Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เมืองไทยไดอารี่ by Supawan
•
ติดตาม
4 พ.ย. เวลา 04:39 • ท่องเที่ยว
หอศิลป์ทิพย์พิมาน : นิทรรศการ Space Age เสืออวกาศ
"...งานศิลปะทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข ข้าพเจ้าจึงอยากแบ่งปันความสุขให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย..."
พระดำรัส ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
เชื่อว่าหลายคนคงจะทราบถึงพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะของ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีฯ มาแล้วว่าทรงเป็นหนึ่งในขัตติยราชนารีแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่เพียบพร้อมด้วยพระจริยวัตรอันงดงามเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถทั้งเชิงศาสตร์และศิลป์หลากหลายแขนง โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์อันเป็นที่ประจักษ์ผ่านพระกรณียกิจนานัปการ ทรงค้นพบว่ายังมีศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ทรงรัก นั่นคือ การทำงานศิลปะ
.. แต่อาจจะมีไม่มากคนที่รู้ว่าพระองค์นั้นมีพระอัจฉริยภาพด้านการวาดภาพสูงส่งมาก (รวมถึงเราด้วยในเบื้องต้น)
นิทรรศการ “SPACE AGE : เสืออวกาศ” เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ ศ.ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ “องค์สิริศิลปิน” 4 กรกฎาคม 2567
ผู้เขียนชื่นชอบงานศิลปะมาก แม้จะวาดรูปไม่เป็น .. เมื่อเพื่อนๆที่สนิทสนมกันเอ่ยปากชักชวนให้ก้าวเท้าออกเดินทางอีกครั้งในเส้นทางสระบุรี-ปากช่องในวันที่ฟ้าสวย อากาศซแจ่มใสในปลายเดือน ตุลาคม 2567 โปรแกรมการชมงานศิลปะที่ “หอศิลป์ทิพย์พิมาน” จึงรวมอยู่ในกิจกรรมการเดินทางครั้งนี้
“หอศิลป์ทิพย์พิมาน” ในวันที่เราเข้าเยี่ยมชม กำลังจัดนิทรรศการในธีม “เสืออวกาศ”
.. สิ่งแรกที่โดดเด่นดึงดูดความสนใจที่เราเห็นคือ ภาพประติมากรรมเสือขนาดใหญ่ ท่วงท่าสง่างาม ตั้งอยู่กลางสยามหญ้าในฝั่งตรงข้ามของอาคารจัดนิทรรศการ .. ชอบมากค่ะ
ทิวทัศน์ที่สวยงาม บนพื้นที่ส่วนหนึ่งใกล้กับบริเวณหอศิลป์ทิพย์พิมาน .. เป็นอาคารสำหรับรักษาสัตว์ และอาคารสำหรับเจ้าหน้าที่ของโครงการณ์
โลกของ “เสืออวกาศ” .. แค่ย่างก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหว ก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกดึงดูดด้วยพลังบางอย่างของสีที่จัดจ้านและเส้นสายที่งามกริบด้วยฝีแปรงเฉียบคม
รูปลักษณะของเสือที่ทรงวาด ทุกภาพ เราสามารถสัมผัสได้ว่า .. ทรงวาดรูปทรงของเสือที่มีทั้งความสง่างาม เด็ดเดี่ยว ทรงพลัง และพุ่งทะยานไปข้างหน้า
.. แสดงความเป็นผู้นำ ทรงนำสีต่างๆมาต่อเรียงกันเป็นชิ้นส่วนเล็กๆที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพที่เต็มไปด้วยสีสัน มีชีวิตชีวา
เสือบางภาพในผลงานชุดใหม่ของพระองค์ท่าน มีสีสันที่หลากหลาย บางภาพทรงนำคาแรคเตอร์ของคนที่รู้จักมาวาดลงในผลงาน
ผลงานชุดใหม่นี้มีความพิเศษในส่วนของพื้นหลัง Background ด้วยการแต่งเติมของห้วงอวกาศ มีทั้งทางช้างเผือก กาแล็กซี่ และ Planet ต่าง ๆ เป็นไปตามจินตนาการขององค์สิริศิลปิน
ภายในนิทรรศการยังมีโซนจัดแสดงประติมากรรม “เสือร้องไห้ – Weeping Tiger” ผลงานขยายจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ และผลงานศิลปะจัดวางของประติมากรรมเสือที่จำลองเสมือนอยู่ในอวกาศ และ Planet ต่าง ๆ เป็นไปตามจินตนาการขององค์สิริศิลปิน
ความเป็นของการสร้างสรรค์งานศิลป์ชุดนี้ .. เกิดจากการที่ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีฯ ทรงสนพระทัยและหลงใหลในงานศิลปะ ทำให้ทรงมีพระวิริยะ อุตสาหะเรียนรู้ ฝึกฝนและลงมือปฏิบัติด้วยพระองค์เองอย่างต่อเนื่อง
.. ทำให้ทรงเป็นเจ้าฟ้าพระองค์แรกในประวัติศาสตร์ของพระราชวงศ์ไทยที่ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ทรงจัดแสดงนิทรรศการเพื่อเผยแพร่แก่สาธารณชนจำนวน ๒ ครั้ง ณ หอศิลป์ทิพย์พิมาน ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตามข้อกำหนดของหลักสูตรในชุด “หลากลาย หลายชีวิต”
นิทรรศการผลงานวิทยานิพนธ์ภาพวาดฝีพระหัตถ์ที่ได้รวมพระอัจฉริยภาพด้านงานศิลปะกึ่งแฟนตาซีผสมผสานกับลักษณะของงานศิลปะแบบนาอีฟ (Naïve Art) หรืองานที่ไม่ใช้หลักทฤษฎีทางวิชาการของศิลปะใด ๆ แต่สร้างสรรค์ออกไปตามสัญชาตญาณ และความรู้สึกภายในจิตใต้สำนึก
ทรงใช้ “เสือ” เป็นสัญลักษณ์ แทนความหมายของเจ้าป่า หรือพระราชา ซึ่งเปรียบเสมือนพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙
.. ที่ทรงปกครองเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ เป็นราชาผู้ปกครองดินแดนด้วยพระเมตตา ห่วงใยทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์ตลอดเวลา
.. ลวดลายของเสือยังปรากฏเป็นตัวอักษรสัญลักษณ์ DNA หรือชื่อย่อทางสารพันธุกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ทางด้านวิทยาศาสตร์ อันเป็นพระประสบการณ์ในด้านวิทยาศาสตร์ ของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี มาผสมผสานกับจินตนาการจากจิตใต้สำนึก ตามบริบทแวดล้อม เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกผ่านรูปทรงและความหมายของพื้นที่ต่าง ๆ ที่ทรงคุ้นเคย
.. ผ่านลายเส้นที่ทรงวาดลงบนผืนกระดาษที่แสดงถึงความแม่นยำ เด็ดเดี่ยว เคลื่อนไหว มีชีวิต มีลมหายใจ มีจิตวิญญาณ เพื่อส่งต่อความฝัน ความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความรักต่อตนเอง ครอบครัว ราษฎรชาวไทยไปจนกระทั่งผู้คนในโลกนี้ได้อย่างเต็มที่
“เสืออวกาศ” ในจินตนาการของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงโปรดการสร้างสรรค์ภาพวาด “เสือ” เป็นพิเศษ ด้วยเส้นสายลายศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะพระองค์ แสดงถึงพระปรีชาในศาสตร์หลายแขนง
.. โดยทรงนำเรื่องราวของธรรมชาติมาประกอบกับสัญลักษณ์ของวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสิ่งที่ทรงโปรดปราน สร้างสรรค์รวมกันอยู่ในผลงานศิลปะที่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์
… เหมาะสมกลมกลืนในรูปแบบงานศิลปะกึ่งแฟนตาซีผสมผสานกับลักษณะของงานศิลปะแบบนาอีฟ (Naive Art) หรืองานที่ไม่ใช้หลักทฤษฎีทางวิชาการของศิลปะใด ๆ
ทรงสร้างสรรค์ออกไปตามสัญชาตญาณและความรู้สึกภายในจิตใต้สำนึกสัมพันธ์กับบรรยากาศ ห้วงของเวลา สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ สาระความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และประสบการณ์ชีวิตส่วนพระองค์
.. โดยทรงมีผลงานภาพวาดในฝีพระหัตถ์ “เสือ” ที่ทรงสร้างสรรค์กว่า ๕๐๐ – ๖๐๐ ผลงาน และการขยายผลงานจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ “เสือ”
.. ในรูปแบบประติมากรรม และศิลปะแบบจัดวางเพื่อสร้างบรรยากาศให้ผู้เข้าชมได้รู้สึกเพลิดเพลินและมีความสุขผ่านการร่วมชื่นชมพระอัจฉริยภาพ สมดังพระปณิธานขององค์สิริศิลปินที่ทรงอยากแบ่งปันความสุขให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยผ่านผลงานศิลปะที่พระองค์ได้ทรงสร้างสรรค์ขึ้น
ทรงพระราชทานสัมภาษณ์พิเศษเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในโอกาสที่ทรงสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชุด “เสืออวกาศ” ความตอนหนึ่งว่า
“จริง ๆ การวาดรูปทั้งหมด ทูลกระหม่อมพ่อทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะท่านทรงวาดสีน้ำมัน แล้วพี่ก็ชอบเข้าไปในสตูดิโอของท่าน ชอบไปดู จำได้ว่าตอนเด็กมาก อายุไม่ถึง 10 ขวบ เอามือแปะไปบนจานสีของท่าน (ทรงพระสรวล) แล้วก็เลอะหมดเลย แต่ทูลกระหม่อมพ่อท่านก็ไม่ดุค่ะ
.. พี่ชอบงานศิลป์ตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนเด็กๆ นั้นเรียนในโรงเรียนจิตรลดาก็จะมีการเรียนสีน้ำ ส่วนใหญ่ครูจะสอนภาพวิวเป็นส่วนใหญ่ แต่พอโตขึ้นอารมณ์ที่จะทำงานศิลป์นั้นก็ไม่เคยหายไป โดยค่อยๆ วาดไปเรื่อยๆ ตอนแรกวาดผีเสื้อบ้าง ดอกไม้บ้าง ตอนหลังรู้สึกอยากวาดเสือ พอวาดเสือแล้วรู้สึกติดใจมากเลย ชอบมาก เลยวาดภาพเสือมากที่สุด แต่อย่างอื่นก็วาดได้นะคะ (ทรงพระสรวล)
เสือบ่งบอกถึงคาแรคเตอร์ที่ทรงพลัง เป็นผู้นำค่ะ แต่ก็อย่างที่บอก เสือที่พี่วาดนั้นจะไม่เหมือนตัวอย่าง เพราะว่าอะไรในตัวอย่างที่พี่ไม่ชอบ พี่ก็ไม่เอา แล้วก็เขียนปรับเติมเอง ซึ่งในส่วนของ Background นี่ทุกอย่างแต่งเติมตามจินตนาการเองทั้งนั้นค่ะ ถ้าจะว่าพิเศษก็คงพิเศษค่ะ เพราะว่าสิ่งที่พี่วาดนั้นไม่เหมือนคนอื่นวาดค่ะ บางครั้งก็อาจจะแปลกๆ หน่อย เพราะว่าแต่ก่อนวาดภาพเหมือน
แต่ตอนนี้เริ่มออก Abstract มากขึ้น แต่เสือก็ยังเป็นเสือ แต่อาจจะไม่ได้สีเดียวกับเสือบนโลกนี้ อาจจะกลายเป็นสีอื่นๆ หรือในตัวเดียวมีหลากหลายสี แล้วก็ส่วนของลายอาจจะไม่ใช่ลายเสือทั่วไป
จะสเก็ตตัวเสือก่อน โดยภาพพื้นหลังนั้นจะยังไม่ได้คิดว่าเป็นอย่างไร แต่พอขึ้นโครงเสือ ลงสีเสือไปแล้วนั้น ความคิดจะเกิดขึ้นเองในสมองว่าควรทำอะไรกับเสือตัวนี้ อยากจะให้พิสดารอย่างไร แต่ผลงานชุดนี้ก็พิสดารทั้งชุด คือ เป็นผลงานชุด เสืออวกาศ จะมีทางช้างเผือก มีกาแล็กซี่ มี Planet ต่างๆ เพราะฉะนั้นก็คือ Background ของผลงานเสือชุดนี้จะหาดูไม่ได้ในโลกนี้แน่ๆ ค่ะ”
Ref :
https://www.bangkokbiznews.com/news/royal/1145816
อาจารย์ปัญญา วิจินธนสาร ผู้อำนวยการหอศิลป์ทิพย์พิมาน เผยถึงนิทรรศการเสืออวกาศว่า .. นิทรรศการในครั้งนี้มีการจัดแสดงผลงานจิตรกรรม ประติมากรรมและสื่อผสมทั้งสิ้น 318 เฉพาะนิทรรศการผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์
และผลงานภาพวาด “เสือ” ในฝีพระหัตถ์ชุดใหม่ จำนวน ๕๑ ภาพ ซึ่งขยายจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ ชุด “เสืออวกาศ” มีผลงานที่จัดแสดงจำนวน 51 องค์ ทรงใช้เวลาวาดภาพทั้งหมดเป็นเวลา 1 ปี
ทุกชิ้นงานพระองค์ท่านทรงตั้งชื่อผลงาน เพื่อดูภาพแล้วจะเข้าใจว่าสื่อความหมายหรือมีแรงบันดาลพระทัยอย่างไร เช่น มาจากเพลง สื่อความหมายถึงโลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป
.. โดยเฉพาะการค้นพบทรัพยากรจากอวกาศ ซึ่งในอนาคตจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลก
.. มีรับสั่งว่า งานชุดนี้เป็นงานที่ใช้จินตนาการมากที่สุด มากกว่าทุกชุดที่ผ่านๆ มา คือจากเดิมเล่าเรื่อง หรือเขียนภาพที่ต้องการสื่อความหมายออกมา
.. ซึ่งผลงานผลพระหัตถ์ล่าสุดนี้ ทรงเห็นว่า จินตนาการมีความสำคัญกับการสร้างสรรค์งานศิลปะ เมื่อเกิดจินตนาการแล้วภาพเขียนแต่ละภาพสามารถสร้างความต่อเนื่อง จากรูปหนึ่งไปยังอีกรูปหนึ่งโดยให้คุณค่าทางสุนทรียศาสตร์
อีกส่วนหนึ่งคือ งานประติมากรรมที่เป็นไฮไลท์ มีรับสั่งว่า .. ทำอย่างไรให้คนเข้าถึงศิลปะมากยิ่งขึ้น จึงสร้างเสือในบรรยากาศ Art Installation มีดรายไอซ์ ที่มองดูแล้วเป็นเสืออยู่ในอวกาศ ซึ่งเด็กๆ (รวมถึงเราด้วย) ที่ได้เข้าชมงานแล้วชอบมากเพราะได้สัมผัสกับงานจริง
พระองค์ทรงงานเพื่อความสุขของประชาชน เคยรับสั่งว่า ตอนนี้สนพระทัยงานนามธรรม เริ่มเข้าใจงานของชากาล หรือปีกัสโซ่ มากขึ้น ศิลปะทำให้เกิดมุมมองต่อเส้น สีรูปทรงที่มีปฏิสัมพันธ์ มีความกลมกลืนอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างมีคุณค่า โดยใช้ทัศนธาตุของศิลปะ มาสร้างคุณค่าให้กับผลงาน”
ภาพเสือมองดอกกุหลาบสีน้ำเงิน .. รองศาสตราจารย์วิรัญญา จิราธิกิตติ์ รองผู้อำนวยการหอศิลป์ทิพย์พิมาน พูดถึงผลงงานชิ้นนี้ว่า ..
“ครั้งก่อน สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงวาดรูปเสือตามธรรมชาติ พื้นที่ในเมืองอยู่ในแบ็กกราวด์ของผลงาน หรืองานที่มีรูปทรงอยู่ในสเปซกว้างๆ มองเห็นและจับต้องได้
ส่วนผลงานครั้งนี้ มีชิ้นหนึ่งเป็นภาพเสือจ้องมองกุหลาบสีน้ำเงินที่จุดประกายความคิดที่เปลี่ยนไป เดิมทีภาพต้นแบบดอกกุหลาบเป็นสีส้ม มีรับสั่งอยากให้กุหลาบมีสีอื่นที่ไม่มีในโลก ก็คือสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีดอกกุหลาบที่ไม่มีอยู่จริง
พระองค์ท่านทรงเริ่มมองหางานที่เป็นอุดมคติมากยิ่งขึ้น ดอกกุหลาบให้ความพิเศษอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน โดยสีน้ำเงินในดอกกุหลาบ คือสีของโลก เสือตัวนี้กำลังมองโลกด้วยความรักและเมตตา เหมือนดอกกุหลาบที่สวยงามเหลือเกิน
หลังจากนั้นเป็นต้นมา พระองค์ท่านทรงเปลี่ยนมุมมองการวาดภาพไปสู่เรื่องของจักรวาล แล้วสุดท้ายนำไปสู่พื้นที่ในอุดมคติ เป็นจักรวาลในใจที่ไม่มีรูปทรงใดๆ ที่เป็นรูปธรรม ปรากฏเป็นเส้นโค้ง ออแกนิคฟอร์มที่ไม่มีความหมาย มีเหมือนเส้นสายของกาแลคซี่และทางช้างเผือกอันเวิ้งว้าง
ทรงเขียนภาพฝีพระหัตถ์ด้วยปากกาสีน้ำที่ไม่มีแอลกอฮฮล์ ใช้เวลาวาดภาพหนึ่งให้เสร็จภายในหนึ่งวัน นานที่สุดคือสามวัน ทรงมีพระอัจฉริยะภาพในการเลือกสีที่โดดเด่น มีสายพระเนตรในการมองระยะของสีได้มากกว่าศิลปินคนอื่นๆ
ภาพเขียนฝีพระหัตถ์แต่ละชิ้นที่ทรงวาด ไม่มีภาพไหนเหมือนกันเลย สีของภาพชุดเสืออวกาศใช้พลังของสีเต็มที่มากๆ เพราะจินตนาการถึงต้นไม้ ใบหญ้าที่ไม่มีอยู่จริง การปิดทองคำเปลว ทองสังเคราะห์ ลงบนภาพส่วนที่เป็นโคดหินเพื่อให้เกิดเทคเจอร์ขุรขระ ไม่เรียบตึงแบบงานจิตรกรรมไทยประเพณี หรือแม้แต่ดีเทลของลายเส้นบ้านเชียงบนตัวเสือ คลื่นน้ำ วงกลม ปรากฏในภาพอย่างกลมกลืนเข้ากับบรรยากาศ”
นิทรรศการ “SPACE AGE: เสืออวกาศ” ผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ “เสือ” ชุดใหม่ล่าสุดที่ทรงสร้างสรรค์ขึ้นในปี 2567 นี้ และประติมากรรม “เสือร้องไห้ – Weeping Tiger” ซึ่งเป็นผลงานขยายจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ ..
“เสือร้องไห้ – Weeping Tiger” .. เสือ สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ แข็งแกร่งและทรงพลัง ด้วยสัญชาตญานแห่งเจ้าป่าผู้มีพละกำลังและมีอำนาจ ย่อมสำนึกและระวังตัวเอง ไม่สามารถสำแดงความรู้สึกหวาดหวั่น หรืออ่อนไหวให้ใครเห็น ไม่ควรแสดงความรู้สึกอ่อนแออันซ่อนเร้นอยู่ภายใน และตนไม่มีสิทธิ์เรียกร้องความเห็นใจจากผู้ใด
.. และด้วยการแบกรับภาระที่แข็งแกร่งจนหลงลืมไปว่า ผู้เป็นเจ้าป่าก็เสียใจและร้องไห้เป็น ..
.. ความอ่อนแอที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ฉากความแข็งแกร่ง เป็นความทนทุกข์ที่ยิ่งทวีคุณด้วยการแก้ไขความเจ็บปวดไว้เพียงลำพังโดดเดี่ยว และไม่เหลือใคร เปรียบดังการซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มืดมิด และเหน็บหนาว
.. มีเพียงไออุ่นจากหยาดน้ำตาที่หลั่งรด .. เป็นดั่งมิตรแท้ที่คอยปลอบประโลมคอยปลอบประโลมจิตใจ ..
เพื่อรอคอยให้ความสงบ สงัด และสันโดษนี้ ปรากฏตัวตนให้เกิดความตั้งมั่นและสร้างความแข็งแกร่งภายในจิตใจ .. อีกครั้ง
**อ่านแล้วน้ำตาซึมค่ะ
จัดแสดง ณ ชั้น 1 หอศิลป์ทิพย์พิมาน
ชั้นที่ 2 .. แสดงนิทรรศการผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ และผลงานขยายจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ ชุด “เสือชุดแรก”
ชั้นที่ 3 ... นิทรรศการผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ และผลงานขยายจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ ชุด “เสือกับธรรมชาติ”
ในส่วนของการจัดแสดงผลงานวาดฝีพระหัตถ์ในส่วนชั้น ๒ และชั้น ๓ ได้รวบรวมผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ “เสือ” ที่ทรงได้เคยสร้างสรรค์ทั้งหมดกว่า ๕๐๐ ผลงาน
ชั้นที่ 4 ... นิทรรศการพระอัจฉริยภาพในผลงานด้านต่างๆ อาทิ ภาพปักครอสติช LEGO
พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี กู่เจิง
พร้อมโซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในพระดำริ
โดยนิทรรศการดังกล่าว เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชื่นชมพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านศิลปะขององค์สิริศิลปิน ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ห้องจัดแสดง “เลโก้” ที่ทรงใช้เวลาว่างจากพระกรณียกิจให้เป็นประโยชน์ ทรงฝึกสมาธิต่อตัวเลโก้ทุกชิ้นด้วยพระองค์เอง
หอศิลป์ทิพย์พิมาน ตั้งอยู่ ณ บริเวณตำหนักทิพย์พิมาน ตำบลโป่งตาลอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
… เป็นสถานที่รวบรวมนิทรรศการผลงานศิลปกรรมและจิตรกรรมในฝีพระหัตถ์ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี อีกหนึ่งพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะที่ทรงเป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรไทย
ทั้งนี้ ผลงานทั้งหมดจัดแสดงเป็นนิทรรศการถาวรให้ประชาชนได้เข้าชมชื่นชมพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะของเจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์พระองค์นี้ เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๓๐ น. สามารถเข้าชมได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุด
ค่าเข้าชม ๕๐ บาทต่อท่าน รายได้สมทบทุนมูลนิธิทิพย์พิมานเพื่อสัตว์ป่วยและสัตว์ไร้ที่พึ่ง ในพระอุปถัมภ์ฯ
สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี และผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่มเปราะบางและผู้ด้อยโอกาสเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูล โทร 09 6879 9044, 09 6145 6249 หรือ Facebook : หอศิลป์ทิพย์พิมาน
www.facebook.com/TippimarnArtGallery
https://www.cra.ac.th/th/other_projects/pimanthip_gallery
https://www.bangkokbiznews.com/news/royal/1145816
https://chulabhornchannel.cra.ac.th/news-activities/president-of-the-royal-college-of-chulabhorn/46123/
บันทึก
3
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย