เมื่อวาน เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

โบสถ์มอรมอน รวยสุดในวงการสายบุญ เจ้าของพอร์ตการลงทุน 6,000,000,000,000 บาท

“ภายในปี 2044-2050 พอร์ตการลงทุนของเราจะมีมูลค่าแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 33 ล้านล้านบาท”
ประโยคข้างต้นนี้ ไม่ได้มาจากนักลงทุนระดับโลกที่ไหน แต่เป็นคำพูดที่อยู่ในรายงานประจำปีของโบสถ์มอรมอน ในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งตอนนี้เป็นเจ้าของพอร์ตการลงทุนมูลค่า 182,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท
โดยเงินลงทุนก้อนนี้เป็นแค่เพียงทรัพย์สินส่วนหนึ่งของโบสถ์แห่งนี้เท่านั้น ยังมีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่เก็บไว้ในรูปที่ดิน และโบสถ์สาขาต่าง ๆ
ทำให้รวมกันแล้ว โบสถ์มอรมอน ถือครองทรัพย์สินรวมกันเป็นมูลค่าเกือบ 9 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
1
แล้วทำไมโบสถ์มอรมอน ถึงมีพอร์ตการลงทุนที่ใหญ่ขนาดนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุนให้เข้าใจ
โบสถ์มอรมอน ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1830 โดยชายที่ชื่อว่า โจเซฟ สมิธ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (The Church of Jesus Christ of Latter-day Saints : LDS)
1
ปัจจุบันกลุ่มมอรมอน มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองซอลต์เลก รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา
ความเชื่อของโบสถ์แห่งนี้ ค่อนข้างที่จะแตกต่างออกไปจากศาสนาคริสต์นิกายอื่น ๆ เนื่องจากกลุ่มมอรมอน มองว่าตัวเองคือศาสนจักรดั้งเดิม ที่หายไปในสมัยพระเยซูถูกตรึงกางเขน
2
ด้วยความเชื่อที่ต่างออกไป และอายุของกลุ่มมอรมอน ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ศาสนาคริสต์นิกายอื่น ๆ จึงไม่ยอมรับนิกายมอรมอน ว่าเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาคริสต์มากเท่าไรนัก
แต่ถึงอย่างนั้น กลุ่มมอรมอน ก็สามารถเผยแพร่ความเชื่อของตัวเอง จนปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลกมากถึง 17 ล้านคน
2
แต่ก่อนที่จะมีสมาชิกมากขนาดนี้ กลุ่มมอรมอน ก็เคยประสบปัญหาทางการเงินมาก่อน จนต้องกู้หนี้ยืมสินมา เพื่อต่อลมหายใจในการเผยแพร่ความเชื่อ
ความยากลำบากในอดีต ทำให้โบสถ์มอรมอนใส่ใจกับสถานะทางการเงินของตัวเองมาก เมื่อมีเงินบริจาคเข้ามา จึงต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้ลงทุน เพื่อให้เงินงอกเงย
17
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ กลุ่มมอรมอนเชื่อว่า พระเยซูจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น จะมีสงครามและความยากลำบากเกิดขึ้น จึงต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า
ทางโบสถ์มีการลงทุนมาตั้งแต่ปี 1960 แต่ไม่ได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาโดยเฉพาะ จนกระทั่งมาก่อตั้งบริษัทด้านการลงทุนของตัวเอง ชื่อว่า Ensign Peak Advisors ในปี 1997
ที่น่าสนใจก็คือ บริษัทด้านการลงทุนแห่งนี้ ไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการลงทุน เหมือนนักลงทุนรายอื่น ๆ ในสหรัฐฯ
เพราะโบสถ์ เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จึงได้รับการยกเว้นภาษีกำไรจากการลงทุน
2
และการที่ไม่ต้องจ่ายภาษีกำไรจากการลงทุนนี่เอง ที่ทำให้กองทุนของโบสถ์มอรมอน ได้รับผลตอบแทนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
จนพอร์ตการลงทุนสามารถขยายตัวใหญ่ขึ้นในทุก ๆ ปี อย่างไม่มีภาษีมาขวางกั้น
ในช่วงแรกของการลงทุน ทางโบสถ์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดการลงทุนมากนัก โดยให้เหตุผลไว้ว่า กลัวสมาชิกหยุดบริจาคเงิน เพราะเห็นว่าโบสถ์มีเงินเหลือมากพออยู่แล้ว
2
และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ไม่ต้องการให้สมาชิกคนไหน ลอกเลียนแบบพอร์ตการลงทุนของโบสถ์
5
แต่ด้วยความที่โบสถ์เปิดเผยข้อมูลน้อยจนเกินไปแบบนี้ เลยทำให้ ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ สั่งปรับเงินเป็นจำนวนเงิน 168 ล้านบาท จากการใช้บริษัทซ้อนบริษัทในการปกปิดการลงทุนของตัวเอง
1
ปัจจุบันโบสถ์มอรมอน จึงเปิดเผยข้อมูลการลงทุนของตัวเองมากขึ้น
จากข้อมูลล่าสุดในช่วงปลายปี 2023 โบสถ์แห่งนี้มีความมั่งคั่งรวม 8.89 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในกิจกรรมทางศาสนา 2.8 ล้านล้านบาท เช่น โบสถ์ และที่ดิน
2
ส่วนอีก 6 ล้านล้านบาท เป็นมูลค่าพอร์ตการลงทุนของโบสถ์ ที่บริหารโดย Ensign Peak Advisors ซึ่งมีพนักงานคอยบริหารความมั่งคั่งเพียง 50 คนเท่านั้น
1
หากถามว่าพอร์ตการลงทุน 6 ล้านล้านบาท ใหญ่ขนาดไหน ก็ถ้าจะหาองค์กรที่ต้องดูแลความมั่งคั่งพอ ๆ กับโบสถ์แห่งนี้ ก็คงเป็น กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของเกาหลีใต้
1
โดยหุ้นที่โบสถ์แห่งนี้ มีสัดส่วนการลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับมูลค่าพอร์ตนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น
- Microsoft คิดเป็นสัดส่วน 6.23%
- Nvidia คิดเป็นสัดส่วน 6%
- Apple Inc. คิดเป็นสัดส่วน 5.6%
- Amazon คิดเป็นสัดส่วน 3.34%
- Meta คิดเป็นสัดส่วน 2.99%
ด้วยความที่พอร์ตการลงทุนมีขนาดใหญ่มาก พอร์ตการลงทุนของมอรมอน จึงมีการถือหุ้นรวมกันทั้งหมด 1,711 ตัว เลยทีเดียว
นอกจากการลงทุนในหุ้นแล้ว ก็ยังมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ ด้วย เช่น หุ้นกู้, ประกัน, อสังหาริมทรัพย์, REITs, กองทุน
4
แม้จะมีการจัดพอร์ตการลงทุนแบบกระจายตัว แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนก็ถือว่าดีมาก เพราะในช่วงปี 1983 ถึง 2022 โบสถ์แห่งนี้ทำผลตอบแทนแบบทบต้นเฉลี่ยต่อปี จากการลงทุนได้ 7.5% ต่อปี
และทางโบสถ์ก็คาดว่า ถ้าหากมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปี และไม่มีการถอนเงินก้อนใหญ่ไปใช้
มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดจะโตไปถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2049 หรือในอีก 25 ปีข้างหน้านั่นเอง..
 
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ รู้ไหมว่า กลุ่มมอรมอน มีโบสถ์รวมกันกว่า 18,900 แห่งทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือ โบสถ์ในกรุงเทพฯ ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่
2
และมีสมาชิกในประเทศไทยถึง 25,000 คนแล้ว
#ลงทุน
#กองทุน
#โบสถ์มอรมอน
โฆษณา