11 พ.ย. เวลา 05:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ

📌ZoomIn: “Entertainment Complex” แม่เหล็กตัวใหม่ของไทย?

🔹การจัดตั้ง “สถานบันเทิงครบวงจร” (Entertainment Complex) ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ที่มุ่งนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี และเศรษฐกิจใต้ดิน เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 50% ของ GDP
🔹โดยหวังนำรายได้จากส่วนนี้ ไปจัดสรรเป็นสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค ตลอดจนการอุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชน
ส่วนจะได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างเหมือนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่นั้น คงต้องรอชั่งน้ำหนักระหว่าง “ข้อดี-ข้อเสีย” หรือ “ประโยชน์-โทษ” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
🔹นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญของการจัดตั้ง “สถานบันเทิงครบวงจร” (Entertainment Complex) เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายยังต้องการความชัดเจน ได้แก่ ความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง เช่น จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามหัวเมืองต่าง ๆ , ประเภทธุรกิจที่จะเปิดให้บริการในสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม ร้านอาหาร สวนสนุก สปอร์ตคลับ, การเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน, มาตรการจูงใจ เช่น ภาษี หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ, การพิจารณาให้ใบอนุญาตแก่ผู้ลงทุน และความเข้มงวดของมาตรการที่กำกับดูแล
🔹เพราะหากการบังคับใช้ไม่เคร่งครัดรัดกุม ย่อมทำให้สถานบันเทิงครบวงจร อาจกลายเป็นศูนย์รวมของอบายมุข ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสังคมตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สิน ปัญหาครอบครัว ตลอดจนปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ
📌Entertainment Complex จำเป็นหรือไม่
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นว่า Entertainment Complex ในประเทศไทยนั้น จะ “มี” หรือ “ไม่มี” ก็ได้
🔹หาก “มี” จะต้องทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวมและประชาชนส่วนใหญ่ เพราะการมี Entertainment Complex จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และการสร้างรายได้
🔹ส่วนกรณีที่จะมี “กาสิโน” อยู่ใน Entertainment Complex ด้วย ก็เป็นการนำเศรษฐกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน สามารถจัดเก็บภาษี และค่าธรรมเนียมได้ ลดการทุจริตคอร์รัปชัน การติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้มีการเปิดบ่อนพนันผิดกฎหมาย
🔹ขณะเดียวกัน การมี “กาสิโน” ใน Entertainment Complex ต้องระมัดระวังปัญหาทางสังคม และต้องกำกับดูแลให้ดี หลายปัญหาที่อาจตามมาต้องเตรียมรับมือด้วย เช่น หนี้ครัวเรือนอาจเพิ่มขึ้น ปัญหาครอบครัวเพิ่มขึ้น ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น เป็นต้น
🔹“หากสามารถกำกับควบคุมปัญหาผลกระทบข้างเคียงเหล่านี้จาก “กาสิโน” ได้ การทำให้การพนันถูกกฎหมาย จึงเป็นสิ่งที่สังคมจะ “ได้มากกว่าเสีย” และเป็นแนวนโยบายที่เหมาะสม แต่การเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย ต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นแหล่งในการฟอกเงิน หรือเป็นแหล่งของการกระทำผิดกฎหมายและศีลธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ของ “รัฐ” และ “สังคม” ต้องช่วยกันกำกับดูแลในส่วนนี้ให้ดี” นายอนุสรณ์ กล่าวกับ “อินโฟเควสท์”
🔹นายอนุสรณ์ กล่าวว่า หากสำรวจดูรายได้ Entertainment Complex ในหลายประเทศ ที่มีกาสิโน พบว่า มาเก๊า มีรายได้เฉพาะการเล่นเกม 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, สหรัฐอเมริกา (ลาสเวกัส) 30,000 ล้านดอลลาร์, สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์, เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์, ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์
🔹“กรณีสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรมากนัก ก็สามารถอาศัยการหารายได้จากสถานบันเทิงครบวงจรที่มีรายได้จากธุรกิจเป็น 4% ของ GDP นักท่องเที่ยว 30% ได้ไปเยี่ยมชมสถานบันเทิงครบวงจร ส่วนไทยนั้น เรามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย หลากหลาย ความจำเป็นที่จะต้องสร้าง Entertainment Complex เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวหรือไม่ อย่างไร ควรต้องไปพิจารณาให้ดี” นายอนุสรณ์ กล่าว
🔹ส่วนอัตราภาษีกาสิโนนั้น ไทยควรจะเก็บอยู่ในช่วง 15-30% (สิงคโปร์ เก็บ 17%, มาเก๊า เก็บ 35%) หากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการประมาณ 30-50% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยที่ 39 ล้านคนในอนาคต จะทำให้รัฐบาลมีรายได้อยู่ที่ 3-4 หมื่นล้านบาท รายได้ผู้ประกอบการอยู่ที่ประมาณ 5-8 หมื่นล้านบาท
🔹สำหรับร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ นั้น นายอนุสรณ์ เห็นว่า การกำหนดเนื้อหาต่าง ๆ ในกฎหมายต้องสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และผลกระทบทางด้านสังคม กลไกการกำกับดูแลจะต้องชัดเจน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และประชาชน ป้องกันการทุจริต จำนวน ขนาด และที่ตั้งพื้นที่ของโครงการต้องพิจารณาดูความเหมาะสมให้ครบทุกมิติ ต้องสอดคล้องกับอุปสงค์ของตลาด
🔹เพื่อให้เกิดการลงทุนที่เหมาะสม อัตราภาษีกาสิโนควรเก็บแพงหน่อย เกณฑ์การเข้าใช้บริการกาสิโนของคนไทย จะต้องเข้มงวด โดยควรกำหนดรายได้ขั้นต่ำ และอายุของผู้เข้าเล่น อีกทั้งกลไกการนำรายได้จากกิจการกาสิโนไปใช้ประโยชน์ จะต้องมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้
📌Entertainment Complex “แม่เหล็ก” ตัวใหม่กระตุ้นท่องเที่ยวไทย
นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย มองว่า ภาคส่วนที่สำคัญและมีผลต่อการสร้างรายได้เข้าประเทศปีละจำนวนมาก หนึ่งในนั้น คงหนีไม่พ้นรายได้จากภาคการท่องเที่ยว
🔹ปัจจุบันการท่องเที่ยวถือว่ามีการแข่งขันกันสูงในแต่ละประเทศ โดยต่างต้องการสร้างแม่เหล็กเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติให้เดินทางเข้ามาประเทศของตน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการมาเที่ยวซ้ำ หรือการทำให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
🔹รูปแบบการท่องเที่ยวในประเทศไทยเอง ส่วนมากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ภูเขา ทะเล น้ำตก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเหล่านี้ อาจสร้างค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวได้ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man made attractions) ดังนั้น การจะยกระดับการท่องเที่ยว รวมทั้งช่วยสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เพิ่มขึ้นนั้น สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) อาจมีความจำเป็นกับประเทศไทย
🔹“ดังนั้น ทำอย่างไรจะยกระดับรายได้จากนักท่องเที่ยว จึงอาจไปในลักษณะ Man made attractions หรือ Entertainment Complex หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่มันคือเรื่องเดียวกัน มันคือตัวดึงดูดอย่างหนึ่ง การแข่งขันระหว่างประเทศจะต้องมีตัวนี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ตัดสินใจ (ต่อย่อหน้าถัดไป)
🔹ผมคิดว่าจำเป็น เพราะที่ผ่านมา แม้ไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามาก แต่ค่าใช้จ่ายต่อหัวถือว่าไม่สูงมากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ซื้อสินค้าแบรนด์เนม รายได้ก็ตกอยู่ในประเทศไม่มาก ดังนั้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาว่าจะมีการผสมผสานบริการไหนบ้าง ที่จะเข้ามาดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น” นายพชรพจน์ กล่าวกับ “อินโฟเควสท์”
🔹ส่วนกรณีที่จะมี “กาสิโน” อยู่ใน Entertainment Complex ซึ่งบางภาคส่วนมองว่าจะ “ได้ไม่คุ้มเสีย” เพราะการเปิดให้มีการเล่นพนันอย่างถูกกฏหมาย อาจจะนำมาซึ่งปัญหาสังคมอีกหลายมิติตามมา เช่น หนี้ครัวเรือน ปัญหาครอบครัว และปัญหาอาชญากรรมนั้น
🔹นายพชรพจน์ กล่าวว่า ไทยไม่ได้เป็นประเทศแรกที่คิดจะทำ แต่หลายประเทศมีกาสิโน หรือเปิดให้มีการเล่นพนันอย่างถูกกฎหมายแล้ว ดังนั้นต้องดูว่าประเทศเหล่านั้นมีวิธีบริหารจัดการกับข้อกังวลเหล่านี้ของสังคมอย่างไร โจทย์สำคัญ อยู่ที่การออกแบบกฎหมาย และปิดจุดอ่อนที่เป็นข้อกังวลนั้นได้มากน้อยเพียงใด รวมถึงหลักปฏิบัติของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตที่จะมีธรรมาภิบาลมากน้อยเพียงใด
🔹ส่วนในแง่ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจนั้น Entertainment Complex เป็นการลงทุนใน scale ใหญ่ เชื่อว่าจะมีผลต่อความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งในมิติของผลตอบแทนการลงทุนที่เอกชนจะได้รับ ส่วนพื้นที่จัดตั้งที่เหมาะสมนั้น คงต้องเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนจะไปทำการศึกษาอย่างละเอียดถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม อันจะนำมาซึ่งความเหมาะสมว่าใน Entertainment Complex นั้น ควรประกอบด้วยธุรกิจใดบ้าง เช่น กาสิโน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สวนสนุก เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนจะต้องตีโจทย์ให้แตก
🔹“การมีกาสิโน ไม่มีปัญหา ในหลายประเทศก็ทำคู่กัน อยู่ด้วยกันได้ หลายประเทศมีการจัดการค่อนข้างดี เมคชัวร์ว่า ถ้าคนในประเทศจะใช้บริการต้องมีข้อกำหนดอย่างไร เหล่านี้ สามารถออกแบบได้
🔹ดังนั้น โจทย์อยู่ที่ความเข้าใจและการออกแบบปิดจุดอ่อนที่กังวล ร่างกฎหมายที่จะออกมา ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่แนวปฏิบัติจริง แม้กฎหมายจะเขียนไว้กว้าง ๆ แต่เราพูด Good Governance เป็นสำคัญ ขึ้นกับผู้ประกอบการที่จะเข้ามา มีการมองเรื่องนี้อย่างไร เพราะจะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถออกแบบให้ปิดจุดอ่อนข้อกังวลของหลายฝ่ายได้ ถ้าตรงนี้ไปได้ในบริบทประเทศไทย ก็ไม่มีปัญหา” นายพชรพจน์ ระบุ
🔹ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลัง คาดว่าจะนำเสนอที่ประชุม ครม. ได้ภายในสิ้นปี 67 ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ในสมัยประชุมหน้า
🔹โดยสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้แก่ กำหนดให้ Entertainment Complex ต้องประกอบด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายอย่างน้อย 4 ประเภท ร่วมกับ “กาสิโน” โดยธุรกิจตามบัญชีแนบท้าย ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าครบวงจร โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านอาหารและบาร์ ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ ศูนย์สุขภาพครบวงจร สนามกีฬา ยอร์ซและครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าโอท็อป
🔹คุณสมบัติของเอกชนผู้ที่ยื่นขอใบอนุญาต ต้องเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท, ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี ต่ออายุครั้งละไม่เกิน 10 ปี, ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฉบับละ 5,000 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมการเข้าเล่นกาสิโน 5,000 บาท และไม่อนุญาตให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าพื้นที่กาสิโน เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์
โฆษณา