8 พ.ย. เวลา 05:36 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Intuitive Surgical (Nasdaq: ISRG)

บริษัทออกแบบ พัฒนาและผลิตหุ่นยนต์ช่วยแพทย์ผ่าตัด da Vinci หุ่นยนต์ผ่าตัดศัลยกรรมที่มีความทันสมัยที่สุดในโลก
.
Intuitive Surgical ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา หลังจากหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด da Vinci เปิดตัว บริษัทสามารถขายดาวินชีไปแล้วมากกว่า 7,990 เครื่อง ใน 69 ประเทศ ได้ฝึกอบรมศัลยแพทย์กว่า 20,000 คนให้ใช้เทคโนโลยีนี้ เฉพาะในปี 2022 เพียงปีเดียว da Vinci ถูกใช้ในการผ่าตัดมากกว่า 10 ล้านครั้งทั่วโลก
.
😎da Vinci คืออะไร ดียังไง?
da Vinci คือ หุ่นยนต์อัฉริยะช่วยผ่าตัด ลักษณะมันไม่ได้เหมือนโรบอทที่เราเห็นในหนัง แต่มันเป็นแขนกล 4 แขน ที่ติดตั้งเครื่องมือแพทย์ไว้ โดยแขนของมันหมุนรอบเคลื่อนไหวได้อิสระมากกว่ามือมนุษย์ กล้องให้ภาพขยายแบบ 3 มิติ ขยายได้ 10 เท่า ทำให้ภาพมีความลึกและคมชัดมาก
แพทย์จะนำเครื่องมือต่างๆเข้าสู่ร่างกายโดยผ่านรูเล็กๆที่เจาะบนผู้ป่วย โดยจะควบคุมการผ่าตัดผ่านทางแผงควบคุมและเตียงผู้ป่วยที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะ
🧡ความดีงามอยู่ตรงที่ หุ่นยนต์อัฉริยะช่วยผ่าตัดมีความแม่นยำสูง ช่วยให้แพทย์สามารถผ่าตัดในบริเวณที่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อย แผลเล็ก ใช้เวลาในการผ่าตัดสั้นลง ลดภาวะแทรกซ้อน ฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดใหญ่แบบเดิม
da Vinci ถูกใช้รักษาโรคในหลายอวัยวะ เช่น ทรวงอก ทางเดินปัสสาวะ นรีเวชกรรม ศรีษะ คอ หัวใจ…
และปัจจุบันกว่า 90% ของการผ่าตัดต่อมลูกหมากในสหรัฐใช้ da Vinci เนื่องจากตำแหน่งของต่อมลูกหมากนั้นยากต่อการทำงานของแพทย์
สนนราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่ แค่ 2-2.5 ล้านเหรียญเท่านั้นเอง ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปตามการ customize add ons รวมถึงยังมีค่า maintainance ต่อปีที่ 155,000 เหรียญ และเครื่องมือและอุปกรณ์เสริมเฉพาะหุ่นยนต์ตามขั้นตอนมีราคาระหว่าง 700-3,200 เหรียญสหรัฐ
🙏🏻da Vinci ได้รับการตั้งชื่อตามนักประดิษฐ์ ศิลปิน และนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังชาวอิตาลี Leonardo da Vinci ผู้บุกเบิกการศึกษากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาการผ่าตัดสมัยใหม่
#competitiveadvantage😎
1. มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำในตลาด Surgical robotic มี market share สูงถึง 80%
2. มีป้อมปราการจากการมีสิทธิบัตรและเทคโนโลยี ซึ่งทำให้คู่แข่งเลียนแบบและเข้าสู่ตลาดได้ยาก
3. มีป้อมปราการจาก High switching costs เมื่อโรงพยาบาลลงทุนในระบบ da Vinci การเปลี่ยนไปใช้ระบบอื่นจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งเรื่องการอบรมแพทย์ ตัวเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ
4. High barrier to entry การจะผลิตหุ่นยนต์ผ่าตัดออกมาใช้ได้ ต้องได้รับการอนุมัติจาก FDA
และหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งการบวนการนี้ใช้เวลานานและมีราคาแพง รายใหม่จะเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านขั้นตอนนี้เพื่อเข้าสู่ตลาด
✨#งบการเงิน
ปี 2020 – รายได้ 4,358 ล้านเหรียญ
ปี 2021 – รายได้ 5,710 ล้านเหรียญ โตขึ้น 31%
ปี 2022 – รายได้ 6,222 ล้านเหรียญ โตขึ้น 9%
.
ปี 2020 – กำไร 1,060 ล้านเหรียญ
ปี 2021 – กำไร 1,728 ล้านเหรียญ โตขึ้น 62%
ปี 2022 – กำไร 1,344 ล้านเหรียญ ลบ 22%
.
Gross Margin 67%
Net Margin 22%
Ebitda Margin 31%
ROE 12%
Free Cash Flow 1,118 ล้านเหรียญ
เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น 4,118 ล้านเหรียญ คิดเป็น 32% ของสินทรัพย์ทั้งหมด
ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเลย
.
#Competitors
1. ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของ Intuitive Surgical คือ การที่สิทธิบัตรที่บริษัทถือครองกำลังจะทยอยหมดอายุ ซึ่งนั่นจะทำให้คู่แข่งรายอื่นเข้ามาและสามารถที่จะพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีระบบหุ่นยนต์ผ่าตัดมาแข่งต่อได้
2. คู่แข่งที่สำคัญได้แก่ Medtronic บริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีหุ่นยนต์ผ่าตัด Hugo RAS ซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนาและคาดว่าจะแข่งขันโดยตรง
TransEnterix บริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดเล็กที่ผลิต Senhance Surgical System ซึ่งเป็นระบบหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดที่แข่งขันโดยตรงกับระบบ da Vinci ระบบ Senhance ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในยุโรปและส่วนอื่นๆ ของโลก
ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Siemens Healthineers ซึ่งทุ่มเงินมากกว่า 1,100 ล้านเหรียญ ซื้อ Corindus Vascular Robotics ผู้นำหุ่นยนต์ผ่าตัดด้านหลอดเลือด และ Johnson & Johnson ควักเงิน 3,400 ล้านเหรียญ ซื้อ Auris Health ผู้พัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์เชี่ยวชาญมะเร็งปอดผ่านการรับรองจาก FDA แล้ว
3. รวมถึงยังมีความพยายามของหลายบริษัททั่วโลกที่จะพัฒนา AI ในการผ่าตัด เช่น Olympus ได้พัฒนาหุ่นยนต์ผ่าตัดควบคุมด้วย AI โดยตั้งเป้าว่า ภายในปี 2024 จะสามารถใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดโดยไม่ต้องมีแพทย์มาควบคุมเลยได้ และบริษัท Medicaroid พัฒนาหุ่นยนต์และ AI สำหรับผ่าตัดเช่นกัน
#โอกาสในการเติบโต☀️
1. เติบโตไปกับขนาดตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่า 4,400 ล้านเหรียญ ในปี 2022 และคาดว่าจะขยายตัวในอัตราการเติบโตต่อปีที่ 18% ระหว่างปี 2023-2030
2. ถ้าในอนาคตมีการใช้งานหุ่นยนต์ผ่าตัดเพิ่มขึ้น ก็จะนำไปสู่ Ecomomies of scale ทำให้ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ถูกลง การ adopt ใช้ของแพทย์ก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะขยายไปรักษาโรคต่างๆอีกหลายโรคได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันโรคที่นิยมรักษากันด้วยหุ่นยนต์ผ่าตัดยังจำกัดอยู่ในวงแคบมาก เช่น โรคต่อมลูกหมาก ระบบทางเดินปัสสาวะและนรีเวช
3. การมาของ 5G จะมาช่วยขยายขนาดตลาดการใช้หุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะในการผ่าตัดผ่านระบบการแพทย์ทางไกล
4. การขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้รายได้ของบริษัทส่วนใหญ่มากจากในสหรัฐถึง 70% ยังถือว่ามีช่องว่างในการรุกไปเติบโตในตลาดต่างประเทศอีกมาก
.
😁สรุป…Intuitive Surgical บริษัทดีที่ผ่านมามีการเติบโตสูง งบการเงินดีเลิศ เงินสดเยอะ หนี้สินไม่มี ได้ประโยชน์จากการเป็น First mover มี Switching Cost และ Barrier to Entry ที่สูง แต่หลังจากนี้ความท้าทายจะมีมากขึ้นจากการที่สิทธิบัตรเริ่มหมดอายุ และคู่แข่งทั้งเล็กใหญ่เห็นศักยภาพของการเติบโตในตลาดนี้เข้ามามากขึ้น
.
บทความนี้ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อหุ้นแต่อย่างใด กรุณาศึกษาทำความเข้าใจด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุน
.
.
ชอบกดlike กดshare ให้แอดด้วยนะคะ
ช่องทางติดตาม
Stock Surge หาหุ้นนอกลงทุน
.
.
--Stock Surge—
เล่าเรื่องหุ้นนอกรายตัว แบบเข้าใจง่าย อ่านจบได้ใน 5 นาที
โฆษณา