9 พ.ย. เวลา 12:25 • การเมือง

ความบาดหมางระหว่าง “รัสเซีย” กับ “สหภาพยุโรป” เกิดขึ้นได้อย่างไร

ในมุมมองของ “ภูมิรัฐศาสตร์” “ประวัติศาสตร์” “เศรษฐกิจยุคใหม่”
ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและประเทศต่างๆ ภายในสหภาพยุโรป มีฉากหลังของเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอะไรบ้าง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ พัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องอย่างไรในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ก่อนอื่นขอตั้งคำถาม 3 ข้อ เพื่อนำทางเกี่ยวกับเรื่องนี้
  • มีเหตุผลทางภูมิศาสตร์ใดบ้างที่ทำให้สหภาพยุโรปและรัสเซียอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างในปัจจุบัน
  • เหตุผลทางประวัติศาสตร์ของความรู้สึกเป็นคู่แข่งกันนี้คืออะไร
  • เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปและรัสเซียพึ่งพาซึ่งกันและกันหรือไม่
เครดิตภาพ: Peter Schrank / The Economist
ส่วนมากผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มักกล่าวถึงข้อพิพาทเรื่องดินแดนยูเครน ประวัติศาสตร์สงครามเย็น เชื้อเพลิงฟอสซิล ตลอดจนที่ราบยุโรปตอนเหนือเมื่อพูดถึงความตึงเครียดระหว่างยุโรปกับรัสเซีย
“ภูมิรัฐศาสตร์” มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการโต้ตอบกันระหว่างประเทศต่างๆ เหล่านี้ เนื่องมาจาก “จุดยืนในด้านความมั่นคงบริเวณที่ราบยุโรปตอนเหนือ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจัดการในประเทศเหล่านี้ การเข้าใจว่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของประเทศต่างๆ มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของพวกเขาในระดับนานาชาติอย่างไร ประเด็นนี้ยังรวมถึงโลกาภิวัตน์และ “การพึ่งพากันทางเศรษฐกิจ” ที่มีบทบาทอย่างไรในความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและรัสเซีย
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหภาพยุโรป สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของสหภาพยุโรป และการขยายตัวนี้ทำให้พรมแดนของสหภาพยุโรปใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดการผนวกรวมอดีตประเทศในสหภาพโซเวียตเข้ากับสหภาพยุโรปจึงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับรัสเซีย จำเป็นต้องแนะนำพื้นที่ราบยุโรปเหนือ
บริเวณที่เรียกว่า พื้นที่ราบยุโรปเหนือ เครดิตภาพ: GoConqr
ที่ราบทางตอนเหนือของยุโรปเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่ทอดยาวจากทางตอนเหนือของฝรั่งเศสไปจนถึงเทือกเขาอูราลในรัสเซีย พื้นที่นี้เป็นที่ราบสูง มีประชากรหนาแน่น และเป็นแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ความจริงที่ว่าพื้นที่นี้เป็นที่ราบและมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หมายความว่าพื้นที่นี้เสี่ยงต่อการถูกรุกรานจากต่างชาติได้ง่าย
ในอดีตเราเคยเห็นผู้รุกรานใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเมืองของรัสเซียตั้งอยู่บนที่ราบนี้ การรุกรานรัสเซียของนโปเลียนฝรั่งเศสในช่วงปี 1800s รวมถึงการรุกรานสหภาพโซเวียตของนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เครดิตภาพ: r/HistoryMemes
ตามที่ผู้เชี่ยวชาญทางภูมิรัฐศาสตร์หลายคนกล่าว รัสเซียตระหนักดีถึงจุดอ่อนและความเชื่อของตนเองว่าวิธีเดียวที่จะปกป้องจุดอ่อนเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัยก็คือการให้ประเทศเพื่อนบ้านอยู่ในเขตอิทธิพลของรัสเซีย แล้วอะไรล่ะที่หยุดยั้งรัสเซียไม่ให้รักษาพรมแดนและขยายอิทธิพลเข้ามาในยุโรปตะวันออก? คำตอบคือ สหภาพยุโรป สถานการณ์ที่รัสเซียเผชิญอยู่นี้เป็นตัวเร่งให้เกิดความตึงเครียดเกือบทุกประเด็นระหว่างสหภาพยุโรปและรัสเซีย
ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับรัสเซียแย่มาโดยตลอดเลยหรือไม่… จะตอบว่าใช่ก็คงได้ ในประวัติศาสตร์ประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันตกมักจะมีปัญหาขัดแย้งกับดินแดนรัสเซียในยุคต่างๆ เสมอมา ตั้งแต่การรุกรานรัสเซียของนโปเลียน การรุกรานรัสเซียภายใต้ซาร์โดยออสเตรีย-เยอรมนี การรุกรานสหภาพโซเวียตของฮิตเลอร์ ส่วนสงครามเย็นล่าสุดระหว่างรัฐทุนนิยมตะวันตก (ผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรป) กับสหภาพโซเวียตที่เป็นรัฐคอมมิวนิสต์ตะวันออก
ความขัดแย้งและสงครามตัวแทนต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย ประกอบกับการโฆษณาชวนเชื่อและการปลูกฝังความคิดให้ประชาชนมากเกินไปจนมองว่าประชาชนของประเทศอื่นเป็น “ศัตรู” ทำให้เกิดการสนับสนุนการใช้จ่ายด้านการทหารจำนวนมากเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่มองว่าเป็นศัตรูไม่สามารถเข้ามาครอบงำได้ นักสังคมวิทยาการเมืองหลายคนเสนอว่าสถานการณ์ปัจจุบันในยุโรปเป็นผลพลอยได้จากการปลูกฝังความคิดของประชาชนมาหลายศตวรรษและลัทธิชาตินิยมแบบทหารที่เกิดจากการโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าว
แผนที่ยุโรปในช่วงสงครามเย็น 1960 เครดิตภาพ: Britannica
มาดูในมุมมองด้านเศรษฐกิจกันบ้าง เศรษฐกิจของยุโรปและรัสเซียพึ่งพากันและกันอย่างมาก โดยรัสเซียเพียงประเทศเดียวจัดหาแก๊สให้ยุโรปถึง 39% นั่นหมายความว่าไม่เพียงแต่ยุโรปจะต้องพึ่งพาแก๊สจากรัสเซียอย่างมากเท่านั้น แต่รัสเซียยังต้องการรายได้จากภาษีจากท่อส่งแก๊สเหล่านี้อย่างมากอีกด้วย
การบูรณาการทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายนี้หมายความว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะมีภัยคุกคามจากสงครามเสมอไป ทั้งสหภาพยุโรปและรัสเซียต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกันทางด้านเศรษฐกิจในการรักษาสันติภาพที่ผ่านมา
เนื่องจากยุโรปจะขาดแคลนแก๊สสำหรับขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากไม่หาแหล่งพลังงานทางเลือกอื่น และหากรัสเซียไม่ได้รับรายได้จากภาษีพลังงานซึ่งคิดเป็น 67% ของรายได้ของรัสเซีย รัสเซียก็จะพบว่าไม่มีเงินสำรองจากต่างประเทศเหลืออยู่เลย พวกเขาก็ต้องหาแหล่งขายอื่นเช่นกันอย่างเช่น จีนซึ่งเป็นเจ้าหลักในปัจจุบันหลังเกิดสงครามในยูเครนแล้วโดนคว่ำบาตรหนัก
เครดิตภาพ: TheNewsMarket
  • สรุป:
ปัญหาพื้นฐานที่สำคัญหลายประการที่ทำให้สหภาพยุโรปและรัสเซียดูเหมือนจะอยู่ในภาวะตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาเป็นคู่แข่งทางประวัติศาสตร์ และมีสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญหลายประการที่ทำให้รัสเซียและสหภาพยุโรปต้องเสียดสีกันตลอดเวลาเพื่อควบคุมสถานการณ์ แม้ว่าลักษณะทางภูมิศาสตร์กายภาพจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในประเด็นนี้ แต่ก็ไม่ใช่เพียงประเด็นเดียว เศรษฐกิจและประวัติศาสตร์มีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อประเด็นนี้เช่นกัน
  • เชิงอรรถ:
<เครดิตภาพปก: Aïda Amer / Axios>
โฆษณา