8 พ.ย. เวลา 03:47 • ประวัติศาสตร์

เมื่อดนตรีของ “เอ็มมิเน็ม (Eminem)” ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องทรมานนักโทษ

“ดนตรี” คือสิ่งที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินและทำให้มนุษย์รู้สึกผ่อนคลาย
หากแต่ถ้าดนตรีนั้นมีคลื่นความถี่ที่สูงเกินไป ก็จะส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจได้เช่นกัน
ในยุค 2000 (พ.ศ.2543-2552) กองทัพอเมริกันได้นำดนตรีมาประยุกต์ใช้กับเหล่าผู้ก่อการร้ายจากอัฟกานิสถาน โดยดนตรีที่นำมาใช้คือดนตรีของ “เอ็มมิเน็ม (Eminem)” ซึ่งนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสอบสวนและทรมานนักโทษ
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร? ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ลองจินตนาการว่าหากมีการเล่นดนตรีซ้ำไปซ้ำมา โดยเร่งเสียงให้ดัง และเราก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้เลย ต้องทนฟังอยู่อย่างนั้น ต่อให้ดนตรีนั้นเป็นภาษาที่เราไม่เข้าใจ จะเป็นอย่างไร?
และนี่คือยุทธวิธีที่ฝ่ายอเมริกันนำมาใช้ โดยมีการนำเพลงของ “เอ็มมิเน็ม (Eminem)” แร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน มาใช้ในการทรมานนักโทษ
หนึ่งในนักโทษได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนต้องอยู่ในห้องมืดๆ ที่ดังก้องไปด้วยเสียงเพลงของเอ็มมิเน็ม โดยมีการเปิดเพลงในระดับเสียงที่ดัง โดยตนต้องทนฟังอย่างนี้ไปเป็นเวลากว่า 20 วัน
เอ็มมิเน็ม (Eminem)
และไม่ใช่แค่เพลงของเอ็มมิเน็ม แต่จะมีการแทรกด้วยการเปิดเสียงกรีดร้อง เสียงหลอนๆ เหมือนที่ได้ยินในหนังผี ทำให้ตนแทบจะเป็นบ้า และถึงขั้นคิดว่าตนอาจจะมีอาการทางจิตไปแล้วจริงๆ
แน่นอนว่ายุทธวิธีในการทรมานนักโทษเช่นนี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสม โดยเฉพาะกับกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน หากแต่ฝ่ายอเมริกันก็อ้างว่านี่เป็นวิธีในการสอบสวน ไม่ใช่การทรมานนักโทษ
แต่แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ย่อมส่งผลต่อสภาพจิตของนักโทษเป็นแน่
อันที่จริง การนำดนตรีมาใช้ในความขัดแย้งหรือสงครามนั้นไม่ใช่ของใหม่ หากแต่มีมานานแล้ว
ในช่วงที่กองทัพในสมัยโบราณจะรบ ก็มักจะมีการลั่นกลอง ตีกลองในจังหวะระทึก เร้าใจ เพื่อปลุกอารมณ์ของทหาร หากแต่การนำเพลงของเอ็มมิเน็มมาใช้เป็นเครื่องมือในการทรมานนักโทษก็เรียกว่าเป็นเทคนิคที่ใหม่และไม่ธรรมดาจริงๆ
เรียกได้ว่าดนตรีไม่ใช่สิ่งที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้เป็นเครื่องทรมานจิตใจได้อีกด้วย
โฆษณา