15 พ.ย. เวลา 01:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ลงทุนปีละหมื่น เป็น “เศรษฐีร้อยล้าน” ได้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่เข้ามาในตลาดหุ้นทุกคนต่างหวังที่จะ “รวย” ด้วยกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ต้องการรวยเร็ว ยิ่งเร็วยิ่งดี ยิ่งต้องไม่ต้องใช้ความคิดมากหรือศึกษาหาความรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบกันมากขึ้นเท่านั้น
นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ ซึ่งมักตกเป็นเหยื่อของนักลงทุนรายใหญ่ที่สร้างราคาหุ้นหรือปล่อยข่าวลือต่างๆเพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนรายย่อยที่อยากรวยเร็วแต่ไม่ชอบ ค้นคว้าเหล่านั้นตกเป็นเหยื่อของเกมตลาดหุ้น จนทำให้หลายคนถึงกับถอดใจและมีทัศนคติที่ไม่ดีกับตลาดหุ้น คิดว่าเป็นแหล่งพนันบ้างเป็นแหล่งหลอกลวงเงินบ้างเป็นต้น
แต่สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว การมองตลาดหุ้นเป็นแหล่งลงทุนของเงินที่เก็บสะสมไว้ เพื่อวันข้างหน้าจะช่วยให้มีทัศนคติที่ดีต่อตลาดหุ้น หลายคนเคยน้อยใจว่ามีเงินแค่เล็กน้อยคงไม่สามารถลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้ เพราะได้ผลตอบแทนน้อยและใช้เวลานานเกินไป ซึ่งความเป็นจริง การเก็บเงินแค่ปีละ 14,000 บาท จะสามารถทำเงินในพอร์ตให้เติบโตได้ 100 ล้านบาทได้เลยทีเดียว
สิ่งสำคัญคือการทำผลตอบแทนให้ได้อย่างสม่ำเสมอและระยะเวลาที่นานพอนักลงทุนที่มุ่งมั่นสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับ ปีละ 20% ได้ด้วยการคัดเลือกหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีผู้บริหารโปร่งใสและราคาหุ้นไม่สูงจนเกินไปนัก มีส่วนต่างความปลอดภัยหรือ margin of sefety พอสมควร
เมื่อบริษัทดำเนินกิจการให้เติบโตขึ้นราคาหุ้นจะสามารถปรับตัว ตามผลประกอบการที่ดีขึ้น ในอนาคตได้โดยนักลงทุนไม่ต้องซื้อซื้อขายขายหุ้นบริษัทที่ดีเหล่านั้นตลอดเวลารวมถึงการเลือกบริษัทที่สามารถจ่ายปันผลได้ในระดับที่สูงจะช่วยให้ผลตอบแทนในการลงทุนเพิ่มได้มากขึ้นอีกทางหนึ่ง
นอกเหนือจากนั้นระยะเวลาในการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นยิ่งระยะเวลามากเท่าไหร่ผลตอบแทนจากการ ลงทุนจะสูงขึ้นมากเท่านั้น อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ถึงกับบอกว่า “อัตราผลตอบแทนทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก” หลายคนไม่เชื่อว่า การเก็บเงินปีละ 14,000 บาท และนำไปลงทุนจะสามารถทำเงินได้เป็นร้อยล้านบาทได้
เรามาดูยอดเงินสะสมจากการลงทุนปีละ 14,000 บาท โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 20% สะสมไปเรื่อยๆในปีต่างๆ
ปีที่ 5 ยอดเงินสะสม = 100,000 บาท
ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
ปีที่ 15 ยอดเงินสะสม = 1,010,000 บาท
ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
ปีที่ 25 ยอดเงินสะสม = 6,610,000 บาท
ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
ปีที่ 35 ยอดเงินสะสม = 41,280,000 บาท
ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
จะเห็นว่าการทำเงิน 1 ล้านบาทในปีหลังๆใช้เวลาน้อยกว่าการหาเงิน 1 ล้านบาทแรกมากนัก ลงทุนต้องเข้าใจว่าการสร้างความร่ำรวยต้องใช้เวลาดังนั้นภายในเวลาอันสั้นจะไม่เห็นผล นักลงทุนต้องคิดว่านี่เป็นการวิ่งมาราธอนไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร
สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทนไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียวแต่ทุกวันนี้พวกเราตกอยู่ภายใต้กระแสของอาหารจานด่วนทุกเรื่องเน้นที่ความรวดเร็วและประสิทธิผล เวลาทานอาหารต้องรับประทานอาหารแบบ Fast Food ส่งจดหมายต้องใช้บริการด่วนพิเศษ ขับรถต้องขึ้นทางด่วนแม้แต่การศึกษายังใช้วิธีเรียนรัฐ คนส่วนมากหวังผลทันตาเห็นจึงกลายเป็นรีบร้อนเร่งด่วน ซึ่งขาดความอดทนแม้แต่การลงทุนสร้างฐานะก็ไม่มีข้อยกเว้น
ความเป็นจริงการลงทุนสร้างฐานะต้องใช้เวลา ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง จะเกิดความร้อนใจ เพราะร้อนใจมักทำเรื่องเสี่ยงๆ ฉะนั้น แทนที่จะพบกับความสำเร็จกลับกลายเป็นล้มเหลวถ้าเป็นกิจกรรมอย่างอื่น อาจเร่งความเร็วได้แต่การลงทุนสร้างฐานะเร่งความเร็วไม่ได้ เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการสร้างตัวยิ่งเร็วยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งส่วนมากจะล้มเลิกกลางคันเมื่อเจอกับเงื่อนไขเวลาเกิดความท้อถอยพานขายหุ้นขายอสังหาริมทรัพย์เดินออกจากตลาดหุ้นหารู้ไม่ว่าการขาดความอดทนและความตั้งใจยากที่จะประสบพบความสำเร็จได้
จะเห็นว่านักลงทุนมีระยะเวลาในการลงทุนนานเพียงพอและทำผลตอบแทนได้สม่ำเสมอเก็บเงินแค่ปีละหมื่นกว่าบาท สามารถทำผลตอบแทนได้เป็นร้อยล้านเลยทีเดียวหลายคนอาจมองระยะเวลา 40 ปีนั้นนานเกินไปอย่าลืมว่าในตัวอย่างนั้นเก็บเงินแค่ปีละ 14,000 บาทเท่ากันทุกปีหรือเดือนละ 1,666 บาททุกเดือน ดังนั้นถ้านักลงทุนสามารถเก็บเงินได้เพิ่มขึ้นระหว่างทาง หรือทำผลตอบแทนได้มากขึ้น ในแต่ละปีการทำเงินร้อยล้านบาทสามารถใช้เวลาให้น้อยลงไปได้มากกว่า ที่จะเป็นเศรษฐีร้อยล้าน ในชีวิตนี้ก็ไม่ใช่ของขวัญอีกต่อไป
#vijourney #พัฒนาตัวเอง #สอนให้รู้ว่า #วางแผนการเงิน #วางแผนการลงทุน #ลงทุนหุ้น #หุ้นไทย #ลงทุนมือใหม่ #การเงินส่วนบุคคล #การเงิน #การเงินการลงทุน #ลงทุนในตัวเอง #ลงทุน #longervideos #เทรนวันนี้
Blockdit 👉https://www.blockdit.com/vijourney/
โฆษณา