8 พ.ย. เวลา 08:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

'อาเซียน' โอกาสของนักลงทุนเพื่อการเติบโตในระยะยาว

ภาวะเงินเฟ้อ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทำให้นักลงทุนเริ่มหันมาสนใจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน (ASEAN) มากขึ้น โดยนับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ปี 2024 ตลาดหุ้นอาเซียนมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าดัชนี MSCI Emerging Markets ไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่ามีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นอาเซียนในช่วงดังกล่าว มาจากราคาหุ้นของบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทยอยปรับตัวขึ้น เช่น เทคโนโลยี สื่อสาร และสุขภาพ แต่บางกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น ราคาหุ้นยังไม่ได้ส่งผลบวกมากนัก เช่น พลังงาน สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าอุปโภคบริโภค และสาธารณูปโภค บทความนี้ BBLAM จะพาคุณมาสำรวจ ‘โอกาส’ ในตลาดหุ้นอาเซียนเพื่อการเติบโตในระยะยาว
เริ่มกันที่ ‘อินโดนีเซีย’ ที่ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ดัชนี Jakarta Composite สามารถแตะระดับสูงสุดได้เป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการแข็งค่าของเงินรูเปียห์อินโดนีเซีย (IDR) ส่งผลทำให้กระแสเงินทุนสุทธิจากต่างประเทศไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีมูลค่ารวม 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567)
และหลังจากภาคการเมืองของอินโดนีเซียมีความชัดเจนมากขึ้น ก็จะช่วยส่งเสริมความต่อเนื่องของนโยบายและสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นกลุ่มธนาคารและสินค้าอุปโภคบริโภคจึงมีความน่าสนใจมากขึ้น รวมถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ย
มาต่อกันที่ ‘ฟิลิปปินส์’ ที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อสูงสุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว สะท้อนจากการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค และสาธารณูปโภค ซึ่งในกลุ่มหลังนี้ได้รับประโยชน์จาก ACEN ที่ชนะการประมูลการจัดหาพลังงานหมุนเวียนจำนวน 500 เมกะวัตต์ ให้กับ Manila Electric Co. บริษัทจัดจำหน่ายไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์
ถัดมาคือ ‘มาเลเซีย’ ที่มีการเติบโตของ GDP อย่างต่อเนื่องและอัตราเงินเฟ้อที่คงที่ โดยภาคการส่งออกได้รับประโยชน์จากความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มและสินค้าเกษตรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเครื่องจักร อุปกรณ์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยความน่าสนใจของมาเลเซียในตอนนี้ คือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์ - สิงคโปร์ (JS - SEZ) ซึ่งจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ร่วมกันของภาครัฐและเอกชน
ทางด้าน ‘เวียดนาม’ ยังคงเป็นดาวเด่นของอาเซียนจากแรงหนุนของกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในด้านปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ และพลังงานทดแทน ขณะเดียวกันภาคการผลิตและการส่งออกก็มีสัญญาณที่ดี ส่วนภาคบริการยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการราว 30% ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลังนี้
สำหรับ ‘ไทย’ ต้องบอกว่ายังมีความท้าทายอยู่มากสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ลดลง สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ไม่มากนัก และกำไรของบริษัทจดทะเบียน ยังคงสนับสนุนให้มีการฟื้นตัวระยะสั้น ๆ ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาทอาจทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ปัจจัยดังกล่าวทำให้มีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นอาเซียน (B-ASEAN) โดยกองทุนยังคงให้น้ำหนักมาเลเซียและเวียดนามมากกว่าดัชนีอ้างอิง ขณะที่ยังคงให้น้ำหนักอินโดนีเซียเท่ากับดัชนีอ้างอิง ส่วนไทยนั้นมีการให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความชัดเจนทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น และการปรับน้ำหนักลดลงของสิงคโปร์ เนื่องจากยังขาดปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม กองทุนยังคงสำรองเงินสดบางส่วนเอาไว้สำหรับการซื้อหุ้นเมื่อราคาลดลง อาทิ อินโดนีเซียที่กองทุนจะมีการเปลี่ยนน้ำหนักไปยังหุ้นธนาคารที่มีแนวโน้มดีกว่า เพิ่มน้ำหนักในกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มโทรคมนาคมที่มีราคาปรับตัวลดลง ส่วนมาเลเซียจะมีการเปลี่ยนน้ำหนักไปยังกลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มธนาคาร และเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่ไทย ทางกองทุนจะมีการเปลี่ยนน้ำหนักไปยังหุ้นธนาคารที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ภูมิภาคอาเซียนยังคงมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากความหลากหลายของกลุ่มอุตสาหกรรม และกำลังการบริโภคมหาศาลของภูมิภาค ทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามายังภูมิภาคนี้มากขึ้น ซึ่งการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนผ่านกองทุนรวมเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากความหลากหลายในการลงทุนที่กระจายไปทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่ง BBLAM ขอแนะนำกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นอาเซียน (B-ASEAN) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นอาเซียนเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-ASEANRMF) ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ #อาเซียน #ASEAN #อินโดนีเซีย #มาเลเซีย #เวียดนาม #เฟด
โฆษณา