5 พ.ย. เวลา 01:54 • ธุรกิจ
การชำระสะสางกาย สะสางอารมณ์ ให้ไม่มีอะไร ..ไม่มีธุระ ไม่มีภาระ ไม่มีพันธะ ฟอกกายฟอกจิต..จิตจะได้เลิกทาส ..เลิกเป็นทาสอารมณ์ที่ปรุงแต่ง .เรื่องราวเหล่านี้ ..คนเราไม่ชอบหรอก เป็นทาสอารมณ์ มันได้เสพสุขที่อารมณ์ปรนเปรอให้ ร่ำรวยเงินทอง ยศฐานบรรดาศักดิ์ คำสรรเสริญเยินยอ มันห้อมล้อมขังจิต ปลดเปลื้องเลิกเป็นทาสไม่ได้ เมื่อเลิกไม่ได้ ก็เป็นทาสของกรรม สร้างกรรมกันต่อไป ..อยากมีอะไร ..ใหญ่โตๆ รถหรูๆ บ้านหรู เอาปรนเปรอกาย ..ใช้กายไป…ไม่สงสารกายบ้างหรือ….ไม่เป็นไรหรอก ใช้กายเข้าไป เดี๋ยวมันก็เจ็บแก่ตายไปเอง
การที่มีกาย ..จิตที่มาอาศัยกาย มันก็มีภาระ ภาระที่จะต้องรับ ..เวทนาที่เกิดขึ้นในกาย กายหิว กายเจ็บ กายที่ต้องพักผ่อน พอลมไม่เข้า ก็อึดอัน พาลจะตายเสียยังงั้น .. เมื่อมีกายมีภาระ ในกายนี้ก็ยังมี อารมณ์อีก ..มีดีใจ เสียใจ สมหวัง ไม่สมหวัง ..มีอารมณ์นึกคิดต่างมากมาย ที่เกิดขึ้น มันมาจากไหนบ้าง ..มาจากเรื่องวิญญาณทั้งหก
..พอเกิดมา ..แรกเกิด ก็ได้แต่นอนนิ่งๆ กินกับนอน ยังมองเห็นอะไรไม่ชัด ได้ยินเสียง ก็ยังไม่รับรู้อะไรมา พอวิญญาณทั้งหก เริ่มแข็งแรง ก็เริ่มเรียนรู้ การใช้สายตา การมอง เริ่มสนใจ . แต่พอหิว ..ไม่มีใครให้อะไรกิน ก็เรียกร้อง ร้องกระแว้ ..ก็ยังพูดไม่ได้นิน่ะ
1
พอโตขึ้นมาหน่อย รู้จัก รส เปรี้ยวกวานมันเค็มเผ็ดร้อน ..อะไรอร่อยไม่อร่อย ก็จดจำ ในสัมผัสที่เกิดขึ้น ก็มีเสียงที่ฟังแล้วไม่ชอบใจ ฟังแล้วไม่พอใจ เห็นคนเค้าโกรธ โมโห ..เค้าทำอย่างไร ก็จำมา เรียนรู้จัก จดจำอารมณ์ท่าทางที่เค้าแสดง
มีวิญญาณทั้งหกให้มาเรียนรู้ .แต่ก็ไม่รู้ ..ว่าเหตุผล ที่เค้ามีอารมณ์นั้น ใช้อารมณ์นั้น มันเป็นเหตุผลของเรื่องราวอะไรบ้าง เค้่าบอกให้พูด ว่า คนนี้พ่อ คนนี้แม่ ก็เรียกตามๆไป ก็ยังไม่ว่า ไอ้คนนี้เป็นพ่อเป็นแม่ เค้ามีความเป็นมาอย่างไรกัน ไม่รู้ว่า พระคุณ การอุปการะ อุปถัมภ์ เกื้อกูล เห็นอกเห็นใจ มันเป็นมาอย่างไร แม้ว่า อยู่ในสิ่งที่ห้อมล้อม ในวัยเยาว์ไร้เดียงสา ก็คิดไม่ได้ คิดไม่เป็น
เรื่องราวของวิญญาณทั้งหก นั่น มีการเก็บสะสมบันทึก ลงไปที่ธาตุทั้งสี่ตลอดเวลา วิญญาณทั้งหก นั้น มันมีอารมณ์ .อยู่ .. เช่น ตาเราเป็นรูปสวย รูปไม่สวย ..มันก็มีอารมณ์ ตาไปเห็นของอร่อยที่ชอบยามหิว ..ก็ชอบจะกินสิ่งนั้น เมื่อสั่งเกตดูที่กาย มันมีอารมณ์เกิดขึ้นตลอดเวลา สลับไปเรื่อย ขันธ์ห้าก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย สติ..ของเราก็ทำตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น เพราะยึดถือ ห่วงกาย ..หาความสุข ให้กายสบาย ให้สมหวังที่อารมณ์นั้น ปรารถนา พอสมหวังตามอารมณ์ อารมณ์นั้นผ่อนคลาย สงบลงไป แล้วเดี๋ยวก็มาใหม่ ..
เมื่อสิ่งต่างที่เกิดขึ้นในกาย มันไม่เคยหยุดพัก หยุดนิ่ง ..เราก็นำกายนี้ มาทำให้อยู่นิ่ง จิตเฉย ..มีสติสัมปชัญญะ ..นั่งนิ่งๆ เพื่อจะดูสิ่งที่เกิดขึ้นในกาย
..มันมีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ก็นั่งนิ่งด้วยจิตที่เฉย พรั่งพร้อมสติสัมปชัญญะ เราจะไม่นึกคิดอะไร จิตเฉย ..สิ่งที่ทำให้กายไม่นิ่ง จิตไม่เฉยคือ อารมณ์ ..รู้ว่า เป็นอารมณ์ เราก็อยู่ที่กายนิ่ง จิตนิ่ง เฉยๆจิตเฉยๆ หยุดที่กายนิ่ง ยุติที่จิตนิ่ง ..ไม่มีอะไร ..นั่นก็คือ การชำระสะสาง .กายและจิต สะสางอารมณ์สะสางกรรม สลัดออกไปจากธาตุทั้ง ซักฟอกกายวิญญาณทั้งหกให้สะอาดสะอ้าน ไม่มีอารมณ์ กายก็เป็นสุข จิตก็เป็นสุข ไม่มีอารมณ์ จิตเลิกเป็นทาสอารมณ์
จะมานั่งนิ่ง กายนิ่ง จิตนิ่ง นี้ เป็นอาสนะ…ผู้ที่มีปัญญาเป็นธรรม สร้างบุญกุศลบารมี ไม่เพียงพอจะนั่งไม่ได้เลย เพราะเป็นอาสนะที่องค์พระสิทธัตถะ ท่านทำมา ..อาสนะนี้ เขื่อเชิญ ให้ผู้ที่จะเลิกทาส ..มานั่งปลดเปลื้องอารมณ์กรรมตัวกระทำ
..อาสนะนี้ ..นั่งไม่ดี จะเร่าร้อน .เหมือนเปลวไฟ เผาผลาญจิต กระสับกระส่าย ทุรนทุราย .ด้วยเปลวเพลิง.ของอารมณ์..โลภโกรธหลง ทะเยอทะยาน …ด้วยอารมณ์วิญญาณทั้งหกที่สะสมกรรมมา..ไม่มีความขันติอดทน ..ทำไม่ได้เลย บ้างก็ว่า เป็นสมถะ..โง่เง่าเต่าตุ่น ไปเสียนี่ ..
..รอยนี้ ..อาสนะ ..ผู้ที่ต้องการเลิกทาส ท่านทำกัน ..จึงได้มีรูปพระปฏิมากร นั่งนิ่งๆ เฉยๆ ให้ดูเป็นแบบอย่าง ..กายนิ่ง จิตนิ่ง ไม่มีอะไรเลย นั่งเป็นเหมือนหุ่น ให้เชยชม สักการะบูชา ..นั่งทำแบบท่านได้มั้ย ..ไม่มีอะไร ในกาย ไม่อารมณ์ ไม่มีเวทนาสุขอะไรเลย ..เลิกเป็นทาสต้องมาเกิดแก่เจ็บตาย..เป็นยังไงละ เกิดมาแล้วแก่เจ็บตาย ..สบายดีมั้ย …ถามจิตของตัวเอง..
โฆษณา