8 พ.ย. เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

🇮🇳 มนต์เสน่ห์ดินแดนภารตะ “อินเดีย” ประเทศที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง

ประเทศอินเดีย เป็นประเทศที่โดดเด่นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เผยข้อมูลในอดีตที่การเติบโตของอินเดียนั้นแซงหน้าจีนในปี 2022 และ มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีกในปี 2023 และปี 2024
นอกจากนี้เศรษฐกิจอินเดียก็ยังเติบโตเร็วที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจขนาดใหญ่ด้วยกัน ซึ่งอินเดียมีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวที่ระดับ 6.7% ในช่วงเดือนเม.ย.- มิ.ย. 2567 สูงที่สุดในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่อีกทั้งยังแซงหน้าประเทศจีนอีกด้วย   (อ้างอิง infoquest สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 23/09/2567)
วันนี้ KTAM จึงมาบอกโอกาสในระยะถัดไปของการลงทุนใน “ประเทศอินเดีย” ที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
#โอกาสในระยะถัดไปของการลงทุนในอินเดีย
1. อินเดียเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก 
 Bloomberg Economics รายงานว่า อินเดียจะเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดของโลกภายในปี 2028 อีกทั้งยังพบว่าเศรษฐกิจของอินเดียมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าจีนในปี 2028 โดยมีข้อมูลสำคัญ ดังนี้
- GDP ของประเทศอินเดียมาจากการบริโภคส่วนบุคคลสูงถึง 62%   
- คาดการณ์อัตราการเติบโตของประชากรวัยทำงาน คือ 35% เป็น 1.3 พันล้านคน ภายในปี 2593  
- การคาดการณ์การบริโภคของชนชั้นกลางในปี 2030 คือ 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นจาก 32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1965)
ซึ่งการที่อินเดียมีเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นเติบโตด้วย จากดัชนีของตลาดหุ้นอินเดีย MSCI India Index ที่ทำผลตอบแทน YTD ได้ถึง 7.4% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยเกือบ 10% ต่อปี    (อ้างอิง Bloomberg Economics สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 23/09/2567)
2. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมเป็นฐานการผลิตของโลก 
 อินเดียดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก ถึงแม้ประเทศจะยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่ก็พัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลอินเดียทุ่มงบพัฒนาโครงการขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตจากภาคการผลิต เช่น เส้นทางเชื่อมระหว่างมุมไบ - เดลี และ สนามบินใหม่ประมาณ 80 แห่งที่กำหนดให้แล้วเสร็จภายในอีก 8 เดือนข้างหน้า ในอนาคตยังมีแผนการปรับปรุงด้านพลังงาน และด้านระบบการขนส่งเพิ่มเติม
3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่ดี 
 กลุ่มประชากรของอินเดียมีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าหลายประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก เพราะมีแรงงานรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง มีรายได้เติบโตมากกว่าและมีอายุการทำงานได้ยาวนานกว่า และยังเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้จ่ายสูงในระบบเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับจีนและกลุ่มประเทศตลาดพัฒนาแล้วนั้นมีประชากรผู้สูงอายุมากกว่า ส่งผลให้ต้นทุนของประเทศเพิ่มขึ้น แต่ด้านการบริโภคลดลง
ซึ่งในปี 2022 ประชากรส่วนใหญ่ของอินเดียมีอายุ 25 ปีหรือน้อยกว่า อินเดียจึงกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญพร้อมทั้งตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่เป็นข้อได้เปรียบประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น เวียดนาม กัมพูชา หรือศรีลังกา (อ้างอิง Finimize สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 19/09/2567)
4. โอกาสการลงทุนใน Multi-Bagger (หุ้นโตหลายเด้ง)  
Goldman Sachs เผย “หุ้นของอินเดียให้ผลตอบแทนทบต้นต่อปีที่ดีที่สุดในเอเชียในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา และสูงกว่าดัชนีตลาดเกิดใหม่หรือดัชนีโลกโดยรวม ดังนั้น หากนักลงทุนกำลังมองหาหุ้นที่สามารถโตขึ้นได้ 10 เท่า หรือมากกว่า ตลาดหุ้นอินเดียก็อาจจะเป็นตลาดที่สามารถสร้างโอกาสการลงทุนได้”
พร้อมทั้งยังเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าในช่วงระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2543 หุ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ซื้อขายในดัชนี Nifty 500 ของอินเดียสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่า 10 เท่า ซึ่งสูงกว่าดัชนีอื่น ๆ อย่างจีน(MSCI China), สหรัฐอเมริกา(SPX) หรือยุโรป(SXXP)  (อ้างอิง Finimize สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 19/09/2567)
5. ผลกระทบจากความขัดแย้งของประเทศที่พัฒนาแล้ว 
 จากความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงยุโรปที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทต่าง ๆ มองหาศูนย์กลางการผลิตใหม่ ซึ่งมีเพียงอินเดียเท่านั้นที่มีแรงงานและตลาดภายในที่มีขนาดเทียบเท่ากับจีน ยิ่งไปกว่านั้นการที่ประชากรส่วนใหญ่ของอินเดียพูดภาษาอังกฤษได้ก็เป็นผลบวก ทำให้หลายแบรนด์ใหญ่ของโลกจะย้ายโรงงานผลิตจากจีนมาที่อินเดีย 
 (อ้างอิง Franklin Templeton, Finimize สืบค้นข้อมูล ณ วันที่ 19/09/2567)
ถึงแม้จะเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในประเทศอินเดียแต่นักลงทุนก็ควรพิจารณาความเสี่ยงหลัก ๆ ในการลงทุนร่วมด้วยนั่นก็คือ 
 
1. ความเสี่ยงทางตลาด : 
 ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ / ทรัพย์สินในตลาดต่างประเทศที่อาจปรับตัวขึ้นลง โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม หรือภาวะตลาด 
 
2. ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน :  
 การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบต่อมูลค่าของหน่วยลงทุน เช่น หากค่าเงินรูปีอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับบาท ผลตอบแทนที่ได้รับอาจลดลง
3. ความเสี่ยงในตัวประเทศ :   ปัญหาภายในประเทศอินเดีย เช่น การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร, การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมือง หรือ ภัยธรรมชาติ รวมไปถึงสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน
4. ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง : 
 เกิดขึ้นเมื่อการลงทุนส่วนใหญ่ถูกกระจุกตัวอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้นมากกว่าการกระจายความเสี่ยงออกไปในหลายประเทศ
5. ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการนำเงินลงทุนกลับประเทศ : 
 การลงทุนในต่างประเทศ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ กฎระเบียบของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อต้นทุน ภาระทางภาษี และผลตอบแทนที่ได้รับ รวมถึงอาจมีข้อจำกัดในการโอนเงินกลับมาประเทศไทย
ดังนั้น ผู้ลงทุนควรพิจารณาเรื่องความเสี่ยงในการลงทุนในกองทุนรวมประเทศอินเดีย พร้อมกำหนดกลยุทธ์การกระจายการลงทุนและพิจารณาการลงทุนในระยะยาวเพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่สูงและลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในระยะสั้น รวมไปถึงการเลือกกองทุนที่มีนโยบายช่วยรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้
ท่านนักลงทุนที่สนใจลงทุนกองทุนในประเทศอินเดีย แต่ไม่รู้จะลงทุนกองทุนอะไร วันนี้ทาง KTAM ได้คัดเลือกกองทุนรวมประเทศอินเดียมาให้แล้ว
#กองทุนรวมประเทศอินเดียที่แนะนำ
กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (KT-INDIA)
นโยบายการลงทุน : เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco India Equity Fund – Class A (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว โดยกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้น และหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ออกโดยบริษัทอินเดียอย่างน้อย 70% NAV (หลังหักสินทรัพย์สภาพคล่อง)
ระดับความเสี่ยงของกองทุน : 6
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://qrcd.org/6kmB
นอกจากนี้ นักลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสเติบโตระยะยาวจากการลงทุนในประเทศอินเดีย และต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี ต้องไม่พลาดกองทุน  กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-INDIA-SSF)  ที่มีนโยบายและระดับความเสี่ยงเช่นเดียวกับ KT-INDIA   
 ข้อมูลเพิ่มเติม : https://qrcd.org/6pca
#สรุปแล้ว ✍️
ประเทศอินเดียเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ นักลงทุนทั่วโลกสามารถนำอินเดียมาเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตการลงทุน เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง ทั้งหมดนี้ถือเป็นโอกาสในการลงทุนระยะถัดไปของอินเดีย
📱 ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัยดาวน์โหลด iOS: https://bit.ly/KTAMST Android: https://bit.ly/KTST_Android
สอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 02 686 6100 กด 9 ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืน
คำเตือน : กองทุนมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกปลี่ยนโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับรับกำไรจากอัตราแลกปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยน์ทางภาษี ที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุนรวมเพื่อการออม และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม
โฆษณา