4 พ.ย. เวลา 13:22 • ปรัชญา
ความรัก เหมือน ยาขม ..เวลาจะเกิดความรัก มันก็มายาให้ยึดถือ ขอให้ได้เห็น ได้ชม ..ว่า รูปนี้ดี รูปนี้งาม ..มันเป็นมายา..ปรุงแต่ง ..เราก็ดูแมวที่เลี้ยง ก็ได้ มันกร้อง เหมียวๆ ทำท่าทาง น่ารัก น่าแอ่นดู พอได้กินอิ่ม มันก็ไปหาที่นอนของมัน แต่เวลาเจ้าจองไปทำมัน ไม่ชอบใจมันก็ข่วนเอา
มีนิทาน ..แหม..เรื่องนี้ก็อยากเล่าเลย ..แต่ก็เป็นกรณี ศึกษา ..มีนักบวช ผู้หญิงสาว ไปหลงชอบ นักบวชชาย ก็เทียว มาเดินมองกุฏิ ขอให้ได้เห็นก็ยังดี ..เห็นผ้าที่ตากก็ยังดี ..ก็มีนักบวชชรา ไปว่า นักบวชหญิง ว่าของแค่นี้ ไปหลงอยู่ได้ ..ก็พูดต่อว่านักบวชหญิงเสียๆหายๆ
..ถัดมาไม่กี่วัน แม่ชีชราก็เอาบ้าง เอากระจกมาส่อง เอาแป้งมาผลัดหน้า ร่องแก้มก็ลึก รอยเหี่ยว ตีนกา ..มันก็มาก ก็พยายาม เอาแป้งมากลบเกลื่อน ร่องรอยที่เหี่ยวย่น .ให้ดูว่าสวยเท่าที่ทำได้ .แล้วก็ออกเดินมาแวะเวียนที่กุฎนักบวชหนุ่ม ไม่ได้เห็นตัว ก็เห็นผ้าที่ตากก็ยังดี
.. เราก็ได้ฟังเรื่องเล่ามา ..นี่แหละความรัก มายาของความรัก มันแรกๆ ก็เป็นสีชมพู พอมากเข้า มันก็เป็นสีไพรเน่า ..จะยื้อ มาเป็นเจ้าของให้ได้ ..มันพัดรุนแรงขึ้น จนเกิดเป็นคู่ คู่เวนคู่กรรม คู่ผ่าน คู่ทุกข์คู่ยาก คูเห็นอกเห็นใจกัน คู่อุปถัมภ์ คู่อาฆาตมาดร้ายกันก็มี ถึงเวลามันก็ต้อง ทำร้ายซึ่งกันและกัน
เรื่องมายาความรัก นี่มันแปลก พอเริ่มต้น มันก็หวานทั้งนั้นแหละ ใครล่ะ จะไปทำตัวน่าเกียจให้เหยื่อมันหลงมาติดกับ .เหยื่อเวรกรรม ..มันจึงมีเรื่องเล่ามากมายไม่จบไม่สิ้น เรื่องคู่ผัวตัวเมีย .. มีแล้วก็อยู่กันให้มีความสุขล่ะกัน ..อย่าไปมีอย่างอื่นเลย วุ่นวายตาย…
เรื่องราวพวกนี้ มันเป็นมายา..ให้คนมีกรรม ..แบกขันธ์คนเดียวก็ทุกข์พอแล้ว ก็ต้องไปคล้องขันธ์ห้าคนอื่นมาแบกอีก ..แบกเฉยไม่ได้ ต้องมีน้ำอดน้ำทน เกื้อกูลกันไป จูงกันไปจนแกเฒ่าชราหง่ำเหงือกให้ได้ล่ะกัน..ชาตินี้ จูงกันไปจนหง่ำเหงือก ชาติหน้าก็เกิดมาจูงอีก เค้าว่า บุพเพสันนิวาส..
โฆษณา