10 พ.ย. เวลา 11:38 • ข่าวรอบโลก

EP45: ปูติน-คิม จับมือถล่มยูเครน ผลกระทบและทิศทางโลก

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียและผู้นำคิม จอง อึนของเกาหลีเหนือได้ลงนามในข้อตกลงยุทธศาสตร์ที่รวมถึงการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกรณีที่เกิดการรุกราน เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567
การลงนามครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างการเยือนเกาหลีเหนือของปูติน ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งแรกของประธานาธิบดีรัสเซียในรอบ 24 ปี ทั้งสองผู้นำได้ร่วมหารือกันนานถึง 2 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการลงนามในสนธิสัญญา
ข้อตกลงนี้มีชื่อว่า "สนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน" โดยปูตินระบุว่าภายใต้สนธิสัญญาฉบับนี้ รัสเซียและเกาหลีเหนือจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนรุกราน การลงนามครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างเป็นทางการ และสร้างความกังวลให้กับประชาคมโลกถึงการขยายตัวของความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ
ทำไมเกาหลีเหนือถึงส่งทหารไปช่วยรบ?
การที่เกาหลีเหนือส่งทหารหรือให้การสนับสนุนแก่รัสเซียในการทำสงครามยูเครนสามารถอธิบายได้จากหลายปัจจัย:
  • การหนีจากการคว่ำบาตร: เกาหลีเหนือมีการเผชิญกับการคว่ำบาตรที่รุนแรงจากสหประชาชาติและประเทศต่างๆ ซึ่งการร่วมมือกับรัสเซียเป็นการสร้างพันธมิตรที่สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจได้
  • เสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค: ความสัมพันธ์กับรัสเซียช่วยเสริมความมั่นคงภายในเกาหลีเหนือโดยการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและความช่วยเหลือทางทหาร
  • ป้าหมายทางการทูต: การสนับสนุนรัสเซียทำให้เกาหลีเหนือสามารถยึดครองบทบาทสำคัญในความขัดแย้งระดับโลก และแสดงให้เห็นถึงการต่อต้านอำนาจของสหรัฐฯ และพันธมิตร
  • การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: เกาหลีเหนือได้รับการช่วยเหลือจากรัสเซียในเรื่องพลังงานและทรัพยากรที่จำเป็นในการพัฒนาประเทศ​
  • การกระชับความสัมพันธ์กับจีน: การร่วมมือกับรัสเซียอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่เกาหลีเหนือใช้ในการเสริมความสัมพันธ์กับจีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ
การร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ
การร่วมมือระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือในการสนับสนุนสงครามยูเครนไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางทหาร แต่ยังส่งผลต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนที่สำคัญทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยีการทหาร และการสนับสนุนทางการทูต
มูลค่าทางเศรษฐกิจ
ในด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนืออาจสร้างมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในด้านการแลกเปลี่ยนทรัพยากรและเทคโนโลยี ซึ่งอาจมีมูลค่ารวมถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 350,000 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าของโครงการร่วมกันในด้านพลังงาน การทหาร และการคมนาคม
ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
  • การส่งออกทรัพยากรธรรมชาติ: รัสเซียให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือในด้านพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นสินค้าที่เกาหลีเหนือขาดแคลน โดยรัสเซียจะช่วยเหลือในการส่งเสริมการผลิตและจัดหาทรัพยากรให้กับเกาหลีเหนือ​
  • การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการทหาร: รัสเซียได้รับการสนับสนุนจากเกาหลีเหนือในด้านการจัดหาอาวุธกระสุนและเทคโนโลยีการทหาร เช่น ขีปนาวุธและอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเกาหลีเหนือก็ได้รับเทคโนโลยีอาวุธที่ทันสมัยจากรัสเซีย ซึ่งช่วยเสริมความสามารถทางทหารของตนเอง
  • การช่วยเหลือทางการทูต: รัสเซียช่วยเกาหลีเหนือในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การคัดค้านการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือในสหประชาชาติ โดยการลงคะแนนไม่เห็นด้วยในการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรและสนับสนุนให้เกาหลีเหนือสามารถหาพันธมิตรใหม่ๆ​
  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการค้า: รัสเซียช่วยส่งเสริมโครงการร่วมกันในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนาเส้นทางขนส่งและการขยายท่าเรือในเกาหลีเหนือ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการค้าขายและการขนส่งในอนาคต
บทสรุป
การร่วมมือของรัสเซียและเกาหลีเหนืออาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจ โดยเฉพาะในกรณีที่ทั้งสองประเทศเพิ่มการกระทำที่เป็นการท้าทายอำนาจของสหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรป การทูตของทรัมป์อาจเป็นปัจจัยที่สามารถช่วยระงับการขยายตัวของความขัดแย้ง ด้วยการผลักดันให้เกิดการเจรจาและการหาทางยุติสงครามยูเครนเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะที่รุนแรงขึ้น​
เกาหลีเหนือซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี มีขีดความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ อาทิ การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่มีประสิทธิภาพในการโจมตีระยะไกล แม้จะมีข้อจำกัดด้านทรัพยากร แต่การพึ่งพารัสเซียและพันธมิตรอื่นๆ
ในการสนับสนุนอาวุธและเทคโนโลยีทหารช่วยเสริมศักยภาพการต่อสู้ของเกาหลีเหนือได้อย่างมีนัยสำคัญ​ ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 70 ปี ซึ่งอาจกลายเป็นจุดชนวนให้เกิดสงครามขยายในภูมิภาคเอเชียและยุโรปได้หากสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้
ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว การมีบทบาทของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยยุติความขัดแย้งในบางส่วนของโลกได้ เนื่องจากทรัมป์เคยแสดงความสนใจในการเจรจาทางการทูตและมีท่าทีที่ต้องการยุติสงครามยูเครนและลดความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก การใช้บทบาทเป็นตัวกลางในการเจรจาอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการขยายตัวของสงครามยูเครนและความขัดแย้งในเอเชียได้ แต่การหาทางออกยังคงต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อ
Econ Insight: สอบศัพท์เศรษฐศาสตร์
  • พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership): ความร่วมมือระยะยาวระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันทางการเมืองและเศรษฐกิจ
  • การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ (Economic Sanctions): มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจที่ประเทศหนึ่งใช้กับอีกประเทศหนึ่ง เพื่อกดดันทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ
  • สมดุลอำนาจ (Balance of Power): แนวคิดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศมหาอำนาจ
บทความอ้างอิง
  • Devdiscourse. (2024). Russia-North Korea Treaty: Strengthening Strategic Ties Amid Global Tensions. Devdiscourse.
  • Politico. (2024). Putin and Kim pledge ‘mutual assistance’ against ‘aggression’ in colorful visit. Politico.
  • United States Institute of Peace. (2024). In Pyongyang, Putin and Kim Tighten Ties, Pledge Mutual Defense. USIP.
โฆษณา