ยูเครนมีเสียวจริงเหรอ ?
การเลือกตั้งสหรัฐ น่าจะชัดเจนแล้วว่าทรัมป์มาแน่
ถ้ามองทรัมป์กับประเด็นสงครามสองจุดใหญ่
ก็ต้องบอกว่ามีทั้งคนสมหวัง และผิดหวัง
คนที่ดีใจแน่กับเรื่องนี้ คือเนทันยาฮูแห่งอิสราเอล
เพราะทรัมป์นั้น มีจุดยืนที่รุนแรงมากต่อสถานการณ์
ในตะวันออกกลาง และสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่
มาตั้งแต่อดีต จนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนเซเลนสกี้ แห่งยูเครน งานนี้ต้องบอกว่ามีเสียว
เพราะทรัมป์ชูนโยบายหยุดสงครามกับรัสเซียมาตลอด
…แต่ เซเลนสกี้ จำเป็นต้องเสียวขนาดนั้นจริงเหรอ ?….
ถ้าเราเข้าใจระบบของสภาฯสหรัฐแล้ว
เราจะพบว่า เซเลนสกี้ อาจไม่ต้องกังวลมากนัก
อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาอันใกล้
แนวคิดพื้นฐานเรื่องผู้นำมีอำนาจเต็มจะสั่งอะไรก็ได้
มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง สำหรับสหรัฐ
และประเทศประชาธิปไตยใดๆทั้งสิ้นบนโลกนี้
ไม่เว้นแม้แต่ประเทศเราเอง ที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย 100%
แต่ก็ไม่ใช่ว่านายก หรือพรรคแกนนำทำได้ทุกอย่าง
ดังนั้นก็ไม่ต้องไปพูดถึงสหรัฐเลย
ทรัมป์นั้นจะพูดอะไรก็ได้ในการหาเสียง
แต่ในทางเทคนิคแล้ว มันเป็นไปได้หรือไม่ มันก็อีกเรื่องหนึ่ง
ตามกฎหมายสหรัฐแล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐ
ไม่สามารถมีอำนาจยกเลิกมติของสภาได้
ดังนั้น เมื่อสภาฯสหรัฐอนุมัติงบผูกพันช่วยยูเครน
สำรองไว้อีก 90,000 ล้านเหรียญ
มันก็จะต้องดำเนินการไปตามนั้นจนกว่าก้อนนี้จะหมด
ยังไม่นับว่ามีสัญญาว่าจ้างกับเอกชนไปแล้ว
ในการผลิตอาวุธป้อนการนี้ การยกเลิกสัญญากับเอกชน
นั้นเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับประเทศอย่างสหรัฐ
กับเอกชนนี่ ยังไงรัฐต้องรับของมาก่อน
ส่วนจะให้ยูเครนไหม มันอีกเรื่อง
ซึ่งก็ยาก ว่าถ้าสหรัฐไม่ให้ แล้วจะทำยังไงกับของที่รับมา
ในส่วนของมติสภาฯนั้น ถ้าทรัมป์อยากเลิกสงครามจริงๆ
มันก็มีวิธีเดียว คือ เอาเรื่องเข้าสภาฯใหม่ เพื่อขอมติยกเลิก
…ซึ่งบอกเลยว่าโคตรยาก ที่จะผ่านมติออกมาได้….
ถ้าเราย้อนกลับไปดู ตอนสภาสหรัฐในรัฐบาลไบเดน
มีมติออกมาให้เงินก้อนใหญ่ 9 หมื่นล้านนี้
เราจะพบว่า มันได้รับการสนับสนุนจาก
สส. สว. สายเหยี่ยวในพรรครีพับลิกันเอง อย่างแน่นหนา
เสียงไม่แตกเลย มันจึงผ่านออกมาได้
เพราะลำพังเสียงในสภาฯของเดโมแครตนั้นไม่พอ
และยังผ่านเป็นคะแนนที่ขาดในสภาฯ
นั่นยิ่งหมายความว่า สส.รีพับลิกันเองก็สนับสนุน
เป็นจำนวนมากเช่นกัน
ดังนั้นถ้ายื่นญัตติให้ยกเลิก มันเป็นไปได้เหรอ
ที่ สส. สว. รีพับลิกันเหล่านี้จะเปลี่ยนใจ ?
บอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะสายเหยี่ยวเหล่านี้
คือตัวแทนที่มีสัมพันธ์แนบแน่นกับกลุ่มผลประโยชน์
ที่ได้รับอานิสงส์จากสงคราม พวกเขาไม่กลับมติแน่
เราต้องไม่ลืมว่า การเลือกตั้งสหรัฐ ไม่ใช่แบบเรา
ที่อิงกับการเลือก สส.
มันอาจมีบ้างในบางรัฐ และเปลี่ยน จำนวน สส. ไปบ้าง
แต่นั่นไม่มากพอ ที่จะล้มเสียงสายเหยี่ยว ในทั้งสองพรรค
ซึ่งมีจำนวนค่อนข้างมาก
และใครๆก็รู้ว่าพวกนี้มีอิทธิพลสูง
ในการล็อบบี้ญัตติต่างๆ ในสภาฯ ของพวกเขา
กับสายเหยี่ยวเหล่านี้ อย่าว่าแต่กลับมติให้เลิกตอนนี้เลย
พวกนี้จะกดดันให้ทรัมป์ทำสงครามต่อเสียด้วยซ้ำไป
แม้จะเป็นคนในพรรคเดียวกันก็ตาม
…สภาฯสหรัฐ ไม่ใช่สภาฝักถั่วแบบเรา ที่ต้องแห่ตาม
หลงจู๊พรรคครับ เขาตอบสนองต่อกลุ่มผู้สนับสนุนมากกว่า
การสังกัดพรรค มันแค่ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด….
…ดังนั้นการเอาวิธีคิดแบบเราไปจับ มันจึงไม่ได้…
ซึ่งที่จริงแล้ว ประเด็นการจบสงครามในยูเครนนั้น
แม้คนอเมริกัน 70% จะต้องการที่ให้เจรจาจบๆกันเสียที
แต่นั่นอยู่บนเงื่อนไขว่า รัสเซียต้องหยุดเสียก่อน
ในขณะที่ เสียงคนอเมริกันส่วนมากมองว่า
อเมริกาควรสนับสนุนยูเครนต่อไป
ตราบที่สถานการณ์ยังเป็นแบบปัจจุบัน
ถึง 48% ซึ่งสูงกว่าช่วงต้นสงครามเสียอีก
( โพลล์ประเด็นนี้ในสหรัฐล่าสุด เมื่อเดือนสิงหาคม
มันอาจดูย้อนแย้งกันเองสำหรับผลโพลล์
และ 48% ก็อาจไมถึงครึ่ง แต่นั่นก็มากกว่า
ผู้ที่ต้องการให้หยุดโดยไม่มีเงื่อนไขมาก
หมายความว่า คนอเมริกัน จะสนับสนุนให้ทรัมป์
หยุดสงครามก็ต่อเมื่อ รัสเซียรับเงื่อนไขหยุดเท่านั้น
ถ้าไม่หยุดก็คือเห็นด้วยว่ายังต้องกระเตงยูเครนกันไป
สิ่งนี้มาจากวิธีคิดแบบว่า อเมริกันต้องเป็นฮีโร่
ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ เพราะจากแบบสำรวจ
คนอเมริกันยังเห็นใจชาวยูเครนอย่างมาก
และมองว่ารัสเซียคือผู้รุกราน จำเป็นต้องถูกจัดการ
หรืออีกนัย คือ การเจรจากับผู้ก่อการร้าย
ในขณะที่การกระทำยังคงอยู่ ไม่ควรมี
และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ชาวอเมริกันนั้นต่อต้านสงครามในกาซ่า
หรือการกระทำของอิสราเอล
ที่ทรัมป์นั้นดูจะสนับสนุน มากกว่าสงครามยูเครนด้วยซ้ำไป
เสียงเหล่านี้ รัฐบาลใหม่ของทรัมป์ จะอย่างไรก็ต้องฟัง
จะมาเลิกดื้อๆ แล้วเหมือนอเมริกาแพ้สงคราม
ด้วยกว่ารัสเซีย ย่อมทำไม่ได้
และยังเป็นความเห็นของสังคม ที่ทางสมาชิกสภาฯ
สายเหยี่ยวของสหรัฐ จะใช้เป็นข้ออ้าง ในการสนับสนุน
ให้สงครามดำเนินต่อไปอีกด้วย
ในทางการเมืองภายใน ทรัมป์เองก็ทราบดี
ว่าเขาเอง และรีพับลิกัน ไม่สามารถหยุดสงครามได้
การแก้ตัวของพวกเขา ต่อกรณีหาเสียงนั้น
คงหนีไม่พ้นการโยนว่า “รัสเซียไม่เจรจา”
ซึ่งถ้ามองที่ปูติน มันก็แน่นอนว่าเขาไม่เจรจาอยู่แล้ว
มันง่าย ที่จะไม่ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายที่หาเสียงไว้
โดยโยนไปที่ปัจจัยภายนอก ซึ่งก็คือปูติน ที่ควบคุมไม่ได้
สำหรับแนวคิดแบบสหรัฐ ที่มองว่าตัวเองคือฮีโร่นั้น
คนอเมริกัน ไม่ว่าจะสนับสนุนพรรคไหน
พวกเขาไม่มีทางรับได้กับความรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้
ในกรณีของรัสเซีย ซึ่งละเมิดกฎของสหประชาชาติ
ในการรุกรานคนอื่น คนอเมริกันมีมุมมองว่า
ควรถูกจัดการ เพียงแต่รูปแบบจะออกมาเป็นอย่างไร
แตกต่างกันเท่านั้น
ไม่ใช่หมายความว่า ต้องปล่อยให้รัสเซียได้ทุกอย่าง
แน่นอน มันย่อมไม่ใช่ในแบบที่ปูตินรับได้
ง่ายๆเลย
…ถ้าปูตินบอกว่า โอเค ฉันหยุดนะ
แต่ยูเครนต้องเอาห้าแคว้นมาทั้งหมด
อเมริกาเลิกคว่ำบาตร และคืนเงินสามแสนล้านเหรียญมา…
ในเงื่อนไขแบบนี้ ไอ้ห้าแคว้นอาจเป็นเรื่องของยูเครน
ที่ชาวอเมริกันอาจมองว่า ก็ยอมๆไปเหอะได้
…แต่ไอ้เรื่องเลิกคว่ำบาตร คืนเงิน
อันนี้คืออเมริกาจะเสียหน้าแบบสุดๆไปเลย
มันเป็นเรื่องของพวกเขาโดยตรง ….
…ลักษณะนี้ คนอเมริกันไม่มียอม
รัฐบาลก็รู้และคิดในลักษณะไม่ต่างกัน
ไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากพรรคไหนก็ตาม…
ดังนั้น เซเลนสกี้ อาจมีเสียวบ้าง
แต่ก็ไม่ใช่ความเสียวที่ถึงขนาดจะโดนเทกลางทาง
มันจะเป็นความเสียวในลักษณะว่า
จากนี้ มันอาจมีความวุ่นวายมากขึ้นในการขออะไรสหรัฐ
เสียมากกว่า
…เพราะทรัมป์เอง แม้จะหยุดไม่ได้ แต่ก็ต้องมีท่าทีหยุด
เล่นละครให้ชาวบ้านเห็น แบบที่เคยหาเสียงไว้นั่นเอง ….
การเมืองก็แบบนี้ล่ะครับ ทรัมป์รู้ เซเลนสกี้รู้ ปูตินก็รู้
หน้าฉากเปลี่ยน หลังฉากเหมือนเดิม
มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก….
ส่วนตัว ผมมองว่าสงครามยูเครนไม่มีอะไรใหม่นัก
…แต่ตะวันออกกลางนั้น ไม่แน่….
ลองคิดดูสิ….
ทรัมป์คือผู้สนับสนุนให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล
ทรัมป์คือผู้ประนามอิหร่านมาตลอดการหาเสียง
และทรัมป์นี่แหละ….
คือเจ้าของคำสั่ง สังหารนาพล กอเซม สุไลมานี….
ทรัมป์ไม่น่าจะให้อิสราเอลถอยในประเด็นตะวันออกกลาง
และอาจสนับสนุนมากขึ้นด้วยซ้ำไป
…แน่นอน รัสเซีย อิหร่านคือพันธมิตรกัน…
…ตะวันออกกลางไม่จบ ยูเครนมันก็ไม่จบหรอก…
…สักแต่หาเสียงไปงั้นแหละ …
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
