11 พ.ย. เวลา 04:13 • ความคิดเห็น
สาเหตุที่อาจารย์เบียร์พูดธรรมะแล้วเป็นกระแส มีคนสนใจฟังอย่างล้นหลาม หลักๆ ก็มาจากคำพูดที่สอดแทรกการกระตุ้นให้ปุถุชนสนใจในคำพูดของแกได้ดี เช่นการพูดจี้จุดจี้ใจ แล้วกระชากคนหลับใหลให้ตื่นจากเตียงแห่งอวิชชาคือความหลง,ลังเลและเลอะเทอะ รวมทั้งกระชากจริตที่ถูกดัด ให้ถูกตลบกลับเข้ามาอยู่กับร่องกับรอย-เป็นเหตุเป็นผล แต่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะมีคนคิดน้อยบางคน นึกเกลียดวิธีพูดแบบกระชากจิตใจของอาจารย์เบียร์ ทั้งที่จริง คนเหล่านั้นไม่เคยรู้ตัวเลยว่า พอมีคนอธิบายแบบละมุนๆไม่จี้จุดจี้ใจ ตัวเองก็ไม่เข้าใจธรรมอยู่ดี
ก่อนอื่นถ้าเราเป็นผู้เอาธุลีในดวงตาออกแล้วบ้าง ย่อมต้องมองเห็นได้โดยไม่มีข้อโต้แย้งว่า จริต ของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน น้อมไปในทางอัสสาทะรสอร่อยของโลกกันมาก ติดกับอยู่ในความเขลาหลงในโลภะโทสะโมหะกันกว่า 90เปอร์เซนต์ อินทรีย์ในการเจริญภาวนาก็น้อยนิด บ้างก็มองการภาวนาว่าไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องแต่งขึ้น ไม่ได้ผลอะไรจริง แต่ดันเชื่อถือในศาสตร์การขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียอย่างนั้น ยังไม่นับคนที่ไม่มีศาสนาอีก เรียกได้ว่ามีอินทรีย์แห่งความย้อนแย้งมึนงงกับตัวเอง
เพื่อจะขจัดความมึนรั้นดื้อแพ่งเหล่านั้นในหมู่ปุถุชน (ไม่ใช่ทุกคนนะ) จึงจำเป็นต้องแสดงธรรมะที่งัดง้างกับจริตอินทรีย์ที่มากไปด้วยกิเลส-อวิชชาของผู้คนให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เข้าถึงธรรม ธรรมะแปลว่าธรรมชาติ การกระชากจิตคนให้กลับสู่ธรรมชาตินั้นคือการเดินอริยมรรคอย่างถูกต้องตามพระพุทธปณิธาน อาจารย์เบียร์มองเห็นความจำเป็นตรงนี้ เพื่อไม่ให้อนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์ของพระพุทธศาสนาหายไป เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักธรรมที่แท้ตามพุทธภาษิต ใครจะเกลียดจะโจมตีแก แกไม่สนหรอกครับ ขี้ปะติ๋วมากครับ
โฆษณา