ตอนบวชผมยัง งง เลยครับ ทั้งที่แท้ที่จริงต้องให้
ไวยาวัจกร ดูแลทั้งหมด พระวินัยกันไว้ทุกรูปแบบแล้ว
หนึ่งในเหตุการณ์นั้น
ครั้งนึง ตอนออกบิณฑบาต ผมเดินต่อท้ายสุด จาก พระอาวุโส 2 รูป ที่เดินนำหน้า ด้วยความที่ญาติโยมเขาไม่ได้รู้วินัยสงฆ์ เขาก็นำเงินใส่บาตรไป แต่ผมไม่ได้รับ เพียงยกมือห้ามไป
กลับกลายเป็นว่า เมื่อเดินไปสักพักนึง พระอาวุโส 2 รูป หันมาตำหนิผมว่า คร่าวหน้า คร่าวหลัง ให้รับเงินจากโยม เพราะจะขัดศรัทธาโยม เข้าใจไหม? ผมตอบปฏิเสธโดยการนิ่งเงียบ (และไม่ทำตาม)
ซึ่ง Dialogue คำพูดนี้ เหมือนเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นก่อน การทำสังคายนา ครั้งที่ 2 (ราว 200 ปีหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน) ทุกประการ
มารู้อีกทีว่า ที่พระอาวุโสกล่าวยังงี้ เพราะถ้าโยมรู้พระวินัย โยมจะไม่เอาเงินใส่บาตร พระ หรือ เณร รูปอื่นๆในครั้งถัดไป (ซึ่งใช้เงินกันจ้าละหวั่น ) พูดง่ายๆ คือ ผมไปขัดระบบผลประโยชน์ของพวกเขาที่ทำกันมาช้านาน นั้นเอง
จะกล่าวไปไย ถึงระบบผลประโยชน์ระดับประเทศเล่า?
ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสักบาทก็อยู่ได้จริงๆ จนสุดท้าย ผมต้องปลีกตัวเอง มาปฏิบัติ ฝึก สมถะ ใต้ร่มไม้ ริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ ด้วยตัวคนเดียว จะมีก็แต่คนเลี้ยงวัวที่ใช้ร่มไม้ริมฝั่งเป็นที่พักเหมือนกันเท่านั้น
ยังไม่รวม ตอนถูกรับเชิญเข้าไปที่ วิลัยสงฆ์ ของ มหาจุฬา และเห็น พระ และ ระบบภายใน แต่ตรงส่วนนี้คงจะกล่าวมากไม่ได้ ขอละไว้
มีเยอะเลย จริงๆก็อยากเล่าเหมือนกัน ไม่แปลกใจ ทำไมตอนพระพุทธองค์ แรกตรัสรู้ใหม่ๆ จึงทรงท้อพระทัยในการแสดงธรรม
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
