4 พ.ย. เวลา 08:45 • ดนตรี เพลง

Rush - 2112: บทเพลงทรราช จากคอมพิวเตอร์สู่เสียงกีตาร์ และอิสรภาพผ่านดนตรี

ในขณะที่ผลงานสองชุดแรกของ Rush คืออัลบั้ม Rush และ Fly by Night ช่วยสร้างกระแสฮือฮาในหมู่แฟนเพลง Hard Rock ทั่วโลก แต่ Caress of Steel ซึ่งเป็นผลงานชุดที่สามที่เน้นแนว Progressive มากขึ้นกลับสร้างความสับสนให้กับแฟนเพลงหลายคน
Rush รู้สถานการณ์นี้ดีว่างานชุดที่สี่ของพวกเขาควรออกมาเป็นอย่างไร และพวกเขาก็ทำผลงานออกมาได้ทันเวลาพอดี
อัลบั้ม 2112 ที่ออกในปี 1976 พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จทางการค้าและยังคงเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ได้รับความนิยมสูงสุดของพวกเขา แทนที่จะเลือกระหว่าง Progressive Rock กับ Heavy Rock ทั้งสองสไตล์กลับผสมผสานกันเพื่อสร้างแนวทางที่น่าสนใจและแปลกใหม่
Side A ทั้งหมดประกอบด้วยเพลงไตเติ้ลสุดคลาสสิก ซึ่งวาดภาพโลกในอนาคตอันน่าสะพรึงกลัวที่เทคโนโลยีเข้ามาควบคุมและแทนที่ดนตรียุคเก่าทั้งหมด
Side B ประกอบด้วยเพลงสั้นๆ เช่น "A Passage to Bangkok" ที่มีกลิ่นอายตะวันออกกลาง และเพลงร็อคปิดอัลบั้ม อย่าง "Something for Nothing"
แฟนๆ ของ Rush ต่างยกย่อง 2112 ว่าเป็นอัลบั้ม "คลาสสิก" ชุดแรกของพวกเขา และเป็นอัลบั้มมาสเตอร์พีซ ชุดแรกๆ ในแนวเดียวกันด้วย
สมาชิกของวงตั้งแต่ปี 1974 (ซ้ายไปขวา): Alex Lifeson, Neil Peart และ Geddy Lee
2112: บทเพลงทรราชสู่อิสรภาพ
เล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มที่ค้นพบดนตรีท่ามกลางสังคมเผด็จการที่ดนตรีทั้งหมดเป็นสิ่งที่ถูกห้าม เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2112 หลังจากสงครามระหว่างกาแล็กซีในปี 2062 สหพันธ์สุริยะเข้าปกครองดาวเคราะห์ และโลกถูกนักบวชแห่งวิหารซิริงซ์เข้าควบคุมประชากร
บทเพลงกล่าวถึงชายหนุ่มนิรนามที่ค้นพบกีตาร์ในถ้ำและให้กำเนิดดนตรียุคเก่าขึ้นมาอีกครั้ง เขาฝึกฝนและเล่นกีตาร์จนชำนาญ ก่อนจะนำไอเดียดนตรีเพื่อสันติสุขของตนมาเสนอให้หัวหน้านักบวชทรราชฟัง แต่ท้ายที่สุดนักบวชได้ทำลายกีตาร์ลง และประกาศว่าดนตรีขัดกับแผนการคอมพิวเตอร์ของลัทธิ
ชายหนุ่มกลับบ้านด้วยจิตใจที่แหลกสลาย คืนนั้นในความฝัน เขาได้เห็นดาวเคราะห์ที่ความคิดสร้างสรรค์และความเป็นปัจเจกเฟื่องฟู เขาตื่นขึ้นมาด้วยอาการซึมเศร้า, หมดอาลัยในชีวิต และมีความคิดฆ่าตัวตาย แต่แล้วแสงสุดท้ายแห่งความหวังก็ได้ฉายลงมาที่โลกเบื้องล่าง ในนามของกองทัพสหพันธ์สุริยะ ที่ทำการกวาดล้างลัทธิเผด็จการ และเข้าควบคุมโลกแทน
ตอนจบของอัลบั้มนั้นค่อนข้างคลุมเครือ แต่ Neil Peart มือกลองของวง ตั้งใจให้เป็นตอนจบที่มีความสุข ที่ผู้คนในสหพันธ์สุริยะได้รับการปลดปล่อยจากทรราชทั้งปวง
บทเพลงสะท้อน พลังของปัจเจกบุคคลในการต่อต้านลัทธิเผด็จการและความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ ผ่านทางเสียงดนตรี
Ayn Rand
อัลบั้มนี้ได้รับอิทธิพลจากงานเขียนของ Ayn Rand นักเขียนชาวรัสเซีย-อเมริกัน โดยเฉพาะหนังสือของเธอเรื่อง "Anthem" จากปี 1938 ว่าด้วยการต่อต้านลัทธิรวมหมู่ ซึ่งเป็นความคิดที่ว่าสังคมควรมีสิทธิ์เหนือกว่าปัจเจกบุคคล
Cr. AllMusic
---
โฆษณา