10 พ.ย. เวลา 12:42 • ปรัชญา
เรืองที่เค้าบริจาค เงินนั่น มันเป็นเพียงแค่ ..ทาน ให้คนนั้น คนน้อย บรรเทาทุกข์ มีความเห็นอกเห็นใจกัน แต่ถ้าหากทำเอาหน้า ทานนั้น หวังสิ่งนั้นสิ่งนี้ หวังคำสรรเสร็จเยินยอ มันก็น่าเสียได้ ที่ว่าให้ทานนั้น มันกลายเป็นเรื่องราวของโลกธรรม ไม่ได้ไปเข้าไปช่วยเหลือจิตของตนเอง ไม่ได้ไปลดละ อะไรขึ้นมา ..แต่ก็ยังดี ที่ไ้ด้สละวัตถุนั้นเป็นทาน ไปต่อเวรกรรมขึ้นไปอีก คือ ทำไปแล้วก็ยึด ในเรื่องปัจจัยสี่
คราวนี้ เรื่องบุญกุศลนั่น เราเอาเรื่องของพุทธศาสนานะ เค้าทำบุญ กับเครื่องหมายศาสนา ฝากไว้ ในศาสนา เก็บไว้กับดินฟ้าอากาศ ที่เค้าว่าเอาไว้กินชาติหน้า ชาติหน้า ก็อยู่ใกล้นี่เอง เพียงหมดลม ก็เปลี่ยนแปลงกายแล้ว การทำบุญ..มองเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ที่จริง ..มันไม่ได้ง่ายที่จะเกิดเป็นบุญ แค่พูดคำว่าขอข้าพเจ้าร่ำรวย ทำบุญหวังอะไรต่างๆ เอาอารมณ์มาทำบุญ มันก็ยากจะเกิดคำว่า รัตนะได้ หนกว่าไม่เกิดอสงรัตนะ ก็ไม่มีจิตที่สูงมาอนุโมทนา
คำว่าเกิดแสงรัตนะ นั่น ก็ทำให้หูทิพย์กายทิพย์ เค้ามาอนุโมทนา การอนุโมทนา ..ก็ยังมีแสงรัศมี ของหูทิพย์ตาทิ้งที่มาอนุโมทนา ก็ทำใก่กายนั้น ได้สัมผัส สิ่งที่ดี จิตใจก็ดีขึ้น สิ่งที่สกปรก เลอะเทอะที่กาย ก็ค่อยๆหลุดลอกออกไป เราจะรู้จั สังเกตได้อย่างไร เวลาหูทิพย์ตาทิพย์มาอนุโมทนา ..อากาศที่ร้อน ก็จะกลายเป็นเย็นสบาย ..กายและจิตมันอิ่มเอิบ ไม่ค่อยหิวกระหายอะไร ..
แต่นั่นแหละ มันขึ้นอยู่กับ ผู้รับ ผู้ที่น้อมถวาย เอาปัจจจัยที่หามาด้วยแรงกาย เหน็ เอามาทำบุญ เงินหวย เงินยักยอก ไปโกงเค้ามา ไปเอาเปรียบเค้ามา ไม่เกิดเป็นบุญเลย
1
ยิ่งประเภท ทำบุญที่ใจ ..ถ้าเรารู้จักคำว่าบุญจริงๆ มันน่าเสียคาย ทำไปโมฆะ ไม่มีมีการบันทึกอะไรลงไปที่ธาตทั้งสี่ ที่จะไปประกอบ กับธาตนะโมต่อไป ..ธาตนะโมนั้น ชาตินี้มีพ่อแม่เป็นมนุษย์ ชาตหน้า การที่จะได้ธาตุนะโมที่ดี ก็ยากขนาดชาตินี้ยังไม่รู้คุณธาตุนะโม ที่ตั้งต้นประกอบให่มีกายเป็นมนุษย์
โฆษณา