16 พ.ย. เวลา 13:25 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

"Oshi no Ko SS2: เจาะความในของ 'ดาวในดวงตา'"

ว่ากันว่าดวงตาคือ
หน้าต่างของหัวใจ
คิดอ่านอะไร รู้สึกแบบไหน
ก็แทบจะรับรู้ได้ทันที
ซึ่ง "Oshi no ko"
นับเป็นอนิเมะที่สะท้อน
ตัวตนและอินเนอร์ของตัวละครนั้น
ออกมาได้ดีในหลายมิติทีเดียว
จนมาถึง SS2 ก็ได้เห็นชัดขึ้นไปอีก
และมันจะไม่ใช่แค่เพราะอควา-รูบี้
มาเกิดใหม่เป็นลูกโอชิ
เลยได้ดาวไอดอลสืบต่อมาแค่นั้น
บทความนี้จึงอยากชวนสำรวจ
ถึงนิยามความหมายที่สำคัญแท้จริง
ของ "ดวงดาว" ใน "ดวงตา" แต่ละคน
ว่ามีเบื้องลึกที่น่าค้นหายังไง
ก่อนเข้าเนื้อหา ขอความกรุณา
คนที่อ่านมังงะนำไปแล้ว
ไม่สปอยล์เพื่อนๆ นะครับ
และใครที่จะอ่าน ต้องดูเมะ SS2
"จบแล้วเท่านั้น!"
เอาล่ะ ได้เวลาเปิดโรงละครแล้ว
ไปรับชมและดื่มด่ำกับเรื่องราวกันเลย!
.
.
.
1. "ดาวค้างฟ้า - โฮชิโนะ ไอ"
- ประกายดาวของไอ นอกจากจะเป็นการสร้าง Personal Branding ที่โดดเด่นเหนือใครแล้ว ยังสื่อถึงนิยาม "ความหมาย" บางอย่าง คอยเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิตเธอ
ทั้งการไม่เคยสัมผัสความรักจริงๆ มาก่อนแม้จากครอบครัวตัวเอง กลับต้องมาเป็นไอดอลที่ต้องบอกรักแฟนคลับวนไป ได้แต่ปรับตัว เรียนรู้ พัฒนา หวังว่าคำโกหกสีขาวนี้จะเป็นจริงขึ้นสักวัน เป็นการเดินทางตามหาคำตอบไปเรื่อยๆ โดยหมายมั่นแค่จะทำให้ดีที่สุด
ทั้งด้านเทาๆ ที่ยังคงโลภกระหายในการเป็นคุณแม่และไอดอลเบอร์ 1 ต่อ อยากจะทำให้ดีทั้งสองทาง โดยเฉพาะการมีสองชีวิตน้อยๆ ในอ้อมกอด ก็ยิ่งทำให้เธออยากเติมเต็มลูกๆ ในสิ่งที่ตัวเองเคยขาด ปล่อยให้หัวใจนำทาง แล้วใช้เวลาเติบโตไปด้วยกัน แม้จะเป็นเพียงห้วงเวลาสั้นๆ แค่นั้นหม่าม้าก็ดีใจ,,,
2. "ดาวหลากเฉด - อ.อาบิโกะ"
- สังเกตที่นัยน์ตาของเธอดีๆ จะพบว่ามีรายละเอียดข้างใน หากมองมุมทั่วไปนี่คือเด็กสาวสุดอินโทรเวิร์ตผู้ไม่ชอบคุยกับใคร โดยเฉพาะผู้ชาย เพื่อนไม่มี เข้าสังคมไม่เป็น แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวาดเขียนหนังสือการ์ตูน ตาเธอจะทรงพลัง เปล่งประกายหลากสีมากมายคล้ายหมู่ดาวในจักรวาลเรียงกัน ดาวน้อยใหญ่เหล่านั้นก็อาจเปรียบได้กับเหล่าตัวละครที่เธอสร้างมากับมือและรักเหมือนลูกจริงๆ
ยามใดที่ได้ตวัดปลายปากกา ตัดเส้น ลงสี ทำพื้นหลัง วาดเขียนเรื่องราว พร้อมปลดปล่อยจินตนาการลงไปแต่ละครั้ง ก็เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน กาลเวลาหยุดเดิน มีแต่หน้ากระดาษและตัวเธอ
เรียกได้ว่าเป็น อ.นักเขียนการ์ตูนผู้ถวายวิญญาณให้ชิ้นงานอย่างแท้จริง ชนิดที่เวลาพูดถึงตัวละครที่เธอสร้างขึ้นมาก็จะใช้คำว่า "ลูกๆ ของฉัน" คือถ้าไม่รักจริงคงไม่อินขนาดนี้ ซึ่งแน่นอนแพสชั่นอันเปี่ยมล้นย่อมส่งผลให้งานออกมาดีมีเอกลักษณ์ในตัว สามารถนำมา "scale up" ต่อยอดทางธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ได้ง่ายตามมา เป็นศิษย์เอกที่ อ.โยริโกะ ผู้เขียนวันนี้แบบหวานต้องภูมิใจ และไปได้ไกลเกินอาจารย์แบบไม่เห็นฝุ่น
แต่คนเราเมื่อสำเร็จ มีชื่อเสียงแล้วก็มักอยากได้อีก ลงหลังเสือลำบาก ยิ่งในโลกการแข่งขันที่สูงชัน หากหยุดพักช้าลงเมื่อไหร่ก็มีแต่จะถูกแซงหรือนายทุนไม่ให้โอกาสอีก ดังนั้นจึงต้องเร่งทะยานอยากขึ้นไปให้สุด จากวาดการ์ตูนรายเดือนชิลๆ พอมีเวลาพัก มาเป็นรายสัปดาห์ที่ต้องเร่งปั่นต้นฉบับจนเลือดตาแทบกระเด็น อะดรีนาลีนสูบฉีดไปทั่วทุกอณูเส้นเลือด แววตาที่เคยส่องประกายก็เหือดแห้งเหมือนผีตาEซาก ลำบากทั้งสุขภาพและชีวิต
และเพราะความสำเร็จนี่แหละที่มักพาให้คนเราหลงระเริงเผลอลืมตัวไปไกล ยิ่งกับอาบิโกะที่เก่งงาน แต่ไม่เก่งคน เข้ากับใครไม่ได้ สื่อสารไม่เป็น + อัตตาที่มีก็ยิ่งกลายเป็นคน "แตะไม่ได้" ความคิดฉันเป็นใหญ่ ทั้งงานวาดการ์ตูนที่ไล่ทีมงานคนแล้วคนเล่าออกไป เพราะนิดหน่อยก็ปรี๊ดแตก ไม่ให้โอกาสเขาได้ศึกษางาน มองว่าไม่เข้าโจทย์ก็ไล่หมด
ทั้งงานละครเวทีที่ทางผู้จัดต้องหาตัวกรองประสานงานหลายขั้นเพื่อลดโทนคอมเมนต์อันรุนแรงของเธอให้โกอา คนเขียนบททำงานง่ายขึ้น กลายเป็นปัญหาสะสมรอวันระเบิด เพราะยิ่งทำบทบิ่งห่างไกลต้นฉบับ จนเธอที่มาดูนักแสดงซ้อมเอง ถึงกับต้องสั่งแก้ใหม่หมด แม้แต่โยริโกะ อ.แท้ๆ มาช่วยเจรจาปรับความเข้าใจ เธอก็พร้อมตั้งกำแพงสู้กลับ
อ. นั่นแหละอะลุ้มอะล่วยเกิน ปล่อยคนอื่นเขาย่ำยีงานตัวเองแบบนี้ได้ไง ทำยอดขายให้ได้ดีเท่ากันค่อยมาคุย บลาๆๆ ทำเอาคนฟังถึงกับใจสลายไปชั่วขณะและอดไม่ได้ที่จะปรี๊ดกลับ เด็กสาวผมยุ่ง ตัวน้อย ที่เข้ามาขอโอกาสทำงานกันวันนั้น เปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิงในวันนี้
ซึ่งจริงๆ เนื้อแท้ของอาบิโกะไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น กลับกันเธอปวดใจแทนอาจารย์ด้วยซ้ำ ที่การ์ตูนที่รักโดนเอาไปปรับยำเละ เพราะเธอเองก็รักเรื่องนี้มาก
แต่เพราะโลกทุนนิยม การแข่งขัน และความสำเร็จค้ำคอเลยทำให้ตามืดใจบอดไม่รับอะไรที่เห็นต่าง กระทั่งมันระเบิดในคืนที่ปั่นต้นฉบับไม่ทัน แม้ อ.โยริโกะมาช่วย ก็ดันไปถากถาง ชวนเขาทะเลาะ มีปากเสียงกันชุดใหญ่ รู้ตัวอีกทีรุ่งสาง งานเสร็จ จึงได้ตระหนักว่าตัวเองทำอะไรพลาดไปมากมาย ทำงานเกินกำลัง ไม่เชื่อมือคนอื่นทำ ไม่มองถึงบริบทรูปแบบงานที่เปลี่ยนไป
อย่างโตเกียวเบลดที่เปลี่ยนจากมังงะมาอยู่บนละครเวที ก็ต้องวางเรื่องราวให้อิงกับฉาก เวที และการส่งไปถึงคนดู ซึ่งเธอไม่เคยพยายามเข้าใจโกอาและทีมงาน มันเลยขัดแย้งแก้วนกันไปมาจนงานอาจไม่ทันเสร็จหรือไม่ตอบโจทย์ละครเวที 2.5 มิติ
แต่เพราะความไม่เข้าใจกันเลยทำให้เข้าใจอะไรขึ้นมามากมาย ก่อนได้น้ำเสียงเล็กๆ และมือที่อ่อนนุ่มของอาจารย์มาลูบหัว ก็เหมือนทำให้อาบิโกะได้กลับไปเป็นเด็กสาวผู้ช่วยเมื่อวันวานที่พร้อมเรียนรู้งานใหม่ "ปล่อยวาง" อัตตาลงไปทีละอย่าง "หัดอะลุ่มอล่วยบ้าง เวลาเอางานไปปรับใช้ในสื่ออื่น เธอต้องหัดร่วมมือกับทีม เพราะมันมีงานหลายอย่างที่เธอทำคนเดียวไม่ได้"
ก่อนจะลองเปิดใจรับบัตรละครเวทีที่อควาฝากมาให้ ไปดูว่างานของจริงมันดียังไง ซึ่งเรื่องนั้นโอกาก็เป็นคนเขียนบทเช่นกันกัน พอได้รู้ก็ยอมรับแต่โดยดี เข้าไปคุยกับโปรดิวเซอร์กันแบบเปิดใจ ยอมเจอกันครึ่งทาง ให้เธอและโอกาแก้บทไปพร้อมกัน เชื่อในฝีมือและประสบการณ์อีกฝ่าย ปลดปล่อยจินตนาการ ปล่อยใจ ลอยล่องผ่านตัวอักษรไปด้วยกันยันสว่าง เกิดเป็นละครเวทีโตเกียวเบลดที่บทลงตัวที่สุด
และในวันจริงเมื่อได้เห็นลูกๆ ที่เธอรักออกมาโลดแล่นบนละครเวที ทั้งฉาก แสง สี และการตีความและเสน่ห์ของนักแสดงแต่ละคนที่ทำได้ตราตรึงใจ ดวงดาวน้อยๆ ในดวงตาก็หวนกลับมาส่องประกายเมื่อได้สดับรับชม
แค่ลองปล่อยวาง เปิดใจ อะไรๆ ก็ดีขึ้นตามมาเลย,,,
3. "ดาวดับที่โดดเด่น - เมลต์"
- ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาจนสาวๆ ติดตรึม มีคนทาบทามเข้าวงการ ไปไหนก็มีแต่คนสนใจ แต่กลับกลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงเจ้าตัวให้หลงระเริงไปตามกระแสวงการ แสดงห่วยยังไง ทีมงานก็ปรับให้พอผ่านจนขายได้ เลยไม่เคยสำรวจตัวเองจริงๆ จนซีรีส์วันนี้แบบหวานได้แจ้งดับในฐานะ "ตัวห่วย" เป็นตราบาปติดตัวทุกที่ที่ไป ได้พบปะ อ. เจ้าของผลงานอีกครั้งก็เจอแต่ความเย็นชาใส่ เจอเพื่อนๆ นักแสดงที่ไหนก็แทบจะถอยห่าง
ยิ่งการได้มาเล่นละครเวที "โตเกียวเบลด" ท่ามกลางเหล่านักแสดงมากพรสวรรค์จากโรงละครลาลาไลและสมทบข้างนอก ก็ยิ่งทำให้ทุกคนเห็นความต่างชั้นในฝีมือ อดตั้งคำถามไม่ได้ว่าห่วยอย่างหมอนี่เข้ามาได้ไง!? ยิ่งกับนักแสดงที่เข้าฉากกัน เมลยิ่งโดนหนัก ถูกฟาดฟันด้วยดูถูกสารพัดอย่าง
แต่ก็เพราะความล้มเหลว เจ็บปวด และการยอมรับว่าตัวเองแสดงไม่เอาไหน ไม่ทุ่มเทเท่าที่ควรในตอนนั้นกลายเป็นแรงผลักดันขั้นสุดให้เขามุ่งมั่น ทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ทั้งการวิ่งฟิตซ้อมอยู่เสมอจนคานะที่มาวิ่งด้วยยังชมว่าแข็งแรงกว่าที่คิด พอแสดงฉากแอ็คชั่นชุดใหญ่เลยไม่หอบ ทั้งฝึกเพลงดาบจนด้ามเป็นรอย มือเป็นแผล
พร้อมยอมปล่อยวางอีโก้ ไปถามเคล็ดลับการแสดงจากอควา แล้วเอาคำแนะนำที่ว่าให้ใช้ภาพความห่วยให้เป็นประโยชน์ ชวนคนดูสบประมาทเหมือนเห็นคนขี้แพ้ที่อยู่ๆ มาฮึดสู้ หรือนักแสดงไร้พรสวรรค์ที่ดันทำอะไรน่าทึ่งขึ้นมาได้ นั่นแหละคือจุดเปลี่ยน
หรือก่อนหน้านี้ที่ตีบทไม่แตก ก็มานั่งอ่านมังงะโตเกียวเบลด ศึกษาให้ลึกถึงแก่นตัวละคร "คิซามิ" ที่ได้มาจนเข้าใจ น้ำตาไหลพรากในความที่พวกเขาช่างเหมือนกันเหลือเกิน ทำไมนายดูหมดหวังเหมือนฉันเลย นึกว่าตัวเองเก่ง ที่แท้กาก น่าอาย โกรธตัวเองจนอัดอั้นตันใจไปหมด ฉันโคตรเข้าใจเลยล่ะ!
เป็นวันที่ดาวดับกลับโดดเด่น แสร้งพาคนดูให้เห็นและเข้าใจว่าแสดงห่วยอยู่ ก่อนจะระเบิดความพุ่งพล่านที่พรั่งพรูผ่านสายตาถึงปลายนิ้ว ผ่านการฟาดฟันในทุกกระบวนท่า ทั้งดุดัน บ้าคลั่ง และเปี่ยมพลังสาดส่องไปถึงใจคนดูให้ว้าวตามกัน แม้แต่ อ.ผู้เขียนวันนี้แบบหวานที่เคยเอือมระอาเขา ก็ต้องเหลียวมองจนน้ำตาคลอ
อ.อาบิโกะเจ้าของผลงานก็ชมว่าถ่ายทอดฉากนี้ได้สมบูรณ์แบบ/ โปรดิวเซอร์ มาซายะ คาบูรากิที่เลือกเขามาด้วยความรู้สึกบางอย่าง ก็ดีใจที่ทายถูก / "คาโมชิดะ ซาคุยะ" นักแสดงอัจฉริยะที่ต้องเข้าฉากสู้กัน ซ้ำยังดูถูกเขามาตลอด พอเอาเข้าจริงยังต้องทึ่งในการเปลี่ยนแปลง พร้อมชมเปาะหลังเวทีว่าไม่เลวนี่ คนละเรื่องกับตอนซ้อมใหญ่เลยแสดงอารมณ์ได้ดีมาก ทำดีแบบนี้ต่อไปนะ
นับเป็น 1 ในตอนที่ผมชอบสุดเลย ไม่คิดว่าจะนำตัวละครรองมาเล่าได้อิมแพ็คขนาดนี้ ทำเอาเราแอบลุ้นเชียร์ไปด้วยในทุกวินาทีของการแสดง ทำให้เห็นว่าถึงเราจะเคยเป็นดาวดับ ก็กลับมาเด่นได้ แค่ทุ่มเท
พยายามให้มากพอ และหาจุดเปลี่ยนที่แตกต่างให้เจอ เปลี่ยนสายตาอันสิ้นหวัง โรยแรง ให้ลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความพยายามจะพิสูจน์ตัวเอง และทำมันให้ได้จริง
1 เดือนที่ทุ่มเทซ้อมมา กับ 1 ฉากสำคัญใน 1 นาทีที่ทำได้สมความตั้งใจ มันช่างมีความหมายจริงๆ
4. "ดาวฤกษ์อันเร่าร้อน - อาริมะ คานะ"
- แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่เด็ก ได้รับการขนานนามว่าเป็น "นักแสดงอัจฉริยะ" ที่เสกน้ำตาได้ใน 10 วิฯ ออกรายการพูดคุยกับผู้ใหญ่ได้สบายไม่เคอะเขิน กลายเป็นไอค่อนดาราเด็กผู้เจิดจรัส เป็นที่หมายปองของบรรดาผู้จ้าง และเป็นความภูมิใจของแม่ผู้คอยเฝ้าปลุกปั้น
สังเกตได้ว่าคานะถูกหล่อหลอมให้คุ้นชินอยู่กับ "ความเป็นที่ต้องการ" มาตลอด ทำให้เธอต้องคอยถีบตัวเองให้โดดเด่นอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์ และต้องทำต่อไปให้ได้ แม่จะได้ชื่นชมพอใจ ส่วนตัวเองก็ยังได้งานต่อเนื่อง กระทั่งบางงานที่จัดแคสนักแสดงพิเป็นพิธี แต่จริงๆ แอบล็อคผลเลือกเธอไว้แล้วด้วยเหตุผลด้านการตลาดที่ดึงคนได้มากกว่า
แน่นอนเด็กหญิงพริกหยวกตัวน้อยย่อมรู้ดีว่ามันไม่ดี ไม่แฟร์ต่อผู้สมัครคนอื่นๆ อย่างอากาเนะ ก็จะทำไงได้ นอกจากปิดตาข้างเดียวแล้วทำไม่รู้เพื่อรักษาโอกาสในวงการนี้ต่อไป เป็นเบอร์ 1 มันไม่ง่าย และการรักษาไว้มันก็ยากกว่ามาก
พอชื่อเสียงเริ่มมีมากขึ้นก็ยิ่งหลงระเริง เหยียดคนอื่น เอาแต่ใจ ทำงานด้วยยาก คนไม่อยากจ้าง งานเริ่มหายจนแม่ต้องวิ่งเต้นฝาก เสนอลูกกับผู้ใหญ่บอกทีมงานให้เพิ่มบทเธอ ทำไปมากมายสุดท้ายไม่ได้ไร กลายมาเป็นระเบิดอารมณ์กับเธอ เพราะแม่เคยอยากเป็นดาราแต่ไม่ได้ เลยหวังกับลูก ที่แท้แม่รักคานะคนดัง ไม่ได้รักคานะจริงๆ ส่วนพ่อเองก็เอือมแม่มานานจนไปมีคนอื่น
ทำให้เด็กน้อยในตอนนั้นที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันความผิดหวังมากนัก ได้เกิดแผลลึกในใจมาตลอด จากดาวฤกษ์ที่ทุกคนอยากมาโคจรรอบๆ กลายเป็นแสงในตัว(อัตตา)มันสว่างจ้าจนไม่มีใครเข้าใกล้ จน ผกก.โกทันดะพูดว่าถ้าทำงานกับคนอื่นไม่ได้ เธออยู่ในวงการไม่นานแน่ แท้จริงเธอไม่ได้อัจฉริยะ ผู้ใหญ่ชอบคนที่ร่วมงานง่ายมากกว่านักแสดงที่เก่งแต่แอบ toxic
เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คานะเรียนรู้ที่จะเติบโตมาเป็นดาวฤกษ์ดวงใหม่ นอกจากยังคงความเร่าร้อนส่องสว่างในตัว ยังสามารถสาดแสงนั้นไปถึงคนอื่นได้ด้วย อย่างในกองถ่ายก็จะคอยปรับระดับการแสดงของตัวเองให้เท่ากับพวกที่ยังไม่เก่งนัก ให้มันไม่ดูโดดกันเกินไป เพื่อประคองภาพรวมจนออกมาดี หรือยิ่งกว่านั้นคือลดระดับแสงในตัวลง แล้วส่งให้คนอื่นได้ซีนในแบบที่เขาควรได้ เติบโตเป็นสายซัพให้คนอื่นทำงานง่าย แม้จะแอบขัดใจตัวเองบ้าง มีฝีมือมากแต่ก็ต้องกลั้นใจไม่ปล่อยของเต็มที่ เพื่องาน เพื่อทีม
แม้แต่โมเมนต์ที่ทุกคนเฝ้ารอในละครเวทีโตเกียวเบลด กับฉากปะทะกันระหว่าง "ซึรุงิ (คานะ)" vs "องค์หญิงซายะ (อากาเนะ)" โดยเฉพาะคนหลังที่รอจะประมือกับเธอแบบจัดเต็มมานาน ทว่าพอถึงห้วงเวลาสำคัญที่ต้องปล่อยของ ระเบิดสกิลการแสดงออกมา และกำลังจะตอบรับคำท้าทายของอากาเนะ
ทันใดนั้นภาพปมในอดีตของดาราเด็กตกอับ กลับทำให้คานะช็อตฟีลยอมถอยไปดื้อๆ เพื่อให้อีกฝ่ายที่เล่นเป็นนางเอกได้ฉายแสงเต็มที่ ส่วนเธอจะคอยซัพตรงนี้ให้เอง นี่แหละดาวของฉัน ที่มันมีไว้เพื่อส่องสว่างให้คนอื่น เป็นแบบนี้มันดีแล้ว ส่องไฟให้แล้วเฝ้าดูทุกคนแสดงก็สนุกดี ฉันเองก็สุขตาม
มองมุมคนทำงานมันย่อมดีแน่นอนล่ะ กับการมีนักแสดงที่ทั้งเก่ง ใส่ใจรายละเอียด และช่วยให้คนอื่นทำงานง่าย อย่างตอนมอนเมะ(คาโมชิดะ)พูดแล้วโดนเสียงเอฟเฟคกลบ เธอก็ด้นสดพูดทวนให้แบบเนียนๆ เพื่อให้คนดูรู้เรื่อง แต่มองมุม "คู่แข่ง" ที่แฟร์เพลย์และตั้งใจจริงอย่างอากาเนะมีหรือจะรับได้ นี่ไม่ใช่คานะจังแบบที่ฉันรู้จัก เธอแซ่บ แสบทรวง และเป็นตัวเองแบบไม่แคร์ใคร
เป็นนักแสดงที่เอาแต่ใจ เก่งกาจ เท่ และน่าทึ่ง เล่นตามน้ำเก่ง ด้นสดเก่ง เจิดจ้าเหมือนดวงตะวัน ในยามที่ต้องปล่อยของออกมา จนอความาช่วยกระตุ้นเธอให้คิดถึง "ความสุขตั้งต้น" ในวันวาน เป็นดาวฤกษ์ที่ฉายแสงให้คนอื่นมันก็ดี แต่มันคงดีกว่าถ้าดาวดวงนี้ส่องสว่างเต็มที่เพื่อตัวเองบ้าง เมื่อจังหวะโอกาสมา เกิดเป็นฉากปะทะที่ดุเดือด โชติช่วง และส่องสว่างไปด้วยแพสชั่นเข้าห้ำหั่นกันไปมาระหว่างทั้งคู่
เหตุการณ์นั้นจึงได้จุดประกายดวงดาวในตาของคานะให้กลับมาส่องประกายเร่าร้อนกว่าเดิมบนเส้นทางการแสดงที่แอบเจ็บปวดอยู่ในใจมานาน ไม่กล้าแม้แต่จะเป็นตัวเองออกไป เพราะกลัวเสียงานซ้ำรอยเดิม วันนี้เธอได้ค้นพบตรงกลางที่จะทำมันได้ดีทั้งสองมุม ผ่านสายตาที่เว้าวอนคอยพร่ำบอกว่า "มองฉันสิ" ที่หมายถึงผู้ใหญ่ในวงการบันเทิง จงมอแล้วดูว่าเธอเติบโตมาไกลจริงๆ
และทุกเรื่องราวก็มักจะมี "อควา" คอยเป็นแรงผลักดันที่ทำให้คานะพร้อมจะพุ่งทะยานไปไกลกว่าเดิม เกิดเป็นดวงตะวันสีแดงแห่งรักอันเร่าร้อนผ่านสีหน้าแววตาคล้ายกำลังบอกอยู่ตลอดด้วยคำเดิมว่า "มองฉันสิ! (ฉันจะชนะใจนายให้ได้เลย)" ตั้งแต่วันที่ยอมรับคำขอเป็นไอดอลทั้งที่ไม่เคยคิดจะเป็น มาวันเปิดตัววงบีโคมาชิที่ส่งสายตาใส่จนอีกฝ่ายโดนตก แท่งไฟสีขาวส่องไปทั้งใจ ถึงวันนี้ที่ยังโลดแล่นอยู่บนเส้นทางสองสาย ก็เพราะนายคือคนที่ฉันยอมฉีกทุกกฎเกณฑ์ อาจจะปากแซ่บ ก๋ากั่นเหมือนไม่แคร์ แต่ข้างในมันมีรักทั้งใจ! ♥️🔴
5. "ดาวเคียงเดือน - คุโรคาวะ อากาเนะ"
- มาถึงไวฟุคนเก่งของผมกันบ้าง เป็นคนที่ปรากฏตัวกี่ครั้งก็ยังมีผลต่อหัวใจเสมอ ทั้งความนุ่มนวล น่ารัก เปี่ยมพรสวรรค์จนได้รับการขนานนามให้เป็น “นักแสดงอัจฉริยะ” คนปัจจุบัน ที่ทุกการแสดงล้วนเต็มไปด้วยมิติ โดดเด่น เป็นตัวละครนั้นจนถึงที่สุด ส่วนนอกจอคือ “ยอดนักสืบสาว” ที่ฉลาดเป็นกรด GAT เชื่อมโยงคือสุด วิเคราะห์ ปะติดปะต่อเรื่องราวเก่งเป็นที่หนึ่งเสมือนเป็นโคนันแห่งจักรวาลนี้เลยล่ะ
มากกว่านั้นยังมีความเป็นแม่ศรีเรือน ทำอาหารอร่อย ใส่ใจอควาอย่างดี แม้จะเป็นแฟนโปรโมตเพียงแค่ในนาม ที่สำคัญคือถึงจะเก่งแค่ไหน ยังไง อากาเนะจะถ่อมตัวและมุ่งมั่นจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ซึ่งดาวของเธอจะมีความคล้ายและต่างจากคานะอยู่ แบ่งออกมาเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ดาวดวงแรกจะเป็นดาวแฉกที่ส่องประกายอย่างแรงกล้าบนเส้นทางการแสดง แม้จุดเริ่มต้นจะมาจากการเป็นแฟนคลับติดตามผลงานคานะมาตั้งแต่เล็ก ทำให้เธอทั้งชื่นชมและนับถืออีกฝ่ายจากหัวใจ ทั้งในฐานะนักแสดงและเด็กรุ่นเดียวกันที่โดดเด่นเหนือใคร
เมื่อพ่อแม่ชวนให้ลองไปแคสงานดู เผื่อจะได้เจอและเป็นเพื่อนกัน อากาเนะก็เลือกที่จะลองดูสักตั้ง จากเด็กหญิงขี้อายที่ไม่แม้แต่จะมั่นใจในตัวเอง ก็ค่อยๆ เข้าคลาสฝึกฝุ่น ทุ่มเทอย่าง หนัก กระทั่งตัดผมสั้น ใส่หมวกเหมือนกัน
จนในวันแคสงานแสดงงานหนึ่ง แล้วมีผู้ใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าเธอคือคานะจนเผลอหลุดว่าไม่ต้องห่วงหรอก งานนี้ยังไงก็ล็อคพรีเซ็นเตอร์ไปแล้ว จัดแคสแค่เป็นพิธีเท่านั้น จนคานะตัวจริงเดินมาก็เหมือนเป็นจังหวะนรก การได้เจอดาราที่เฝ้าฝันเป็นครั้งแรก ในห้วงเวลาที่ควรจะสุขสมหวัง ฟินสมการรอคอยมานาน กลับไม่เป็นเช่นนั้น
เมื่อได้พบว่าอีกฝ่ายเองก็รู้ว่างานนี้ล็อคผลไว้แล้ว ถึงจะผิดจรรยาบรรณนักแสดง ดูโกง แต่ก็ไม่สะทกสะท้าน แถมเกรี้ยวกราดใส่ ด่ากราดว่าเธอจะไปเข้าใจอะไร หมวกนั่นอะไร ฉันเกลียดคนแบบเธอที่สุด! ก่อนจะปัดหมวกที่เปรียบดั่งสัญลักษณ์แห่งความรักและศรัทธาหลุดกระเด็น พร้อมหัวใจอันบริสุทธิ์ของอากาเนะที่โดนบดขยี้ไม่มีชิ้นดี หยดน้ำใสที่ไหลรั่งรินทั่วสองตาสีคราม บ่งบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่สร้างรอยแผลลึกในใจเสมอมา ว่าไปแล้วก็น่าเสียดายจริงๆ ที่ทั้งคู่มาเจอกันผิดที่ ผิดเวลา อากาเนะที่กำลังสดใส พร้อมจะเปล่งประกาย กลับมาเจอคานะในช่วงงานน้อย หม่นหมอง ต้องอยู่กับความกลัวและความกดดันในการพิสูจน์ตัวเอง ทั้งกับแม่และผู้ใหญ่ในวงการ ถ้าเป็นช่วงปกติ ไม่แน่ว่าพวกเธออาจเป็นเพื่อนรักกันไปแล้วก็ได้
แต่เพราะปมอดีตในวันนั้นและตัวตนของอากาเนะที่มุ่งมั่น คิดวิเคราะห์อะไรอย่างแยบคายมาตั้งแต่เด็ก เลยไม่ปักใจเชื่อว่าเนื้อแท่คานะเป็นแบบนั้น คงมีบางอย่างมาทำให้กดดันจนเกรี้ยวกราด ทำให้เธอค้นคว้าหาคำตอบไม่หยุด เข้าห้องสมุด ค้นเน็ต จดบันทึกรายละเอียดต่างๆ จนเข้าใจอีกฝ่ายและความเทาๆ ในแวดวงบันเทิงมากขึ้นหลายพันเท่า พอได้เข้ามาเต็มตัวในฐานะนักแสดงแห่งโรงละครลาลาไล ก็เฉิดฉาย ก้าวออกมาสู่สปอร์ตไลท์อย่างภาคภูมิ
สวนทางกับคานะที่เปลี่ยนตัวเองมาเป็นสายซัพเพื่อนนักแสดงแทน เพื่อปรับตัวให้อยู่รอดในวงการ นั่นทำให้อากาเนะยิ่งไม่พอใจ คุกรุ่นอยู่ข้างในตลอดมา มองว่านี่ไม่ใช่คานะที่เธอรู้จัก (รวมถึงก่อนนี้ก็ไม่เห็นด้วยที่อีกฝ่ายไปเป็นไอดอล)
ดังนั้นโตเกียวเบลดจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใครกันแน่คือ “อัจฉริยะ” ตัวจริง มุมมองและสไตล์การแสดงแบบไหนถึงจะถูกต้องอย่างแท้จริง!? ยิ่งในฐานะที่ลาลาไลเป็นเจ้าบ้านรับทีมนักแสดงนอกเข้ามา ศักด์ศรียิ่งค้ำคอ รวมถึงการได้บทเจ้าหญิงซายะผู้เป็นนางเอก ทุกฉากทุกตอนที่อากาเนะปรากฏจึงสวมวิญญาณนางพญาออกมาจนสุดเล่นน้อยแต่มาก ทรงพลังทั้งสีหน้า แววตา ทุกท่วงท่า และอารมณ์ที่ส่งออกมา
ชนิดที่แม้ตอนไม่มีบทพูดก็ยังส่งความรู้สึกจี้ไปถึงใจคานะ เพื่อบอกว่า “ดูซะ! นี่ต่างหากการแสดงที่ถูก ไม่ใช่กั๊กแบบเธอ” ถึงเธอจะจำเรื่องในวันนั้นไม่ได้ แต่ฉันจำมันได้ขึ้นใจ และวันนี้จะทำให้ดู ฉันนี่แหละคือผู้ชนะ! พร้อมดาวแฉกที่ส่องประกาย เปล่งพลังอย่างถึงขีดสุด จนกลบอีกฝ่ายและตัวละครทุกคนในฉากนั้นสนิท ทุกสายตาในฮอลล์ต่างเหมือนโดนมนต์สะกด
ทว่าในห้วงขณะที่อากาเนะกำลังเฉิดฉายสุดๆ คานะกลับถอยห่างเพื่อสาดสปอร์ตไลท์ให้เธอเพิ่ม เพราะแผลใจในอดีตที่ทำให้ไม่กล้าแสดงเกินเบอร์อีก หากมองมุมคู่แข่งในวงการและสิ่งที่อีกฝ่ายเคยกระทำ เป็นใครก็คงมุ่งขยี้เอาคืนให้จมดิน แต่หัวใจของอากาเนะกลับบริสุทธิ์ยิ่งกว่าใคร ที่นอกจากจะไม่รู้สึกยินดีเลย
เพราะอยากโค่นคานะที่เล่นสุดฝีมือเหมือนกัน เธอและอควายังช่วยกันกระตุ้นให้อดีตนักแสดงเด็กผู้เจิดจรัสได้ปลดล็อคปมในใจจนเอาจริงขึ้นมา กลายเป็นภาพของสองตัวละครหลักที่โดดเด่นเป็นที่สุด ส่งให้ละครเวทีนี้ประสบความสำเร็จเกินคาด และด้วยแพสชั่น ความเอาจริงเอาจังของทั้งคู่ ก็ทำให้ไม่รู้ว่าสุดท้ายใครกันแน่ที่ชนะ เพราะต่างฝ่ายต่างบอกว่าแพ้ และอยากทำให้ดีขึ้นอีก สมกับเป็นยอดนักแสดงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
เอาจริงๆ แอบชอบความสัมพันธ์ของพวกเธอที่แม้จะดูเป็นคู่กัด ปะทะคารมกันตลอด แต่เนื้อในต่างก็ยอมรับนับถือในตัวตนและฝีมืออีกฝ่าย หรือนอกจอก็แอบเฝ้ามอง แสดงความเป็นห่วง ติดตามกัน อย่างตอนแช่ออนเซ็น ระหว่างที่อากาเนะกำลังครุ่นคิดกับเหตุการณ์มากมาย คานะที่เพิ่งมาก็ทักว่าหน้าแดงแล้วน่ะ รีบขึ้นก่อนเถอะเดี๋ยวไม่สบาย พอคุยไปก็แสดงให้เห็นว่าติดตามผลงานเธออยู่มีข่าวได้เล่นหนังเรื่องใหม่ก็รู้และมองว่านี่คือโอกาสสำคัญ แถมยังแอบอิจฉาด้วยซ้ำไป
หรือก่อนนี้ก็มาเล่าให้ฟังว่าไปเดตกับอความา ส่วนอากาเนะก็ยังคงเป็นแฟนคลับเหมือนวันวาน ที่แม้จะเก๊กทำเป็นเย็นชา ปากแข็งใส่ แต่ก็แอบกดมือถือถ่ายรูปคานะรัวๆ ตอนนอนในรถตู้ก็แอบชะเง้อมองจากเบาะหลัง หรือตอนถ่าย MV ใหม่ของวง ก็จัดแต่งองค์ทรงเครื่องให้ใหม่ยังกับสไตล์ลิสต์ส่วนตัว พร้อมแอบหวีดในใจ นี่ถ้าไม่ได้มีปมอดีต ไม่ได้เป็นคู่แข่งในวงการและชอบผู้ชายคนเดียวกัน คงรักกันน่าดู แต่ก็ต้องขอบคุณปมที่ว่านั่นแหละที่ทำให้พวกเธอเข้าใจกันมากขึ้นจริงๆ
ส่วนดาวอีกดวงในตาอากาเนะ คือดาวแห่งรักที่ผมขอเรียกว่า “ดาวเคียงเดือน” ที่คอยเป็นทั้งแฟน ทั้งเพื่อนคู่คิดให้อควา แม้จะเป็นแฟนโปรโมตจากเรียลลิตี้โชว์ และชีวิตก็ไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาก่อน พอได้มีขึ้นมาก็นิยามไม่ถูก พูดไม่ออก ว่ารู้สึกรักจริงรึเปล่า? แต่ทุกการกระทำและความใส่ใจที่อากาเนะมีให้อความาตลอดนั่นแหละที่แสดงออกว่ามันจริงทุกอย่าง แสดงละครเวทีทีมเดียวกัน ก็พร้อมจะให้คำแนะนำ พาไปสัมผัสผลงานจริงข้างนอกว่าเป็นยังไง ไม่ว่าอควาจะทำอะไร รู้สึกแบบไหน อากาเนะจะพร้อมอยู่ตรงนั้น
เธออาจจะไม่ได้ชอบหรือรักเขาเลยจาก Day 1 แต่ทุกโมงยามที่ผันผ่านไป ก็ค่อยๆ พยายามเรียนรู้และพัฒนาความสัมพันธ์ สุขก็แบ่งปัน ทุกข์ก็แบ่งเบา คอยอยู่เคียงข้างทุกเรื่องราว พร้อมโอบกอดหัวใจที่เย็นชาให้รู้ว่ายังมีใครอีกคน จริงใจ รับฟัง พร้อมทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน “เธอช่วยชีวิตฉันในวันนั้น ฉันก็จะช่วยเธอในวันนี้!”
ภาพที่อควาคว้าตัวอากาเนะไว้จากสะพาน กับภาพที่อากาเนะกอดให้กำลังใจอควา ในวันที่ปมอดีตกำเริบ ช่างเป็นโมเมนต์ที่มีความหมายเหลือเกิน ซึ่งการตอบแทนที่ว่า เธอก็ไม่ได้พูดลอยๆ แต่มุ่งจะทำให้ได้จริง ถ้าเธอไม่ไหว ฉันจะอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อน ถ้าเธอจะไปฆ่าใคร ฉันก็จะฆ่ามันด้วย!
แม้ในวันที่อควาไม่เหลือปมแค้นในอดีตให้สู้ต่อ เพราะฮิเมคาวะ พี่ต่างแม่ได้บอกว่าพ่อผู้ชั่วร้ายได้ตาE ไปนานแล้ว คงไม่มีเหตุอะไรให้ต้องหลอกใช้ความเก่งของอากาเนะอีก ไม่อยากให้เธอเสียเวลา เสียโอกาสต่างๆ ในชีวิตไป เลยเตรียมมาบอกเลิก ซึ่งเธอที่หัวไวอยู่แล้วก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หรือต่อให้ไม่ใช้สติปัญญาอันชาญฉลาดเข้าวิเคราะห์ หัวใจก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังจะไป รู้และเข้าใจทุกอย่างดีว่าที่ผ่านมาเขาเก็บเธอไว้เพราะอะไร แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ง่าย ถึงจะเป็นรักโปรโมตที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ กลับแอบเจ็บลึกอยู่เหมือนกัน ยอมกระทั่งจะพลีกายเพื่อรั้งเขาไว้ต่อไป
หรือตอนที่ได้ติดไปร่วมกองถ่าย MV บีโคมาชิที่มิยาซากิด้วยกัน อากาเนะก็เอ็นดู รัก และดูแล “รูบี้” แทนอควา เสมือนเป็นน้องสาวตัวเองจริงๆ ไม่ว่าน้องจะเล่าเรื่องอะไรก็ตั้งใจฟังและคอยเสนอตัวพร้อมช่วยทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องหัวใจหรือการฝึกทักษะนักแสดงก็ยินดี สังเกตทุกครั้งที่คุยกัน เธอจะมีแต่ประโยคว่าถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย บอกได้เลยนะ น่ารักจริงๆ
รวมถึงตอนที่น้องรู้ความจริงว่าคุณหมอผู้เป็นที่รักได้จากไปแล้ว เริ่มเข้าสู่ด้านมืด ถามอากาเนะว่าทำไมอควาถึงอยากเข้าวงการบันเทิง เธอก็เลือกที่จะตอบกลางๆ เพื่อรักษาใจน้องไม่ให้บอบช้ำไปกว่านี้
ส่วนคนพี่ เธอก็พร้อมไปไหนไปกัน เขาอยากกลับไปดูลาดเลาที่ รพ. สมัยทำงานเป็นหมอที่นี่ในชาติเก่า ถึงจะงงๆ ไม่เข้าใจก็ตามไปด้วย สังเกตรายละเอียดไปด้วย จะเข้าป่า ฝ่าดง หรือกลับไปบ้านครอบครัวเก่าที่ร้างทรุดโทรม เธอก็พร้อมตามไปเคียงข้างไม่ห่าง จนเมื่อพบร่างไร้วิญญาณของคุณหมอโกโร่หรืออควาในอดีต คดีจบ ปมอดีตเหมือนจบตาม พร้อมคำขอโทษจากใจอควาที่หลอกใช้เธออีกครั้ง กับการแอบหยอดเบาะแสไปเรื่อยๆ เพื่อให้หาเจอ
ยิ่งทำให้อากาเนะรู้ดีว่าเขาคงไม่มีเหตุที่จะเก็บเธอไว้ข้างกายอีกต่อไป มาทริปนี้เพื่อจะเคลียร์แน่ใจเรื่องนี้ให้แน่ใจ จนนักแสดงสาวยอมเอ่ยคำร่ำลาออกมาก่อน เพื่อจะได้ไม่เจ็บเกิน ที่ไหนได้พอเดินหันหลังไป น้ำตากลับพรั่งพรูสวนทางกับถ้อยคำ ไม่เป็นไรหรอกนะที่เราต้องจากกัน (หยุดร้องสิ ทำไมกัน มันหยุดไม่ได้เลย) ฉากนี้ยอมรับว่าเศร้าจับใจจนผมเกือบจะร้องไห้ตาม
ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะมาเช็ดน้ำตาจากแก้มเธอ จากนี้ไปฉันจะดูแลอากาเนะเอง พร้อมบรรจงจุมพิตประทับริมฝีปากที่เพรียวบางของหญิงสาว ท่ามกลางหมู่ดาวที่พร่างพราวในยามราตรี จากนี้ไม่ใช่แฟนโปรโมตแล้วนะ เราเป็นแฟนกันจริงๆ แล้ว ดีใจที่สุดเลย มังงะจะเป็นไงช่างมัน ขอฟินก่อนนน
มองมุมทั่วไปความรักของอากาเนะอาจดูง่ายๆ ตรงไปตรงมา แต่ข้างในกลับพบว่าเป็นรักที่งดงามและลึกซึ้งตรึงถึงหัวใจ ไม่ว่าบทบาทความสัมพันธ์จะถูกเรียกแบบไหน เธอก็พร้อมทำมันให้ดีที่สุดเสมอ คอยเป็นพลัง เป็นความทรงจำดีๆ ให้ทุกครั้งที่พบเจอ ถึงดาวค้างฟ้าเธอจะลาลับไป ก็ขอให้รู้ไว้ว่าดาวอย่างฉันจะยังเคียงเธอนะคนดี,,,💙
6. “ดาวมหาสมุทร และดาวทมิฬ - อควา”
- ช่างเป็นตัวละครที่น่าสงสารจับใจ เหมือนพระเจ้ามอบชีวิตให้แต่ไม่ได้แนบคู่มือความสุขมาด้วย ตั้งแต่ชาติก่อนตอนลืมตาดูโลกก็ทำให้แม่เสียเลือดหนักจนจากไป ต้องอยู่กับตายายแทนแบบความสัมพันธ์ก็กลางๆ ไม่ได้แย่ (ยกเว้นตาที่ดูจะแย่) ด้วยความรู้สึกผิดที่พรากเอาชีวิตแม่ไป เขาเลยเลือกเป็นหมอสูติ แต่ก็ไปได้ไม่สุดในสายอาชีพ เพราะชอบตามน้ำไปกับคนอื่น ถึงเป็นหมอก็ยังดูไร้ประโยชน์
กระทั่งมาเจอ “ซารินะ (รูบี้)” เด็กสาวขี้โรคที่ป่วยหนักมานาน ก็ได้ค้นพบความหมายบางอย่างในชีวิตและบทบาทของการเป็นผู้ให้ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครบางคนจริงๆ แต่ในวันที่เธอกำลังจะสิ้นลม ถึงหมอจะพยายามช่วยคุยกับ รพ. ให้รีบพาพ่อแม่มาดูใจลูกก็ไม่สำเร็จ เพราะทำงานในเมือง ไม่สะดวกมา มีเพียงถ้อยคำบอกรักสั่งลาและพวงกุญแจโฮชิโนะ ไอ ฝากไว้แทนความทรงจำ
เคราะห์ซ้ำกรรมซ้ำยังตามมา เมื่อเขาได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มคนชั่วที่จ้องทำร้ายไอ จนตัวเองมีอันเป็นไป ไม่แม้แต่จะได้ทำคลอดให้ไอดอลที่ตัวเองรัก และคอยดูแลมานานระหว่างการเตรียมเป็นคุณแม่ที่นี่
พอได้เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ได้สัมผัสกับอ้อมกอดจากคนที่รักและชื่นชมมาตลอด แต่สุขใจได้ไม่นาน ชีวิตก็เป็นอันพังทลาย เมื่อมีไอ้บ้าโอตะที่ไหนไม่รู้มาคร่าชีวิตไอไปต่อหน้าต่อตา ด้วยความที่อควายังเล็กเกินและไม่คิดว่าจะมีเหตุ จึงไม่อาจช่วยแม่เอาไว้ได้ กลายเป็นแผลกรีดลึกฝังในใจมาตลอด เบิกเนตร “ดาวทมิฬ” ด้านมืดตั้งแต่เด็ก
ว่าจะอยู่เพื่อสืบหาฆาตกรที่บังอาจพรากคนที่เขารักที่สุดไป ถึงจะโตมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีความสามารถและปัญญาพร้อมสรรพ อควาก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแค้นสุมอก และความเย็นชา ไร้อารมณ์ เพราะเลือกที่จะไม่เผยมันออกมา ข่มเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นความรู้สึกในใจ เวลาเข้าฉากแสดงก็อาศัยจำทริคจากคนอื่นมาปรับใช้ให้สมบทบาทและเหมาะกับ timing นั้นที่สุด
พอถึงเวลาที่ถูกบีบให้ต้องแสดงอารมณ์ออกมาอย่างในโตเกียวเบลด โดยเฉพาะคำแนะนำของคานะที่ให้เขานึกภาพว่าถ้าแม่จากไปจะเป็นยังไง กลายเป็นปัญหาไปสะกิดแผลใจอย่างจัง จนซ้อมต่อไม่ได้ ร่างกายแปรปรวนไปหมด ถึงขั้นต้องไปฝึกปรือกับ “โกทันดะ” ผกก.คู่บุญที่เปรียบเสมือนพ่อที่เขาไม่เคยมีมาแต่เด็ก ด้วยการเคี่ยวเข็ญอย่างหนักและพลังรักจากอากาเนะที่คอยดูแล มาช่วยซ้อมให้ตลอด
กับชีวิตที่เหมือนตาE ทั้งเป็นมาตลอด อยู่กับภาพฝันร้ายในยามตื่น ทุกวันคืนได้แต่แอบฝันและหวังมาตลอดว่าถ้าจักรวาลนี้ยังพอมีความเป็นไปได้อื่นๆ อยู่บ้าง ก็ขอให้เป็นโมเมนต์ที่ไอรอดชีวิตได้หรือไม่? อยากได้ยินเสียงเธออีกสักครั้ง คิดวนภาพนั้นซ้ำๆ แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พอถึงห้วงเวลาสำคัญในฉากที่องค์หญิงซายะสละชีวิตปกป้องโทกิจากคมดาบของเบลด ด้วยหัวใจที่แตกสลายและความทรงจำอันโหดร้ายที่ถูกปลุกขึ้นมา
จึงทำให้อควากล้าที่จะระเบิดอารมณ์ความรู้สึกออกไปอย่างถึงที่สุด ปลดปล่อยความอัดอั้น ตันใจ ใส่ลงไปในทุกกระบวนท่า บุกขย้ำเบลดอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมดาวทมิฬที่กลับมาอยู่ในตาอีกครั้ง สื่อให้เห็นว่ามันไม่เคยจางหายจนกว่าจะเจอฆาตกรที่ฆ่าไอ แล้วลากตัวมันมาสับเป็นชิ้นๆ แล้วยัดลงนรก
ถึงละครเวทีเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม แต่ด้วยความที่ต้องแสดงหลายรอบเป็นหลักเดือน แค่นึกภาพว่าต้องเค้นอารมณ์เหล่านี้ออกมาเรื่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกสงสารอควาจับใจ พอได้เบาะแสว่าฮิเมคาวะ อีกหนึ่งนักแสดงอัจฉริยะรุ่นพี่ที่เล่นเป็นเบลด มี DNA พ่อคนเดียวกัน ก็ได้มารู้จากปากพี่ต่างแม่ว่าแท้จริงแล้วพ่อเขาก็เป็นไอ้กากคนหนึ่งที่ชอบไปหลีผู้หญิงเก่งๆ สุดท้ายก็ได้จบชีวิตตัวเองไปพร้อมกันกับแม่
ทำเอาเป้าหมายที่หล่อเลี้ยงชีวิตอความาตลอดถึงกับขาดสะบั้น ที่ทำมาทุกอย่างทั้งการทำงานเพิ่มเพื่อมาทุ่มเงินเอา DNA คนในวงการไปตรวจจนหมดไปนับล้านเยน ทั้งการสืบหาเบาะแสต่างๆ มากมายมาทั้งชีวิต วันนี้กลายเป็นไม่มีค่าอะไร ทำเอาดาวแห่งไอดอลที่เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความรัก ความผูกพันระหว่างเขาและไอ ได้ลอยออกจากตาและแตกสลายไปทันที
พร้อมสีหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ๆ ก็เบิกบาน ดูอ่อนโยน ปล่อยวางแบบไม่มีอะไรคาใจ จนคนรอบตัวถึงกับตะลึงและดีใจที่เห็นเขาเป็นแบบนั้น แต่ลึกๆ แล้วมันเป็นแค่ภาวะปลั๊กหลุด ช็อตฟีลจนจบความรู้สึกทุกอย่างออกไปเอง แล้วใส่ชุดความคิดใหม่เข้าไปว่าฉันไม่เป็นอะไร ได้เวลามีความสุข ใช้ชีวิตจริงๆ สักที เหมือนมหาสมุทรที่ราบเรียบในดวงตา ไร้ซึ่งดาวนำทางเหมือนเคย
ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่ออควายังดูเหมือนครึ่งๆ กลางๆ ระหว่างปมแก้แค้นที่ยังมีอีกหลายจุดไม่ชัดเจน ทั้งโชคชะตาพาให้กลับมายังมิยาซากิ ที่ที่เขากับรูบี้เคยตาE และเกิดใหม่ ทุกวันคืนที่ดำเนินผ่านก็แอบมีคำถามในใจว่านี่มันใช่รึเปล่า นี่เรามีความสุขได้หรือยัง? หรือมันยังมีอะไรให้ต้องแก้
จนกระทั่งรูบี้และอากาเนะได้พบซากคุณหมอโกโร่ ตัวอควาในชาติเก่า ก็ทำให้เขารู้สึกปลดล็อคคลายความคาใจไปอีก แต่ก็นั่นแหละมันก็แค่จุดเปลี่ยนอีกจุด ที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเข้ามาทดสอบอีก เพราะถึงอควาจะเริ่มปล่อยวางได้บ้าง หารู้ไม่ว่าไฟแค้นทั้งหมดได้โหมลุกโชนขึ้นในใจรูบี้ต่อ
7. “ดาวแห่งรัก และดาวทมิฬ - รูบี้”
- นี่ก็น่าสงสารไม่แพ้กันเลย ทั้งการสูญเสียหม่าม้าผู้เป็นไอดอลที่รักตั้งแต่เด็ก ชนิดที่ไม่แม้แต่จะได้สัมผัสอ้อมกอดสุดท้าย ได้แต่ฟังผ่านประตูอีกฝั่งเท่านั้น พอโตมายังดีกว่าอควาอยู่หน่อยๆ ด้วยความที่ยังไม่รู้ปมเบื้องลึกใดๆ ก็ทำให้เธอใช้ชีวิตวัยรุ่นได้เต็มที่ อยากทำไรทำ ได้ทาบรอยเท้า ก้าวมาเป็นไอดอลผู้สดสวย น่ารัก และเปล่งประกายแวววับ มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ตกคนได้แบบหม่าม้า
กระทั่งคุณลุงนักแต่งเพลงชื่อดังยังต้องสะดุด เมื่อเห็นคลิปเธอส่งมาให้กำลังใจ จนมีไฟแต่งเพลงดีๆ ออกมาอีกครั้ง เพราะรู้แล้วว่าแต่งเพื่อใคร และเธอคนนั้นกำลังมุ่งมั่นบนเส้นทางนี้อย่างเต็มที่ ได้ถ่าย MV กับทีมงานคุณภาพ ในที่ที่เธอได้พบกับคุณหมอโกโร่ผู้แสนดี และเฝ้าฝันที่จะได้กลับมาเจอกัน อยากจะให้หมอได้เห็นว่าเธอเติบโตมาดีแค่ไหนในวัย 16 ปีที่หมอเคยบอกว่าจะพิจารณา ตอนซารินะบอกรักและชวนแต่งงาน
แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกอีกครา เมื่อหมอคนดีคนเดิมที่รอมานาน วันนี้เหลือเพียงโครงกระดูกที่มองแว่นตา ชุดกาว และพวงกุญแจที่เขียนว่า “รักไอตลอดไป” ติดตัว วินาทีนั้นหัวใจของเด็กสาวผู้สดใส บริสุทธิ์ และอ่อนโยนก็แตกสลายไม่มีชิ้นดีในพริบตา
จากดาวแห่งรักที่เป็นดั่งภาพสะท้อนความฝันในการเป็นไอดอลชื่อดัง มุ่งมั่นสุดๆ แม้อากาเนะชวนจับงานแสดงก็ยังปฏิเสธ ขอโฟกัสตรงนี้ให้สุดก่อน อีกทั้งดาวนี้ยังเป็นสื่อรักแทนใจหม่าม้าและคุณหมอที่เป็นคนสำคัญสุดในชีวิตเธอ แต่วันนี้มันเหมือนโลกทั้งใบมันพังทลายลง ภาพของดาวรักอันสดใส ส่องประกายงดงามเป็นสีแดงเพลิงดุจทับทิม มาวันนี้ได้กลายร่างเป็นดาวทมิฬสีดำอันมืดหม่น จมดิ่งอยู่กับความเจ็บปวด คิดวนอยู่ในหัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง
“หม่าม่าถูกพรากอนาคตดีๆ ไปตั้งแต่อายุ 20 ส่วนคุณหมอก็ถูกฆ่าและถูกทิ้งให้อยู่ในที่มืดคนเดียวมาตั้ง 16 ปี คนร้ายฆ่าคนสองคนที่สำคัญสุดในโลกของฉันไป และคนหนึ่งยังลอยนวล ยกโทษให้ไม่ได้! ฉันจะทำทุกทางเพื่อตามล่ามันให้เจอ และแน่นอนว่าฉันจะฆ่ามัน!”
รูบี้
ความเจ็บปวด คลั่งแค้น แน่นสุมอยู่ในอก ทำเอาเด็กสาวแสนน่ารักและเปี่ยมพลังบวก กลายเป็นไอดอลที่มีชีวิตอยู่เพื่อล้างแค้น พร้อมเพลิงดำที่โหมลุกอยู่ในห้วงความรู้สึก แผ่ออกมาเป็นออร่ากลางกองถ่าย จนครีเอเตอร์เพื่อนเมมโจยังรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง จากที่ก่อนนี้ก็สัมผัสได้ว่าเธอเป็นคนสวยสุดในวง เป็นไอดอลเป๊ะตามตำรา เหมือนกำลังเลียนแบบใครมาบาง ซึ่งก็คือหม่าม้าไอ
แต่วันนี้นอกจากดูไม่สนุกเลย และยังมีพลังมืดเข้าปกคลุม ตั้งแต่นั้นมาเด็กสาวก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย ภาพความสดใสใน MV กลับซุกซ่อนดาวทมิฬในตาไว้อย่างไม่มีใครรู้ ถึงผลงานจะปังเกินคาด ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงมากมายในโซเชียล ได้เดินสายออกสื่อ ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ แต่รูบี้ก็ยังซึมเศร้า ไร้ซึ่งรอยยิ้มเหมือนวันวาน ราวกับเป็นคนละคน ซึ่งจากนี้ก็คาดว่าเธอนี่แหละจะเป็นตัวเอกในการสืบปมอดีตนี้ต่อ
จะเห็นได้ว่าทุกดวงดาวในตาของแต่ละคน ไม่เพียงเป็น Personal Branding ที่สื่อถึงตัวตนและจิตวิญญาณอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาเท่านั้น หากแต่ยังเป็น “แสงนำทาง” พาให้ชีวิตก้าวต่อไปในทุกวัน คอยบอกว่าฉันมีเป้าหมายอะไร อยากจะมุ่งไปทางไหน หรือกำลังทำเพื่อใครสักคน ไม่ว่ามันจะเป็นดาวที่ดีมีแสงส่องประกายหรือดาวทมิฬที่มืดดำและเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายก็ตาม ทุกดาวที่ปรากฎขึ้นมาล้วนสื่อแทนความหมายและเป้าที่มีในใจ
อย่างอควา-รูบี้ที่ดาวเปลี่ยนชัดกว่าใครตามสภาพใจที่เป็น เวลาปกติเราก็เห็นดาวไอดอลบนตาคนละข้าง แต่เมื่อไหร่ที่ปมอดีตมันผุดขึ้นมา ดาวทมิฬก็จะปรากฏแทน ยิ่งรูบี้ตอนท้ายคือมีทั้ง 2 ข้างเลย เพราะสิ่งที่เธอเจอมันหนักเกินใจเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเรื่องแบบนี้มาก่อนจะรับไหว และทำได้แบบอควาที่กดเก็บมันไว้จนเหมือนปกติ ก็ได้แต่หวังว่าสองพี่น้องจะรู้ตัวตนในอดีตกันทันเวลา พร้อมจับมือพากันฝ่าเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ไปได้ในปลายทาง
*ใดๆ ตอนนี้ผมอยากจะดูเมะ SS3 ใจจะขาด ไม่รู้จะหลบรอดสปอยล์ไปได้ถึงวันนั้นมั้ย เพราะเจอเต็มฟีดเยอะเหลือเกิน ทั้งที่ไม่ได้กดติดตาม ระบบก็ยังปล่อยฟีดขึ้นมา หรือไม่ก็แชร์หราตามกลุ่มเมะ เป็นรูปฉากสำคัญของมังงะล่าสุด หลบยังไงก็ไม่ทัน เสียอรรถรสในการรับชมภาคต่ออยู่หลายจุดอย่างน่าเสียดาย
ทั้งนี้ก็นับว่า SS2 นี้ได้ให้แง่มุมต่างๆ ไว้มากมายเช่นกัน อย่างน้อยการได้เห็นเหล่าตัวละครที่เรารักต่างเติบโตขึ้นมาทั้งผลงานและจิตวิญญาณ เท่านี้ก็ดีมากมาย,,,
โฆษณา