4 พ.ย. เวลา 02:14 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของโลก ที่วุ่นวาย กันก็เพราะอารมณ์ ความยึดถือ อะไรต่างๆมากมายก่ายกอง ไหลมาเทมา ..ผ่านตาหูจมูกลิ้นกายใจ สัมผัส ที่เกิดขึ้น ก็เป็นอารมณ์ ไปเสียทั้งหมด พัวพันยึดถือ ในคำว่า รูปรสกลิ่นเสียง .ธรรมารมณ์ ..ที่จิตนั้น ..ส่งจิต
เรื่องของจิตนั้น มันมีเรื่องเช่น ตาเราเห็นรูปนี้สวย เราไปจ้องมองรูปนั่น ..จิตเราไปเห็นรูปนั้นมีความสำคัญ จิตหรือที่เค้าเรียกว่า เจตสิก ..ก็วิ่งออกไป
เจตสิก ..ยึดรูปนั้น เข้ามายึดรูปนั่นเจ้า ส่งให้ที่ใจ เกิดเป็นธรรมารมณ์ พอใจไม่พอใจ ส่งขึ้นไปที่วิญญาณทั้งหก อีกทอดหนึ่ง ทั้งที่สมอง หน้าตา หัวใจ ..ทั้งเนื้อทั่งตัว เป็นอารมณ์ ..มีราคะตัณหา อยากอะไรขึ้นมา ..ที่เค้าว่า ..แหม พอเห็นปุ๊บ นึกอยากขึ้นมาเชียว ..โอ้ว..เรื่องราวมันมากมาย ในคำว่าสัมผัส นำพาซึ่งอารมณ์ทิฐิความคิดเห็น ความยึดถือต่างๆ ขันธ์ที้งห้าก็เปลี่ยนแปลงไป แล้วโลกจะไม่วุ่นวายได้อย่างไร
..เช่นตาเห็นรูป ..ก็บอกว่า ชอบ ไม่ชอบ มีการแสดงออก ..วิตกวิจารณ์ไปตามอารมณ์นึกคิดที่ปรุงแต่ง ..มีทั้งคนที่ปกติดีคนไม่ดีคนที่อารมณ์ไม่ดี ยึดสิ่งนั้นดีสิ่งนี้ไม่ดี มีอารมณ์อยากได้ อยากมี ..มันต่อเนื่องยาวไปเรื่อยๆ มันก็ลากจ้ตไปหมกมุ่น ยึดถือ ..ในสิ่งในอุปกรณ์นั้น มีความสำคัญต่อชีวิต จิตเราก็มองว่าเป็นเรื่องสำคัญขาดไม่ได้ ..เคยชินจนเป็นนิสัย ..
จิตเรานั้นมันคล้ายฟองน้ำ เราไปเอาเรื่ิองนั้นเรื่อง ดูดซับเข้ามาภายในจิต ซับอะไรต่างมากมาย ดีไม่ดี ฟองน้ำนั้นก็ซับเข้ามา ซับมากเข้าๆ หองนั้นนั้นก็เสีย ..สกปรก .แล้วจิตที่เหมือนฟองน้ำ นั้น มันจะสดใสมั่ย
เรื่องราวพวก นี้มันอยู่ที่เรารู้จักตัวเราเอง รู้จักนิสัยตัวเราเอง ว่าเป็นอย่างไร ..แล้วก็สังเกต ตัวเรา อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ..ที่เกิดขึ้น ..ทิ่จริงมัน คล้ายเราเสพจองมึนเมา .แต่นั่นแหละ มันเกิดปัญหาตรงที่ เราไม่เคยฝึกหัด สติสัมปชัญญะ การรับรู้ในสัมผัสต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ ..ที่เค้าว่า โลกเค้าก็ปกปิดไม่ให้เรารู้จัก มันคล้ายคำว่าอวิชชาความไม่รู้จัก อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
จะใช้คำว่า อวิชชา ก็ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง ใช้คำว่า โคลนตมดีกว่า ..เพราะในสิ่งที่ไปสัมผัส ไปยึดนั้น มันมีอณูของสีดำสีม่วง บอยเข้ามาสู่กาย.สู่ธาตุทั้งสี่ ทำให้น้ำเลือดน้ำหนองนั้น ไหลเวียนไม่สะดวก คอตรึง สมองมึนงง ..เราก็สะสมเข้าไปทุกวันๆ สะสมไปทำกายและจิตของตัวเอง แต่เราก็ไม่รู้ตัว เวลาผ่านไปเรื่อย ความเจ็บป่วยก็เข้ามา .มันมีความเกี่ยวเนื่องพัวพันกันอยู่กับอารมณ์กรรม .
เวลาเราไปเดินห้าง เราก็รู้สึก ..หงุดหงิด ..อึดอัด .พอกลับมาบ้าน ..เราก็มานั่งสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม เ ก็ได้ค่อยสังเกต ว่า ..ในห้างนั้น ก็เหมือนมีอารมณ์ กระแสของอารมณ์ .ที่ต่างคนต่างเข้าไป ..แล้วก็ทิ้ง กระแสอารมณ์กรรมต่างๆ ไว้ในสถานที่นั้น อีกทั้งร้านรวงอะไรต่างๆ เข้าก็มีตัวช่วยที่มองไม่เห็น มาช่วย .จ่ายค่าจ้างเป็นน้ำแดง ..เรื่องสังคมออนไลน์ ก็เป็นคล้ายอย่างนี้ .บางทีไปเจอะเจอพนักงานขาย ..เราก็สังเกตตัวเรา ..ว่าทำไมมันมึนงงๆ อ้อ..ที่แท้ก็มีตัวช่วย ..ไปลงทุนลงของอะไรที่ไปเรียกมาช่วยเหมือนกัน
ที่เขียนมา นี้ มันคล้ายเรื่องราว ของคำว่า อภิธรรม ..แต่เราไม่ได้ไปเรียนรู้แบบที่เค้าเรียนกัน เพราะฉะนั้น อย่าได้เชื่อถือ คนที่เค้าไม่ได้มีคำภีร์ตำรา..เพราะไม่มีศัพท์แสงในตำรามาอ้างอิง.. ที่มาที่ไปตามตำรา ..เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ ก็ทิ้งมันไป หากมีประโยชน์บ้าง ..ก็ใครครวญ พิจารณา ..พิจารณาแล้วไม่ดี ก็ทิ่งมันไป .ไม่วุ่นวาย ..เหมือนเราไปเจอใบไม้ใบหนึ่ง เราหยิบขึ้นมา .พิจารณารู้จักใบไม้นั่น ได้เหตุผล นั้นดีแล้ว เราก็วางใบไม้นั้นลง เดินทางต่อไป
โฆษณา