11 พ.ย. เวลา 15:39 • หนังสือ

นิ​ ร​ มิ​ ต

จินตนิยายหรือนิยายแนวเหนือธรรมชาติของนักเขียนนั้น บางเรื่องให้ความบันเทิงเป็นหลัก และบางเรื่องก็ให้ทั้งความบันเทิงและข้อคิดที่ดีให้เรานำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตได้ด้วย
เรื่อง “นิรมิต” เป็นจินตนิยายอีกเรื่องหนึ่งของศาสตราจารย์คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ (เจ้าของนามปากกา แก้วเก้า) ที่มีทั้งความบันเทิงและสาระร่วมสมัยดีๆในการใช้ชีวิต เห็นได้จากกระแสความนิยมจากผู้อ่านนับตั้งแต่ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารสกุลไทย พ.ศ. ๒๕๓๖-๒๕๓๗ จินตนิยายเรื่องนี้มีการพิมพ์ซ้ำเกือบสิบครั้งจนถึงปัจจุบัน
.
แก้วเก้าสร้างพล็อตเรื่อง “นิรมิต” โดยปูพื้นเรื่องให้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ทางการเมืองช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เมื่อกลุ่มประเทศอินโดจีนที่อยู่ภายใต้กาคปกครองของฝรั่งเศสต่างได้รับผลกระทบทางการเมือง แคว้นสาระ ซึ่งเป็นฉากของเรื่องที่ตั้งห่างออกไปทางเหนือของไทยและเคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสก็เจอปัญหาเช่นเดียวกัน
.
เรื่องเล่าถึงตัวเอกคือ เจ้าภูวง ลูกชายคนรองของเจ้าหอหลวงผู้ปกครองประเทศ และพี่ชายคือเจ้าเครือรัฐเป็นเจ้าหอหน้าตำแหน่งรัชทายาท ภูวงเป็นคนร่าเริง อ่อนโยนโอบอ้อมอารี ชอบศิลปะ ดนตรี และการวาดเขียน ภายหลังเขาต้องลี้ภัยการเมืองจากแคว้นสาระซึ่งมีปัญหาจากสงครามกลางเมืองก่อนจะกลายเป็นสาธารณรัฐซารัคมาอยู่ที่เชียงใหม่ของไทยกับญาติที่ยังมีชีวิตอยู่
.
ใกล้รุ่งเป็นพิธีการรายการทีวี ชอบเดินทางและการผจญภัย เธอมีโอกาสเจอภูวงครั้งแรกเมื่อเดินทางไปเชียงใหม่ แต่มีเหตุชักนำให้เธอต้องเข้าไปพัวพันกับชีวิตของภูวงโดยไม่คาดฝัน ก่อนกลับกรุงเทพฯ เธอยังได้รับภาพวาดของตนเองซึ่งภูวงเป็นคนวาดและนำมาให้เธอ ภาพนี้เดิมเก็บไว้ในหอภาพของเจ้าภูวงที่เชียงใหม่ แต่แล้วเธอกลับโดนข้อหาลักขโมยภาพ ซึ่งภูวงและคู่หมั้นก็บินตามลงมายืนยันว่าไม่เคยมอบให้เธอ ใกล้รุ่งจึงต้องลาออกจากงาน
.
เธอสงสัยมากว่าทำไมภูวงที่เธอเจอครั้งแรกและเป็นคนมอบภาพให้ช่างมีบุคลิกแตกต่างจากภูวงที่เธอได้เจอที่กรุงเทพฯ และเหตุที่เธอถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอตัดสินใจกลับไปเชียงใหม่อีกครั้งเพื่อไปเจอภูวง เธอต้องการพิสูจน์ความจริงและแก้ภาพพจน์ในฐานะสื่อ
.
ชะตาชีวิตจึงพาเธอเข้าไปรู้ความลับที่ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนของภูวง
.
เมื่อใกล้รุ่งได้รู้จักใกล้ชิดภูวงมากยิ่งขึ้น เธอจึงรู้ว่าภูวงที่เธอเจอนั้นที่แท้คือ ไทวัน ซึ่งเป็น ‘ภาค’ หนึ่งของภูวง และเธอก็ได้เจอภังคี ซึ่งก็เป็นอีก ‘ภาค’ หนึ่งของเขาด้วยโดยที่คนทั่วไปและเธอต่างก็แยกไม่ออก
.
แต่ ‘ภาค’ ทั้งสองนั้นแตกต่างกันมากราวกับกลางวันและกลางคืน ภูวงบอกว่าภาคีและไทวันไม่เคยได้พบเจอกันสักครั้ง ไทวันเป็นตัวแทนความฝันของภูวงเฉกเช่นเดียวกับภังคี
 
.
ทั้งคู่อยู่ในโลกของเขาไม่สามารถออกมาอยู่กับมนุษย์ในชีวิตจริงได้ตลอดไป ขณะที่ภังคีก็ไปอยู่ในโลกของไทวันไม่ได้ด้วย ข้อสำคัญคือ ภูวงไม่อาจจะเปิดเผย ‘ที่มา’ ของภังคีและไทวันให้ใครรู้ได้ด้วย
 
.
แท้จริงแล้วภูวงเฝ้ารอใครสักคนหนึ่งที่เป็น ‘คนพิเศษ’ มานาน คนนั้นก็คือใกล้รุ่ง เขาเจตนาจะพบเจอเธอเมื่อเธอไปเชียงใหม่
.
นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ ภูวงเคยให้นักวิจัยในอเมริกาสืบค้นหาประวัติผู้ที่มีสัมผัสพิเศษและได้ข้อมูลว่าใกล้รุ่งเป็นคนไทยที่มีสัมผัสพิเศษ เขาจึงพยายามจะพบเธอเพื่อให้เป็นผู้ช่วยเขาแก้ปัญหานี้
 
.
ใกล้รุ่งนั้นรู้ตัวตั้งแต่วัยเด็กว่าตนเองมีสัมผัสที่หกหรือลางสังหรณ์ (Extra-sensory Perception) และได้รับการทดสอบเมื่อเธอไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา อาจารย์แนะนำเธอว่ามนุษย์บางคนก็อาจะมีสัมผัสพิเศษที่จะเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าในอนาคตได้บางเรื่อง หรือบางครั้ง แต่ก็ไม่สม่ำเสมอ และขึ้นกับว่าจะเอาไปใช้อย่างไร ซึ่งอาจจะเป็นผลดีหรือผลเสียกับชีวิตตนเองได้
.
ใกล้รุ่งยังรู้ความลับของภูวงมากกว่านั้นว่าเหตุใดเขาจึงต้องสร้างตัวแทนขึ้นมา ใกล้รุ่งจะเป็นผู้ช่วยภูวงด้วยพรสวรรค์ที่สุดพิเศษของเธอได้หรือไม่ สิ่งหนึ่งที่เธอต้องการคือ หาทางเข้าถึงตัวภังคีเพื่อจะได้รู้จุดจบของภังคีว่าจะเป็นอย่างไรและเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่อาจทำได้ง่ายนักเพราะยังไม่มีโอกาสจะเจอภังคีและสัมผัสตัวเขา
.
ข้อสำคัญคือทั้งภูวงและไทวันต่างก็ไม่เห็นด้วยและจะไม่ปล่อยให้เธอได้ไปพบและ “สัมผัส” ภังคีอย่างแน่นอน
 
.
เธอจะหาทางออกได้ไหม และถ้าภังคีมีจุดจบ ชีวิตภูวงจะจบอย่างไรเพราะเขาก็ไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ใครอื่นรู้ได้อีก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรผู้เขียนสร้างพล็อตให้สนุก ตื่นเต้นเร้าใจจนต้องอ่านรวดเดียวจบ
 
.
ในเรื่อง “นิรมิต” แก้วเก้าสอดแทรกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ไว้โดยใช้พล็อตช่วงหลังสงครามเวียดนามสิ้นสุดและสหรัฐอเมริกาถอนทหารออกไปจากเวียดนามไม่นานก็เกิดเหตุการณ์การล้มล้างรัฐบาลทั้งในเขมรและลาวตามมา ซึ่งเป็นผลมาจากทฤษฎี “โดมิโน” ที่เกิดเหตุคล้ายๆกัน โลกในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ มีการแบ่งขั้วทางการเมืองเป็นกลุ่มประเทศเสรีนิยมและสังคมนิยม
 
.
แคว้นสาระก็เป็นตัวอย่างของประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างเมืองและชนบท เมืองมีความเป็นอยู่ดีขณะที่ชาวสาระตามภูเขาและนอกเมืองมีผลผลิตสร้างรายได้ให้แคว้น แต่รัฐบาลไม่ได้พัฒนาความเป็นอยู่ชาวสาระให้ดีทัดเทียมในเมืองจึงเกิดการต่อต้านโดยมีกลุ่มทุนจากต่างประเทศหนุนหลัง
.
ผู้เขียนยังสื่อให้เห็นประเด็นการเลี้ยงดูในครอบครัวและอิทธิพลทางการดำเนินชีวิตที่พ่อแม่วางรากฐานไว้ ภูวงที่เป็นลูกคนรองที่เจ้าหลวงไม่ได้คาดหวังให้เป็นผู้นำจึงไม่ได้รักและเอาใจใส่มาก อีกทั้งไม่ให้ความสำคัญแก่เขาอย่างที่ควรจะเป็น แต่พ่อได้มอบความหวังทั้งหมดไว้ที่ลูกชายคนโต ภูวงไม่ได้เป็นลูกชายคนโปรดและรู้สึกห่างเหินกับพ่อแม่ แต่เขาเป็นเด็กที่มีพื้นฐานทางจิตใจดี เมื่อเขาเจอสิ่งที่ไม่สบอารมณ์ก็ไม่แสดงความโกรธเคืองก้าวร้าว และยังมีพรสวรรค์พิเศษ
 
.
แต่เมื่อพี่ชายที่เขารักเคารพและไว้วางใจจากไปและต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โดดเดี่ยวขาดที่ปรึกษาที่จะคอยแนะนำที่ดี ภูวงในวัยหนุ่มจึงดิ้นรนหาหนทางช่วยเหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากสภาพกดดันต่าง ๆ เพื่อหนีปัญหา แต่แนวทางที่เลือกใช้อำนาจพิเศษสร้างตัวตนในนิรมิตขึ้นมากลับยิ่งสร้างปัญหาที่อันตรายเสี่ยงต่อความเป็นความตายในที่สุด
.
ในเรื่องนี้ แก้วเก้าสื่อให้เห็นว่าภูวงอาลัยอาวรณ์ชีวิตในวัยเด็กช่วงที่ได้อยู่กับเจ้าพี่เครือรัฐมาก แต่เมื่อครอบครัวสูญเสียพี่ชายไป ทุกคนดูเหมือนจะลืมเขา แม้แต่เจ้าพ่อหรือเจ้าหอหลวงก็ไม่สนใจไยดีจะจัดพิธีแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นเจ้าหอหน้าคนใหม่แม้คนเก่าจะจากไปนานแล้วก็ตาม
.
แต่ในทางปฏิบัตินั้น ภาระหน้าที่ของรัชทายาทคนใหม่ก็ตกมาที่ภูวง แม้เขาจะยังมีชีวิตปกติแต่ลึก ๆ แล้วภูวงเคว้งคว้างโดดเดี่ยว คนใกล้ตัวก็รู้สึกว่าภายหลังเขาเปลี่ยนไป มีความแข็งกร้าวและอารมณ์ปรวนแปรไม่อ่อนโยนเช่นเดิม เหตุเพราะเขาโกรธตัวเองที่ทำตามความคาดหวังของคนรอบตัวไม่ได้อย่างเต็มที่
 
.
การมีจิตสำนึกที่ดีของภูวงเมื่อรู้ว่าได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดและต้องการแก้ไขสิ่งผิดด้วยความรับผิดชอบนั้น แก้วเก้าสื่อให้เรารู้ว่า มนุษย์เรานั้นมีทั้งด้านมืดด้านสว่าง ไม่มีใครดีพร้อมหรือเลวพร้อมทุกเรื่อง
 
.
สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือ สถานการณ์และบทเรียนในชีวิตสามารถหล่อหลอมให้เราเข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้นได้ทั้งร่างกายและจิตใจหากเราต้องการช่วยเหลือส่วนรวม เช่นที่เราเห็นภูวงในช่วงต่อมาเมื่อตระหนักรู้บทบาทของตนที่ว่าไม่สามารถให้ภังคีหรือไทวันมาช่วยได้ แต่ต้องเป็นเขาเอง
.
ประเด็นเหล่านี้เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกคน แอดมินคิดว่า “นิรมิต” สมควรแก่รางวัลเดีเด่นประเภทนวนิยายจากคณะกรรมพัฒนาหนังสือแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๙ อย่างยิ่ง
.
เมื่ออ่าน “นิรมิต” ครั้งแรกแอดใช้เวลาอ่านเพียงสองวันจนจบ เมื่อได้อ่านอีกครั้งแม้จะรู้เรื่องราวมาแล้วก็ยังอ่านอย่างสนุก ผู้อ่านจะได้รับทั้งความบันเทิง ตื่นเต้น เร้าใจ พร้อมด้วยสาระดี ๆ ร่วมสมัยเพื่อนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย ปกเล่มนี้เป็นการพิมพ์ครั้งที่ห้า เมื่อมิถุนายน ๒๕๔๐ โดยสนพ. ดอกหญ้า
#อ่านอีกครั้งก็ยังชอบ #นิรมิต #แก้วเก้า #คุณหญิงวินิตาดิถียนต์ #จินตนิยาย #คณะกรรมพัฒนาหนังสือแห่งชาติ #รางวัลเดีเด่นประเภทนวนิยายปี๒๕๓๙
โฆษณา