เมื่อวาน เวลา 13:30 • กีฬา

กำเนิด ราฟินญ่า : จากฮีโร่แห่งยอร์คเชียร์สู่กัปตันทีมบาร์เซโลน่า | Main Stand

ในช่วงที่ตลาดซื้อขายฤดูร้อนปี 2024 เปิดอยู่ ราฟินญ่า เป็นตัวเต็งที่จะโดน บาร์เซโลน่า ถีบหัวส่ง และนำ นิโก้ วิลเลียมส์ ดูโอ้ของ ลามีน ยามาล ในทีมชาติสเปนมาแทนที่อยู่เลย
คล้อยหลังได้เพียง 2 เดือนกว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปเรียบร้อย นักเตะบราซิลรายนี้เกิดใหม่ในยุค ฮันซี่ ฟลิค ด้วยเหตุผลง่าย ๆ แต่ใครก็เบียดยาก
เขากลายเป็นกัปตันทีม และหมากตัวสำคัญในเกมรุกของ บาร์เซโลน่า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว … และเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทั้งหมด มีดังนี้
ฮีโร่แห่งยอร์คเชียร์
ราฟินญ่า ถือเป็นดีลคุ้มค่าที่สุดในรอบหลายปีที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด เคยทำธุรกิจมา นี่คือนักเตะที่แบกทีมด้วยประตูและแอสซิสต์มากมาย และแน่นอนที่สุดคือการยิงประตูช่วยพาทีมรอดตกชั้นในฤดูกาล 2021-22 ทุกเรื่องที่กล่าวมาทำให้ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่แฟนบอล ลีดส์ ก็รักเขามากที่สุด และยกให้เขาเป็นหนึ่งในตำนานของทีมด้วย
แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย ในวันแรกที่ ราฟินญ่า มาอยู่กับ ลีดส์เมื่อปี 2020 ผู้คนไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ แฟนลีดส์บางคนถึงขั้นคิดว่าเขาคือ ราฟินญ่า อัลคันทาร่า น้องชายของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า กองกลางเวิลด์คลาสของ บาเยิร์น ในเวลานั้น ซึ่งพอรู้ว่าเป็นคนละ ราฟินญ่า ก็มีคอมเมนต์ว่า เราเอาเงิน 20 กว่าล้านปอนด์ไปแลกกับคนที่แบกทีมได้ไม่ดีกว่าหรือ ?
นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าเป็นห่วงสำหรับแฟนบอล แต่กับ ราฟินญ่า มันเป็นเรื่องที่ดี เพราะเขาชอบทำงานภายใต้ความกดดัน เพราะเชื่อว่าสิ่งนี้จะผลักดันเขาไปอีกระดับ และความกดดันคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ถ้าอยากจะเป็นนักเตะระดับท็อป ยิ่งคุ้นชินกับมันเท่าไหร่ การไปถึงระดับสูงก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
"ผมบอกเพื่อน ๆ เสมอว่าอย่าไปกลัวแรงกดดัน เพราะนั่นหมายถึงว่ากำลังมีคนคาดหวังในตัวคุณมันเป็นเรื่องที่ดี และสามารถสร้างพลังให้คุณ ทำให้คุณทำสิ่งที่น่าประหลาดใจและมหัศจรรย์ในสนาม ดังนั้นในช่วงที่เริ่มต้นกับลีดส์จนกระทั่งตอนสุดท้าย ผมมีความสุขมากที่อยู่ภายใต้แรงกดดันแบบนั้น" ราฟินญ่า กล่าว
ราฟินญ่า ทำแทบทุกอย่างในเกมรุกของ ลีดส์ ในช่วง 2 ปีที่อยู่ด้วย การเลี้ยงกินตัว (สถิติอันดับ 1 ของทีม) การผ่านบอลคิลเลอร์พาส (สถิติอันดับ 1 ของทีม) การเล่นลูกนิ่ง การยิงในกรอบและนอกกรอบ (อันดับ 1 ของทีม) ทุกอย่างแทบจะเป็นการรับจบได้ด้วยคนเดียว ซึ่งด้วยความหลากหลายที่กล่าวมา ทุกคนต่างรู้ดีว่าทีมระดับลุ้นหนีตกชั้นอย่าง ลีดส์ เล็กเกินไปแล้วสำหรับเขา
หลังจบฤดูกาล 2021-22 ชื่อของ ราฟินญ่า ที่ถูกพูดถึงบนโลกฟุตบอลมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ไม่ใช่ ราฟินญ่า อัลคันทาร่า อีกต่อไป เพราะ ราฟินญ่า แห่งยอร์คเชียร์ได้ก้าวขึ้นมาป็นนักเตะที่มีชื่อบนหน้าสื่อมากกว่า ราฟินญ่า คนไหน ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว
"ชายคนนี้ได้ก้าวเข้ามาเป็นพระเอกคนโปรดของพวกเรา วิธีการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจและเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ในทุกจังหวะที่มีบอลทำให้พวกเราต้องคิดถึงเขา ... ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นหนึ่งในการซื้อขายที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ส่วนของลีดส์ผมว่านี่คุ้มที่สุดในรอบ 100 ปีเลยด้วยซ้ำ" อดัม โป๊ป ผู้สื่อข่าวของ BBC Radio Leeds ระบุแบบนั้น หลังทราบข่าวว่า ราฟินญ่า จะย้ายไปตามฝันของเขาที่ บาร์เซลน่า หลังภารกิจพา ลีดส์ หนีตกชั้นสำเร็จ
เวทีใหญ่ที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง
แม้ บาร์เซโลน่า จะเป็นสโมสรที่มีหนี้สินกว่า 1 พันล้านปอนด์ แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดให้พวกเขาสามารถคว้าตัว ราฟินญ่า จากลีดส์ ด้วยค่าตัวระดับ 50 ล้านปอนด์ได้ เพราะด้วยสไตล์การเล่นของเขาที่โดนใจ ชาบี เอร์นานเดซ กุนซือของทีมในเวลานั้นแบบสุด ๆ
ชาบี รักในวิธีการเล่นที่กล้าได้กล้าเสีย มีความเร็ว สามารถเล่นในพื้นที่ด้านกว้างได้ดี และสามารถปรับตัวให้เข้ากับความหลากหลายทางกลยุทธ์ เหนือสิ่งอื่นใดคือความกระหายในการวิ่งไล่ล่าบอลเพื่อเอากลับมาให้ทีมได้เป็นฝ่ายบุกอีกครั้ง
"เขามีความคล่องตัวสูงมากจนสามารถเล่นได้ 4-5 ตำแหน่งในแนวรุกได้สบาย ๆ และเขาเป็นผู้เล่นที่ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เราจะมองหาได้ในเวลานี้" ชาบี ว่าถึง ราฟินญ่า เช่นนั้น
คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ บาร์เซโลน่า กล้ายอมปล่อยตัว อุสมาน เดมเบเล่ นักเตะที่ค่าตัวเกิน 100 ล้านยูโรออกไปเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และไม่ตอบโจทย์กับแท็คติกของ ชาบี ในเวลานั้น ขณะที่ ราฟินญ่า ก็ชอบ บาร์เซโลน่า มาตั้งแต่ยังเด็กเพราะมี โรนัลดินโญ่ เป็นขวัญใจด้วย ทำให้ทุกอย่างลงล็อก และทำให้เขาได้มาเล่นกับสโมสรในฝันในท้ายที่สุด
ในฤดูกาลแรกกับ บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีม ชาบี นั้น ราฟินญ่า โดดเด่นในระดับหนึ่ง เขาจบฤดูกาลด้วยการยิงไป 11 ประตูและทำไปอีก 14 แอสซิสต์ ซึ่งในตอนจบของซีซั่น บาร์ซ่า คว้าแชมป์ ลา ลีกา มาครองได้สำเร็จหลังปล่อยให้ เรอัล มาดริด ครองความยิ่งใหญ่เหนือกว่ามาหลายปี
แม้จำนวนประตูและแอสซิสต์รวมถึง 25 ลูก แต่ดูเหมือนว่ามีความสงสัยและความคาดหวังในตัวเขายิ่งกว่านั้น และคิดว่าในซีซั่น 2023-24 จะเป็นปีที่ดีกว่าเดิม และเป็นจะเป็นซีซั่นที่เขาสามารถแบกเกมรุกของทีมได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ทว่าปัญหามากมายเหลือเกินในซีซั่น 2023-24 ชาบี เริ่มมีปัญหากับบอร์ดบริหารของ บาร์เซโลน่า โดยเฉพาะ โจน ลาปอร์ตา ประธานสโมสร ขณะที่เรื่องฟอร์มกาเล่นในสนามก็เริ่มตกลง ฟอร์มแชมป์ในปีที่แล้วเริ่มไม่มีความสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับข่าวลือเรื่องที่ว่า ราฟินญ่า ก็เป็นอีกคนที่มีความคิดเห็นคนละทางกับ ชาบี ด้วย ... ซึ่งนั่นทำให้มีข่าวลือว่าเขาจะถูกขายทิ้งเลยทีเดียว
โดยรายงานจากสื่อท้องถิ่นในแคว้นกาตาลุนย่าบอกว่า ในห้องแต่งตัวของ บาร์เซโลน่า ช่วงซีซั่น 2023-24 ได้มีกลุ่มนักเตะกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการจัดการทีมของ ชาบี โดยชื่อของ ราฟินญ่า หลุดออกมาก่อนใคร บ้างก็บอกว่า ราฟินญ่า กับความสุดโต่งของเขาถือเป็นหัวโจกในการล้ม ชาบี เลยทีเดียว
ซึ่งข่าวลือน่าเชื่อเข้าไปอีกเนื่องจากนักข่าวสายบาร์เซโลน่าอย่าง เคราร์ด โรเมโร่ ได้ระบุแบบอ้อม ๆ ว่า "11" (เบอร์เสื้อ ราฟินญ่า) ได้ทะเลาะกับทีมโค้ชและฝ่ายเทคนิคของทีมระหว่างเกมที่ บาร์เซโลน่า เจอกับ บาเลนเซีย ในเกมวีกที่ 33 ของ ลา ลีกา สเปน ซึ่งในเกมต่อมาที่ บาร์ซ่า เจอกับ จีโรน่า ราฟินญ่า ก็โดนดร็อปเป็นตัวสำรอง และใช้งาน เฟร์มิน โลเปซ ดาวรุ่งจาก ลา มาเซีย ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงแทน
เขาควรจะอยู่ไม่ได้แล้วแท้ ๆ ณ ตอนนั้น แต่ถือเป็นโชคและโอกาสของเขาที่การเปลี่ยนแปลงระลอกใหม่มาถึง เพราะ ลาปอร์ต้า และ ชาบี ไม่ลงรอยกันในการตกลงกันครั้งสุดท้าย จากที่เคยเล่นบทพ่อแง่แม่งอนอยู่สักพัก สุดท้ายก็จบลงที่ ชาบี ออกมาประกาศว่าหลังจบซีซั่นนี้เขาจะยุติบทบาทกุนซือของ บาร์เซโลน่า และนั่นเองเหมือนเป็นจังหวะเหมาะเจาะที่ ลาปอร์ต้า รออยู่พอดี
ว่ากันว่า ชาบี ไม่ใช่โค้ชคนที่ ลาปอร์ต้า อยากได้ตั้งแต่แรก คนที่เขาเล็งไว้คือ ฮันซี่ ฟลิค ต่างหาก เพียงแต่ย้อนไป ณ เวลานั้น ฟลิค ยังมีงานคุมทีมชาติเยอรมันอยู่ และไม่ว่างที่จะรับงานที่ บาร์เซโลน่า ... การที่ ชาบี ประกาศลาออกด้วยตัวเอง ตรงกับช่วงที่ ฟลิค ว่างงานพอดี และแม้จะมีการเจรจากลับมาลงตัวอีกครั้ง ชาบี ยอมอยู่ต่อ แต่ท้ายที่สุด ลาปอร์ต้า ก็หักหลัง ชาบี ด้วยการปลดออกจากตำแหน่ง และดึง ฟลิค เข้ามารับงานที่ บาร์เซโลน่า จนได้
การเข้ามาของ ฟลิค คือการเกิดใหม่ของ ราฟินญ่า โดยแท้จริง ... ฟลิค เคยใช้ปีกชาวบราซิลอย่าง ดั๊กลาส คอสต้า ให้ดังเปรี้ยงมาแล้วสมัยอยู่กับ บาเยิร์น และ ราฟินญ่า จะเป็นอาวุธทะลุทะลวงในแบบเดียวกัน
วันที่ ฟลิค มาถึง เขาประกาศต่อหน้านักเตะทุกคนว่า ต่อจากนี้ทุกคนจะต้องเริ่มใหม่พร้อมกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นซีเนียร์หรือนักเตะวัยทีนเอจที่ถูกโปรโมตมาจากทีมเยาวชน และถ้าใครอยากจะได้โอกาสในยุคของเขา เทคนิคอย่างเดียวไม่เพียงพอ พละกำลัง ความอึด และระเบียบวินัย คือสิ่งที่ถ้าใครอยากจะได้โอกาสต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
การประกาศเช่นนี้ทำให้ ราฟินญ่า ที่มีข่าวจะโดนขายทิ้ง กลับมามีโอกาส และสร้างความประทับใจให้เจ้านายคนใหม่ของเขา การเข้ามาของ ฟลิค คือการเกิดใหม่ของ ราฟินญ่า โดยแท้จริง ... ฟลิค เคยใช้ปีกชาวบราซิลอย่าง ดั๊กลาส คอสต้า ให้ดังเปรี้ยงมาแล้วสมัยอยู่กับ บาเยิร์น และ ราฟินญ่า จะเป็นอาวุธทะลุทะลวงในแบบเดียวกัน
เกิดใหม่ในยุคฟลิค
จริง ๆ สาเหตุที่ ราฟินญ่า จะโดนขายทิ้งไม่มีอะไรมากไปกว่าการเอาเงินเข้าสโมสร และเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อ นิโค วิลเลี่ยมส์ ปีกแชมป์ยูโร 2024 กับทีมชาติสเปน ของ แอธเลติก บิลเบา ที่บอร์ดบริหารบาร์ซ่าอยากจะได้มาร่วมทีมมาก เพราะต้องการให้ทำหน้าที่ร่วมกับ ลามีน ยามาล เหมือนกับที่ทำในทีมชาติสเปน เพื่อเป็นตัวหลักของทีมในระยะยาว
ทุกคนนึกถึงแต่ นิโค แทบจะลืม ราฟินญ่า ไปแล้วด้วยซ้ำ แม้กระทั่งแฟน ๆ ของ บาร์ซ่า ที่ทำเสื้อหมายเลข 11 ซึ่งเป็นเบอร์ของ ราฟินญ่า แต่สกรีนชื่อของ นิโค วิลเลี่ยมส์ มาใส่แทนที่ ซึ่งเป็นการบอกอ้อม ๆ ว่า "เก่าไปใหม่มา" ตามวัฏจักรของฟุตบอล
อย่างไรก็ตาม ฟลิค ไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเมื่อดีลของ นิโค ล่าช้า เขาก็เริ่มทำงานของเขาไปแล้ว ... และ ราฟินญ่า ก็เริ่มทำคะแนนในฐานะปีกจอมขยันที่เล่นเกมรุกในแบบที่กดดันคู่แข่งได้ และเมื่อฝ่ายตั้งรับก็สามารถวิ่งไล่บอลได้ไม่มีหมด
"ราฟินญ่า เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีความฟิตสูงที่สุดในบาร์เซโลน่าจากการทดสอบเรื่องพลังทางกายภาพ คุณสมบัตินี้จะทำให้เขาเป็นนักเตะที่ ฟลิค เลือกใช้ เพราะตอบโจทย์กับกลยุทธ์ที่ ฟลิค และทีมงานของเขาเตรียมมาใช้งานที่นี่" เคราร์ด โรเมโร่ อธิบายเพิ่ม
ซึ่งเมื่อซีซั่นเริ่ม เรื่องของ นิโค จะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ ฟลิค ได้ทีมที่จะใช้ในซีซั่นนี้แล้ว ซึ่งปีกซ้ายเป็นตำแหน่งที่ ราฟินญ่า ได้รับมอบหมาย โดยอีกฝั่งจะเป็น ยามาล ที่จะคอยทำคอมโบเกมรุกตลอดเวลา บางครั้งมีการสลับตำแหน่ง และผลัดกันเข้ามายืนตรงกลางเพื่อช่วยให้มีตัวเลือกในการเคลื่อนบอลในพื้นที่สุดท้ายและหาโอกาสยิงประตูให้ได้มากกว่าเดิม
ขณะที่หลังฉากของการแข่งขัน ราฟินญ่า ก็เริ่มสร้างบทบาทเป็นพี่ใหญ่ที่ทำให้นักเตะดาวรุ่งหลายคนในทีมยอมนับในตัวของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ มีรายงานจากบทความของ The Athletic บอกว่า นักเตะอย่าง เฟร์มิน โลเปซ, อเลฮานโดร บัลเด, กาบี และดาวรุ่งในทีมคนอื่น ๆ มักจะเชื่อฟังข้อแนะนำจาก ราฟินญ่า เป็นพิเศษ ซึ่งบทบาทนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือเท่านั้น เพราะอีกไม่นานนัก ฟลิค ที่เป็นกุนซือก็พูดในลักษณะคล้าย ๆ กันด้วย
"ราฟินญ่า เป็นตนตลกสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้กับทีมได้ และนั่นสำคัญสำหรับผมและทีมมาก ๆ คุณจะต้องการอะไรอีก นี่คือนักเตะที่ทำเต็มที่ในสนาม และยังเป็นคนที่ทำให้ห้องแต่งตัวของคุณมีบรรยากาศที่ดีขึ้นได้ด้วย ทุกสิ่งที่เขาทำ คือทุกสิ่งที่เราต้องการจากเขา" ฟลิค ว่าแบบนั้น
ไม่ใช่แค่คำพูดเท่าน้้น ในแง่ของสถิติซีซั่นนี้ ราฟินญ่า คือนักเตะที่ที่วิ่งมากที่สุดในทีม โดยเฉพาะการสอดเข้าไปเล่นในที่ว่างหลังแนวรับที่เขาพยายามออกตัววิ่งมากถึง 118 ครั้ง (เก็บสถิตเมื่อเกมวีกที่ 7) ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ถึง 36 ครั้ง และมากกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ในลีกสเปนถึง 2 เท่า
นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่วิ่งเร็วสุดเมื่อมีฟุตบอลอยู่กับตัว โดยจังหวะสปีดของเขานำโด่งอยู่ที่ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งเขาวิ่งด้วยความเร็วมากและบ่อยเท่าไหร่ นั่นเท่ากับว่าคู่แข่งจะไล่จับเขายากเท่านั้น และจะเป็นการเปิดพื้นที่ให้กับคนอื่น ๆ ได้มีพื้นที่และเวลาเล่นกับฟุตบอลมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นประตูที่เขาทำได้ในเกมเอาชนะ เรอัล บายาโดลิด 7-0 ลูกยิของเขาเกิดขึ้นจากการสบตากับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่มีบอลอยู่กับตัว จากนั้น เลวาน ก็จ่ายบอลไปยังพื้นที่ว่าง และ ราฟินญ่า ก็เข้าไปยังจุดนัดพบนั้นก่อนใครในสนามก่อนจัดการส่งบอลเข้าประตูไป
การเข้าทำแบบเร็ว ใช้จังหวะน้อยครั้ง แบบนี่ทำให้ ฟลิค ไม่สามารถถอด ราฟินญ่า ได้เลย และนับวันเจ้าตัวก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ และช่วยให้งานของ เลวานดอฟสกี้ ในวัย 36 ปี ง่ายขึ้น และไม่โดดเดี่ยวมากเหมือนยุค ชาบี ที่บ่อยครั้งเขาต้องพยายามหาวิธีเล่นด้วยตัวเอง
สิ่งที่น่ายินดีที่สุดสำหรับบาร์เซโลน่าคือ ราฟินญ่า กำลังตั้งมาตรฐานที่เขาพิสูจน์มาแล้วในอดีตว่าเขาสามารถรักษาไว้ได้แม้จะต้องเล่นในเวทีที่ความยากและเข้มข้นสูงขึ้น ตอนนี้เขากำลังเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งในและนอกสนามสำหรับทีมที่มีนักเตะดาวรุ่งจำนวนมากอย่าง บาร์เซโลน่า
ซึ่ง ฮันซี่ ฟลิค ก็ตอบแทนความไว้วางใจนั้นด้วยการมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้กับเขาในเวลานี้ หลังจากที่ มาร์ค อังเดร แทร์ สเตเก้น กัปตันคนเก่าได้รับบาดเจ็บยาวไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่
ราฟินญ่า กำลังสนุกกับบทบาทที่ได้รับ และไล่กลบกระแสลบที่มีต่อเขาก่อนหน้านี้ได้อย่างสนิทแนบเนียน ... ซึ่งด้วยฟอร์มแบบที่เป็นอยู่นี้ รับรองได้ว่าใครก็ตามที่จะต้องมาแย่งตำแหน่งกับเขา ต้องไม่เจองานง่ายจากมาตรฐานที่ ราฟินญ่า ได้สร้างไว้อย่างแน่นอน
บทความโดย : ชยันธร ใจมูล
โฆษณา