10 พ.ย. เวลา 05:38 • หนังสือ

โชคชะตากับโอกาสทางการศึกษาของคนเรา

อาจจะฟังดู งงๆ นะครับว่าทำไมโชคชะตามันเกี่ยวข้องยังไงกับการศึกษาของเรา ความพยายาม ความอดทน ความขยันต่างหาก ที่จะทำให้เราได้รับการศึกษาและประสบความสำเร็จในชีวิต แน่นอนว่าชุดความคิดนี้ไม่ผิดครับ แต่ผมอยากจะชวนลองเข้าไปในอีกมุมมองหนึ่งที่โชคชะตามันเกี่ยวพันกับชีวิตของเรานอกเหนือจากการเกิดแล้ว
การศึกษาเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถนำมาอ้างอิงได้เหมือนกันครับ และเพราะ ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ความพยายาม มานะ อดทน แต่ “โอกาส” ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการประสบความสำเร็จ ที่หลายๆ ครั้งมันมาหาเราแบบไม่ได้คาดคิด ไม่รู้ตัวมาก่อน มันก็เป็นอีกอย่างที่สำคัญ เช่นเรื่องของการศึกษาเป็นต้น
หลายคนคงเคยได้รับรู้เรื่องราวของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเกี่ยวกับภูมิหลังการศึกษาของพวกเขากันมาบ้างนะครับ บางคนก็ขาดโอกาส บางคนก็มีโอกาสดี มีหลายคนที่การศึกษาในระบบไม่ได้สำคัญกับเขามากไปกว่าการเรียนรู้ด้วยตนเองจนประสบความสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงถ้าเราไม่ได้โชคดีที่เจอสิ่งที่เราเกิดมาเพื่อจะเป็นโดยเร็ว และ “พยายามได้ถูกเรื่อง ถูกที่ ถูกเวลา” จนเป็นผู้สำเร็จในชีวิต การศึกษา ยังคงถือเป็นใบเบิกทางที่สำคัญในการต่อยอดสู่ความสำเร็จได้อยู่ดี
ทำไม??? เด็กบางคนได้เรียนโรงเรียนดีๆ ในขณะที่เด็กบางคนไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เข้าเรียนในโรงเรียนทั่วไป…
ถ้าเอาเรื่องโชคชะตามาอธิบายเกี่ยวกับประโยคนี้ ลองมองดูเรื่องนี้ในสังคมปัจจุบันดูครับ เด็กบางคนขยัน เรียนเก่งมาก อดทน มานะ พยายาม ทำงานส่งตัวเองเรียน และอาจจะต้องดูแลครอบครัวไปด้วย แต่เมื่อโชคชะตาทำงานกับเขาปรากฎว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับจากสิ่งที่เขาเป็น กลายเป็นว่าเด็กคนนี้ “ไม่มีเงินเรียนต่อ ไม่มีเงินเสียค่าเทอม”
ต้องรอผู้ใจบุญช่วยกันบริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาและค่าดำรงชีวิตให้ซึ่งถ้า “โชคดี” มีคนบริจาคและเห็นใจก็มีโอกาสได้ไปต่อ แต่ถ้า “โชคไม่ดี” ไม่ได้รับการสนับสนุนก็ต้องทำใจ บางคนถึงขั้นไม่ได้เรียนและออกจากระบบการศึกษาไปเลยซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายามแต่เพราะ อะไรล่ะที่ทำให้เป็นแบบนั้น?
ถ้าความพยายามอยู่เหนือโชคชะตา คำถามคือ? “เด็กเหล่านี้ไม่ได้พยายามที่จะให้ตัวเองได้รับการศึกษรหรือเปล่าครับ?” ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้เห็นปัญหานี้ที่ยังมีอยู่ในสภาพสังคมปัจจุบันคงตอบได้เต็มปากว่า “ไม่” เด็กที่ขาดโอกาสเหล่านี้หลายคนอดทนและพยายามมากกว่าปกติด้วยซ้ำ พวกเขาพยายามในการหาเงินส่งตัวเองเรียน บางคนส่งตัวเองเรียนไม่พอ
ยังต้องหารายได้และเสียสละเวลาไปดูแลพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ดูแลครอบครัวในสภาพที่แม้แต่ที่อยู่อาศัยยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ ในบางครั้งเราคงใช้คำไหนอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเขานี้ได้ดีไปกว่าคำว่า “โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเด็กๆ เหล่านี้เหลือเกิน” ทั้งๆ ที่อยากเรียน เรียนเก่ง เป็นเด็กดี เสียสละ มานะ อดทน ไม่ได้เละเทะ เกเร อะไรเลย แต่ทำไมโชคชะตากลับนำพาให้เขาได้มาเกิดในครอบครัวที่ยากจนและแทบจะไม่มีโอกาสในการเข้าสู่ระบบการศึกษาได้เลย
แต่ถ้าหากใครจะใช้ความพยายามตามชุดความคิดแห่งการประสบความสำเร็จในชีวิตไปกล่าวโทษเด็กพวกนี้ว่า “พ่อแม่ ไม่ได้พยายามในการหาเงินมาส่งเสียให้เขาได้รับการศึกษาที่ดี และตัวของเด็กเองยังพยายามไม่มากพอ” ด้วยคิดว่าพ่อแม่บางคนอาจจะขี้เกียจ สำมะเลเทเมา ทำงานหนักไม่มากพอ ในการพยายามมและตั้งใจที่จะส่งลูกเข้าสู่ระบบการศึกษา
ซึ่งต้องอดทน มานะบากบั่นให้หนักขึ้นไปอีก เราก็อาจจะต้องมองอีกมุมหนึ่งนะครับว่า การที่เกิดมามีฐานะยากจนชนิดแทบไม่มีจะกินมันก็แย่อยู่แล้ว พ่อแม่ต้องลำบากหาเงินมากินมาใช้กับเรื่องที่จำเป็นก่อนเพื่อทำให้ทั้งครอบครัวมีกินมีใช้ไม่อดตายเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด ส่วนเรื่องของการศึกษานั้น ในสภาพครอบครัวเช่นนี้จะมีปัญญาที่ไหนไปหาเงินให้ลูกเข้าสู่ระบบการศึกษากัน?
แม้คนกลุ่มนี้ท้ายที่สุดแล้วบางคนจะเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ แต่สุดท้ายก็ต้องแลกมาด้วยภาพของการที่พ่อแม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เอาของมีค่า ของใช้ไปเข้าโรงรับจำนำเพราะก็ไม่รู้จะพยายามอย่างไรแล้วเหมือนกัน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อมาจ่ายค่าเล่าเรียนที่มีทั้งค่าหนังสือ ค่าเสื้อผ้า ค่าอาหารกลางวัน เพื่อไม่ให้ลูกตัวเองขาดโอกาสทางการศึกษา
ถ้าเราเจอกับสภาพสถานการณ์แบบนี้เราจะยังโทษพวกเขาลงไหมครับว่า “พวกเขาไม่พยายามมากพอ ลูกเลยไม่ได้รับการศึกษา เด็กไม่ได้เรียนเพราะพ่อแม่และตัวเด็กเองพยายามไม่มากพอ” จริงอยู่ครับว่าบางคนที่อยู่ในความลำบากเหมือนกัน ต้องดิ้นรนเหมือนกันบางคนกลับได้รับโอกาสที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษาแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า “ถ้าพยายามแล้วผลลัพธ์จะเหมือนกันทุกกรณี” เพราะบางทีอาจเป็นโชคชะตาต่างหากที่ทำให้พวกเขาต้องมาอยู่ในจุดนี้
ในบางอารมณ์ของคนหมดหวัง ท้อแท้ ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปทางไหน? จะโทษใครเกี่ยวกับสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิต? อารมณ์อึดอัดเหล่านี่ถ้าหากจะหาใครสักคนมาให้ระบายเพื่อให้สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราสบายใจขึ้น บางครั้งลองโทษโชคชะตากันดูบ้างก็ได้ไม่ต้องไปปลอบใจตัวเองว่า “โชคชะตาไม่เกี่ยวแต่เป็นเพราะเราพยายามไม่มากพอ” เพราะถ้าเราทำมันเต็มที่จนสุดแล้ว แต่มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ไม่มีอะไรก้าวหน้า
เราลองมาโทษโชคชะตาดูบ้างก็ได้ครับ โทษมัน ด่ามัน ว่ามัน เพื่อให้เราหายอึดอัดและสบายใจ พอเรารู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว เราค่อยประคองสติและคิดทบทวนต่อว่าเราจะเอายังไงกับชีวิตดี แม้ในจุดนี้เหมือนเรายอมรับในโชคชะตาไปแล้วว่ามันเป็นคนที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ แต่เราไม่ได้ยอมแพ้ต่อชีวิตของเรา เรายังกลับมาสู้ต่อไป เพราะเราไม่รู้ว่าในความไม่แน่นอนของโชคชะตานั้นท้ายที่สุดแล้วอนาคตข้างหน้ามันจะดึงดูดนำความสำเร็จมาให้เราได้บ้างไหม?
มันอาจจะเกิดสิ่งดีๆ เกิดความสำเร็จขึ้นกับเราในอนาคตก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาก็เท่านั้นเอง
เด็กบางคนโชคดีเกิดมาในครอบครัวฐานะดี ต้นตระกูลดี อุดมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ มากมาย มีแต่คนพร้อมจะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ พ่อแม่ ผู้ปกครองมีเงินเหลือเฟือ เด็กคนนี้รับประกันได้ลเยว่าเขาจะมีโอกาสได้รับการศึกษาทีดีและได้มากที่สุดเท่าที่เขาต้องการได้ และยังรวมถึงการได้เข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาที่ดี มีชื่อเสียง อุดมไปด้วยครู อาจารย์ บุคคลากรที่มีคุณภาพสูง
มีความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งวิชาการและการใช้ชีวิต มีสังคมที่ดี เช่น โรงเรียนนานาชาติ มหาวิทยาลัยเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้การเข้าถึงโอกาสระดับนี้จะมีค่าใช้จ่ายแสนแพงขนาดไหนก็ไม่ใช่ปัญหาของเด็กกลุ่มนี้ แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้รับล้วนเป็นสิ่งที่สามารถนำไปต่อยอดความมั่งคั่งและโอกาสต่างๆ ที่ดีในชีวิตได้ต่อไปอีก ทั้งหมดนี้คือ “ต้นทุนชีวิต” ที่โชคชะตามอบให้เขาตั้งแต่แรกเกิดไปแล้ว
ลองมาดูเรื่องราวตัวอย่างเกี่ยวกับโชคชะตาและชีวิตการศึกษาของเด็ก 2 คน ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงโดยที่ทั้งสองคนไม่มีสิทธิ์เลือกมาก่อนเลยว่าจะเกิดในที่ใด ดังนั้นสิ่งที่เด็ก 2 คนได้รับมันจึงต่างกันอย่างเทียบไม่ได้ กันดูครับ ซึ่งมันเชื่อมโยงและสอดคล้องมาตั้งแต่โชคชะตาที่กำหนดชีวิตเขามาตั้งแต่แรกเกิด
โฆษณา