7 พ.ย. เวลา 14:15 • นิยาย เรื่องสั้น

รักย้อนอดีตภาค 5 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์

.
บทที่ 5 ข่าวใหม่
.
แสนสุริยาสะดุ้งได้สติเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือซึ่งตอนนี้ตี2แล้ว พันยังคงนั่งชันเข่า2มือโอบขาหลับและเป็นภาพที่เขาเห็นก่อนที่จะหลับไป เขาจึงลุกขึ้นยื่นมือไปเขย่าไหล่ของพันซึ่งสะดุ้งลุกขึ้นยืน
.
"อีนี้อ้ายเสือบุกแล้วหรือนายจ๋า"
.
แสนสุริยาหัวเราะ "อ้ายเสือบุกจริงแกกับฉันไม่ได้ยืนคุยกันอย่างนี้หรอก"
.
พัน "นายทำให้เสือร้ายตายแล้วหรือ"
.
แสน "ยัง มันยังไม่โผล่มา ฉันจะออกไปรอข้างนอก แกรอที่นี่แหละ"
.
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทว่าในตอนเช้าบรรดากะเหรี่ยงมุงก็พบว่าเสือตัวนั้นเป็นตัวผู้อายุมาก ขนเม่นที่ฝังอยู่ในขากรรไกรข้างหนึ่งซึ่งเน่าเฟะ คือเหตุผลที่เสือตัวนั้นเปลี่ยนจากกินสัตว์เป็นกินคน แต่ใครกันที่เป็นคนจัดการกับมัน
.
ของสิ่งนั้นจะต้องคมมากจึงสร้างรอยแผลได้เรียบเนียนราวมีดผ่าตัด รอยกรีดยาวตั้งแต่อกยันหางทำให้เสือร้ายตายสนิท แน่นอนว่าชาวบ้านไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใคร ชื่ออะไร สนใจเพียงอย่างเดียวบัดนี้พวกเขาปลอดภัยแล้ว
.
ผู้กองมานพจึงสอบถามถึงเรื่องยานต่างดาวตก ซึ่งพ่อเฒ่าหัวหน้าบ้านอธิบายว่า นกเหล็กตัวแปลกๆบินมาเสียงดังมาก เด็กๆร้องไห้จ้ากันเป็นแถวเลย ยิ่งเวลาที่มันโดนแดดแสบตามาก
.
ผู้กองมานพ "มันบินไปทางไหน"
.
พ่อเฒ่า "มันบินเร็ว ดูไม่ทัน สงสัยไปเขาลูกโน้น" แกชี้มือไปทางเขตพม่าซึ่งอยู่ไกลลิบโลก "รู้แต่อยู่ตรงนั้น"
.
แสนสุริยา "ต้องเดินกี่วัน กี่เดือน กี่ปี"
.
พ่อเฒ่า "ก็บอกไม่ถูก บ้านเราไม่เคยมีใครกล้าไปที่นั่น เพราะใครก็ตามที่ไปไม่เคยมีใครได้กลับมาสักคน ตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่ของปู่แล้ว"
.
ส่วนฝรั่งทั้ง 6 คนนั้นพ่อเฒ่าและทุกคนในหมู่บ้านต่างยืนยันว่า ไม่มีใครเคยเห็นพวกนั้นผ่าน ถ้าจะมีก็คงเป็นแมลงปอยักษ์(เฮลิคอปเตอร์) ที่บินกันเต็มฟ้า บินว่อนจนชนกันเองก็มี เพราะเจอลมหมุนใกล้ภูเขา
.
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่รับประทานอาหารกันเรียบร้อย การเดินทางออกตามหาคนหายจึงเรื่มขึ้น โดยมุ่งสู่เทือกเขาที่ยาวเป็นพืดมีป่ารกครึ้มไกลแสนไกลที่อยู่เบื้องหน้า เห็นเพียงเงาดำทะมึนเท่านั้น
.
ข่าวใหม่ที่ได้รับมิได้ทำให้เจตนาที่จะติดตามคนหายลดน้อยลงเลย ความกังวลของพวกเขาอยู่ที่ว่า เวลาที่ผ่านมาหลายวันคนหายเหล่านั้นจะยังมีชีวิตอยู่ หรือตายไปแล้วต่างหาก
.
ผู้กอง "คุณคิดว่าอย่างไร ผู้หมวด ที่การเดินทางของทีมค้นหาชุดแรกไม่มีใครพบเห็นเลย หรือเดินทางโดยคอปเตอร"
.
แสน "เป็นไปได้มากครับ ผู้กอง"
.
ผู้กอง "คุณคิดว่าพวกนั้นมาหาอะไรที่มากกว่ายานจากนอกโลกไหม"
.
แสน "เมื่อไม่นานมานี้ ผมทราบข่าวจากเพื่อนชาวอินเดีย ที่เรียนยู(university-มหาวิทยาลัย)ในอินเดียด้วยกัน
เขาได้ไปทำงานในองค์การนาซ่า เขาเล่าว่าขณะนี้โลกกำลังค้นหาแร่หายาก(Rare Earth) ข่าวว่าแร่นี้มีมากทางตอนเหนือของไทย ครับ"
.
ผู้กอง "พวกฝรั่งจะเอาไปทำอะไร"
.
แสน "ข่าวว่ามันเป็นธาตุที่ให้พลังงานสูงมากทั้งที่ขนาดเล็กจิ๋วเท่ามะนาวเมื่อเทียบขนาดกับสิ่งให้พลังงานชนิดอื่น
ความต้องการค้นคว้าทางด้านอวกาศจึงมีความจำเป็นเรื่องเชื้อเพลิงที่จะนำพายานอวกาศไปสู่เป้าหมาย"
.
ตลอด 3 ชั่วโมงแรกเต็ม ๆ ที่พวกเขาเร่งเดินทางและขึ้นเขาใหญ่บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตกเรื่อยไป จนตกบ่ายจึงพักรับประทานอาหารและน้ำจากนั้นก็เดินทางต่อ
.
หลายครั้งเส้นทางนั้นเลียบไปตามหน้าผาอันสูงชันอย่างน่าใจหาย มองลงไปเห็นแต่ยอดไม้ลิบ ๆ เขียวชอุ่มอยู่ในความมืดของหุบเขาข้างล่าง
.
และหลายครั้งที่ข้ามธารน้ำตกซึ่งไหลหลั่งดังลงมาจากตอนบนเสียงสนั่นหวั่นไหว ตะไคร่ที่เกาะตามก้อนหินทำให้ลื่นอย่างน่ากลัว จนกระทั่งตกเย็นจึงข้ามพ้นดอยใหญ่ลูกนั้น
.
อากาศที่เย็นสะท้านกลับอบอุ่นขึ้นทันที และเมื่อถึงเชิงเขาข้างล่างท่ามกลางหุบเขาอันมหึมา ประกอบไปด้วยป่าตะเคียน และ ยาง ดารดาษไปทั้ง 2 ฝั่งห้วย ซึ่งสวยงามกว่าทุกแห่งที่ผ่านไปในวันนั้น แสนสุริยาจึงสั่งให้พักข้างลำธารแห่งหนึ่ง
.
พวกเขาพากันหุงหาอาหารและผลัดกันไปอาบน้ำ ตอนนี้เองที่แสนสุริยาพบว่าพันไม่ยอมอาบน้ำ มันอ้างโน่นอ้างนี่ซะจนน่าเตะ
เดี๋ยวก็ว่ายังไม่ถึงเวลา เดี๋ยวก็ว่าบนบานศาลกล่าวกับผีป่าว่าจะไม่อาบน้ำเลย เพียงขอให้มีชีวิตกลับไปพบคนรักซึ่งรออยู่
แสนสุริยาจึงตัดบทด้วยการบอกกับลูกหาบคนอื่นๆที่คะยั้นคะยอให้พันอาบน้ำว่า "ช่างหัวมันจะอาบไม่อาบก็แล้วแต่มัน"
.
จบบทที่ 5 ข่าวใหม่ ภาพปกจาก สรรหามาให้ดู เป็นภาพธรรมชาติที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
โฆษณา