8 พ.ย. เวลา 04:55 • ความคิดเห็น

United Breaks Guitars

เมื่อกีตาร์พังๆ 1 ตัว ทำให้หุ้น United Airlines ตก 10%
พอดีวันก่อนผมได้ไปที่สนามบิน O'Hare และพอกลับมากระเป๋าก็เสียหาย เลยทำให้นึกถึงเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2008 Dave Carroll นักดนตรีชาวแคนาดา บินจาก Halifax, Canada ไปยัง Omaha, Nebraska และต้องแวะต่อเครื่องที่ Chicago ระหว่างรอต่อเครื่อง เขาได้ยินผู้โดยสารรายอื่นเล่าให้ฟังว่า มีการจัดการกับกระเป๋าแบบโยนไปมาที่นั่น จนมีความเสียหายเกิดขึ้น
หลังจากเขาเดินทางถึงที่หมายปลายทาง เขาก็พบกับกีตาร์ยี่ห้อ Taylor ราคา 3,500 เหรียญสหรัฐของเขาที่เสียหายยับ พอเขาพยายามคุยกับเจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องก็บอกให้คุยกับเจ้าหน้าที่ประจำสนามบิน แต่เนื่องจากเครื่องบินล่าช้ากว่าปกติ ทำให้เขาถึงสนามบินที่ Omaha หลังเที่ยงคืน จึงไม่เหลือเจ้าหน้าที่ประจำสนามบิน
เขาจึงรอจนกระทั่งเขากลับที่ไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับ เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ สต ก็บอกให้เขาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่สนามบินต้นทาง คือ Halifax พอกลับไป เขาติดต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เขาโทรติดต่อเพื่อแจ้งปัญหา พอเขาโทรไป ก็เจอกับเจ้าหน้าที่จากศูนย์ติดต่อที่อินเดีย และโทรไปโทรมาหลายครั้งจนในที่สุด
เขาได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำสนามบินที่ Chicago เจ้าหน้าที่ที่นั่นก็บอกให้เขาเอากีตาร์มาตรวจสอบที่สนามบิน O'Hare พอเขาแจ้งว่า เขาอยู่ห่างไปเกือบ 2 พันกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ก็บอกให้เขาติดต่อสนามบินที่ New York และเจ้าหน้าที่ที่นั่นก็บอกให้เขาโทรไปหาศูนย์ติดต่อที่อินเดียอีก
ยังดีที่เจ้าหน้าที่ที่นั่นก็พยายามช่วย และช่วยติดต่อให้เจ้าหน้าที่ที่ Chicago ช่วยทบทวนคำขอของเขา และได้ติดต่อเขากลับไป แต่นั่น เวลาก็ผ่านไปแล้วนานถึง 7 เดือน ซึ่งเขาก็คาดหวังว่าจะได้คำตอบ ปรากฏว่าพออีเมล์มาถึง อีเมล์ก็ระบุว่า เขาทำผิดนโยบายของสายการบิน ความเสียหายที่เกิดขึ้น จะต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ เพื่อป้องกันการฉ้อโกง
เขาไม่พอใจมากๆ และพยายามติดต่อเพื่อจะคุยกับหัวหน้าของเขา ก็ได้รับการปฏิเสธ คำขาดของเขา คือ เขาขอ voucher มูลค่า 1,200 เหรียญสหรัฐ เพื่อชดเชยความเสียหายที่เขาต้องจ่ายเพื่อซ่อมกีตาร์ของเขา แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอีก
เขารู้สึกเหมือนว่า ระบบของสายการบินมันถูกออกแบบมาให้ลูกค้ารำคาญจนเลิกไปเอง เพื่อไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยความเสียหาย เขาจึงคิดที่จะทำเพลงบ่นเรื่องนี้ลง Youtube และหวังว่าจะมีคนดูสักล้านคนในปีหนึ่ง เพื่อเป็นการแก้แค้น
เขาก็ได้ลงทุนจ้างคนมาช่วยเขาทำวีดีโอความยาวประมาณ 4 นาทีครึ่ง ด้วยเงิน 150 เหรียญสหรัฐ และได้โพสต์คลิปลง Youtube ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2009 สมัยนั้น Twitter กำลังฮิต เพื่อนๆ ของเขาก็ทวีตลง และส่งต่อให้ดารา และคนดังทั้งหลาย และยังช่วยโปรโมตลงช่องทางต่างๆ จนได้ออกรายการทีวีอีกด้วย ซึ่งผมก็ได้ดูเหมือนกัน
ปรากฏว่า เพียงสองอาทิตย์ กลับมีคนดูมากถึง 4.6 ล้านครั้ง ได้ขึ้น Top chart ของ iTunes ได้ติด Top chart ของแคนาดา และขาย CD ได้เป็นจำนวนมาก
1
นอกจากนี้ พอ Bob Taylor เจ้าของร้านกีตาร์ทราบข่าว เขาก็ช่วยทำคลิปสนับสนุน Dave ว่ากีตาร์ถ้ามันอยู่ในกล่องกีตาร์แข็งๆ ถ้าไม่มีคนทำรุนแรงกับมัน ขนยังไงก็ไม่พังง่าย และยื่นข้อเสนอให้เขาเดินทางไปยังร้านของเขาใน California และยื่นข้อเสนอให้กีตาร์ใหม่ หรือไม่ก็จะช่วยซ่อมกีตาร์นั้นกับเขาอีกด้วย
ภายในสองวันแรกหลังจากลงคลิป คลิปก็ถูกดูเยอะมาก จนเรื่องราวเข้าหูผู้บริหารระดับสูงของ United Airlines ทางสายการบินจึงยื่นข้อเสนอให้เงิน 1,200 เหรียญสหรัฐ และบัตรกำนัลอีก 1,200 เหรียญสหรัฐให้กับเขา และบอกให้เอาคลิปดังกล่าวลง
แต่ช้าไปแล้ว Dave Carroll แจ้งเขากลับไปว่า ถ้ามีปัญหา ทางสายการบินต้องแจ้งให้เขาเอาคลิปลงภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเขาลงคลิป
คลิปดังกล่าวมีผลกับภาพพจน์ของบริษัทมาก จนหุ้นตกไป 10% ทำให้มูลค่าบริษัทหายไปมากถึง 180 ล้านเหรียญสหรัฐ เพียงเพราะเหตุการณ์นี้เพียงเหตุการณ์เดียว
ส่วนตอนนี้เพลงของเขาบน Youtube มีคนดูไปแล้ว 24 ล้านครั้ง!
คลิปของ Bob Taylor
โฆษณา