหรับคนเล่นสกีนำขึ้นมา แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงฤดูหนาว จึงปิดดำเนินการ ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก ที่ตัดสินใจเดินขึ้นมาอีก
ขาลงจากเขา แม้จะง่ายกว่าขาขึ้น แต่ก็ต้องเกร็งขาและเข่า ทำให้มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต้นขาอยู่พอสมควร
โชคดีที่เราได้เดินด้วยความระมัดระวัง ออกกำลังกายเตรียมกล้ามเนื้อก่อนมาทริปนี้อยู่แล้ว รวมทั้งมียาแก้ปวดที่ปลอดภัยและได้ผลชะงัก จึงทำให้ในวันรุ่งขึ้นไม่มีอาการปวดเมื่อยแต่อย่างใด
โฆษณา