11 พ.ย. เวลา 20:05 • นิยาย เรื่องสั้น

romanticize ความจน

เนื่องด้วยการเจอความผิดพลาดในการทำงาน
ของพนักงานในบางครั้ง (นึกถึงตัวเองสมัยก่อน
เมื่อ 6 7 ปีที่แล้ว) แน่นอนว่าการทำงานเพื่อเงิน
โดยที่ไม่ได้รักและไม่มีความสุข การทำงาน
ย่อมไม่มีประสิทธิภาพอยู่แล้วล่ะ เป็นเรื่องปกติมาก
แต่คนที่เลือกได้ก็ต้องรวยมากพอ
ส่วนคนจนก็ทนต่อไป
romanticize ความจน ที่จะมาพูดถึงวันนี้
ก็คือ การเห็นด้วยกับความเหลื่อมล้ำของระบบชนชั้น
โดยเฉพาะการขายดราม่า ความขยัน เป็นเด็กดี
(สร้างสตอรี่ พล็อตเรื่องเดิมๆ ฉายวนไปมา)
เด็กยากจน ขยัน(ใช้แรงงาน) ทำเพื่อครอบครัว
นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี ถูกต้องแล้ว แต่ก็ไม่ยุติธรรม
กับเด็กที่เกิดมารวย ทำไมอ่ะ ก็เกิดมารวย
ไม่จำเป็นต้องไปทำงานใช้แรงงาน
เพื่อดูแลครอบครัว เพราะครอบครัวของเค้า
สามารถดูแลลูกได้ และพร้อมดูแลลูกได้
ทั้งเงินและความสุข (ควรมีลูกเมื่อพร้อม)
Mindset สังคมที่รวย กับสังคมที่จน
มันก็ต่างกันจริงๆแหละ ไม่เถียงเลย
แต่ความเป็น romanticize ความจน
ควรหมดไปจากสังคมกะลาแลนด์ได้แล้ว
ไม่มีใครอยากเกิดมายากจนหรอก
แล้วก็ไม่มีเด็กคนไหน อยากลำบาก
ทำงานใช้แรงงานหรอก (ถ้าเลือกได้)
นั้นแหละ ไม่อิน กับรายการ romanticize ความจน
ควรไปแก้ไขที่ต้นตอของระบบชนชั้นการปกครอง
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนก็ใช่ แต่… ถ้าปล่อยให้ผู้มีอำนาจ
ใช้อำนาจตามใจตัวเอง และไม่ทำหน้าที่ที่ควรทำ
จะมี….ไว้ทำไม การสร้างสตอรี่ความทุกข์ (จัดฉาก)
แล้วก็ตบด้วย romanticize ความจน
ยิ่งเป็นการสนับสนุนความเหลี่อมล้ำระบบชนชั้น
ผู้มีอำนาจได้หน้า ส่วนชนชั้นล่างก็เป็นเหยื่อ
(ตบหัวแล้วลูบหลังต่อ) ขอโทษที่ไม่อิน
คลื่นความถี่ในแถบที่ยากจน
มีคลื่นความต่ำถูกปล่อยออกมา
ผ่านโปรแกรมการด้อยค่าจิตวิญญาณตัวเอง
ก็คือ การกดวัฒนธรรมพื้นบ้านให้เป็นชนชั้นล่าง
(บอกตรงๆ ไม่ชอบคำว่า บ้านๆหรืออะไรแบบนี้
ทำไมต้องด้อยค่าตัวเองขนาดนั้น แล้วยกคนอื่น
อยู่เหนือตัวเอง แล้วก็ด้อยค่าตัวเอง เพื่ออะไรอ่ะ)
รวมถึงวัฒนธรรมที่เกี่ยวสิ่งเสพติดก็มาจากตำ……
เอามาขายให้เด็กๆทั้งนั้นแหละ จะจับใคร
ในเมื่อผู้ทำอำนวจเป็นคนส่งขายเอง
รวมถึงกฎหมายที่เขียนมาปกป้องตัวเอง
พวกเผ่ามังกรฟ้า ต้องยกคุณค่าตัวเอง
ให้สูงส่งเวอร์อะไรขนาดนั้น (ขอโทษที่ไม่อิน)
แล้วก็กดชนชั้นล่างสุดให้ต่ำเตี้ยซะ
ส่วนคนที่อนุญาตให้เค้าโขกสับ
เพราะโดนโปรแกรมไว้ว่าตัวเอง
เกิดมายากจนเป็นคนชนชั้นล่าง
ต้องยอมทุกอย่าง (ฉันไม่ยอมอ่ะด่ากลับหมด
จะยศไหนก็ช่างเถอะ เป็นมนุษย์เหมือนกัน
ยิ่งถ้าเจอที่ทำแบบมาโขกสับ หัวหน้าก็หัวหน้าเถอะ
ด่ากลับหมดไม่สนลูกใครทั้งนั้นอ่ะ)
ยิ่งวัฒนธรรมเป็นคนใช้ ก็คือ… What the……..
ขอโทษที่ไม่อินและกันนะ แล้วก็ขออวยพร
ให้ romanticize ความจน หมดไปจากโลกนี้สักทีนะ
ความจริงที่เป็นความจริงก็คือ
ระบบ PR ขายฝัน พอเพียง
ไม่สามารถทำได้จริงๆหรอก
การจะพอเพียงได้ต้องรวยมากพอที่จะพอ
เป็นแค่การขายฝันให้อยู่ในความยากจนเหมือนเดิม
แน่นอนว่าความร่ำรวยก็ต้องดีกว่ายากจนอยู่แล้ว
ต่อให้ชีวิตแย่แค่ไหน ถ้ารวยก็ใช้เงินซื้อความสุขได้
แต่ถ้าจนซื้ออะไรไม่ได้ และทุกข์กว่าเดิม
การใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ
ที่ไม่มีรถขนส่งสาธารณะเข้าถึง
ก็ต้องรวยมากพอที่จะมีรถส่วนตัว
แล้วการจะมีรถส่วนตัวก็ต้อง บลาๆ
ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไงนะ
แต่การที่เราจะทำงานหาเงิน
แล้วก็ต้องเอาเงินไปซื้อความสะดวกสบายที่เข้าไม่ถึง
แล้วก็สร้างภาพ PR ไว้ให้เจียมเนื้อเจียมตัว
ป่าวหรอก ด้อยค่าตัวเอง ไม่ได้เนื้อเจียมตัวอะไรหรอก
นั่นแหละ คลื่นความถี่ต่ำ กดศักภาพตัวเอง
สร้างภาพจำแบ่งชนชั้น ผ่านสื่อ ข่าว ละคร หนัง
การศึกษาในระบบ ระบบการทำงาน
ที่ปลูกฝังระบบวรรณะ
(ล่าสุดมีตำรวจท่านหนึ่งใช้บริการกับพนักงานทั่วๆไป
ใช้ยศขู่ ความคิดก็คือ บอกไปเลยเป็นยศนั้นยศนี้
เค้าจะได้กลัว จะได้เกรงใจ
อ๋อ เก่งแต่กับคนไม่มีทางสู้
สมกับเป็นพวกเดียวกันกับพวกมืดจริงๆเลยนะเนี่ย)
โปรแกรมใส่สื่อให้ดู จำ แบบเนียนๆ
(พวกที่ร่ำรวยขึ้นมาได้ ล้วนไม่มีใครเจียมตัวสักคน
มีแต่เชื่อมั่นในตัวเอง ว่าจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้
เจียมตัว กับ กลัว,ด้อยค่าตัวเอง มีเส้นบางๆกั้นอยู่)
แล้วความจริงอีกอย่าง ขยัน ไม่ได้แปลว่าจะรวยเสมอไป
ก็แค่พอกิน ยังมีเรื่องที่ถูกซ่อนไว้อีกมากภายใต้
PR ขายฝัน การเป็นสมาชิก…… ต้องกินคลื่นความถี่ต่ำ
ดราม่าจากอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อกินพลังงาน
เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม
อาณาจักรกะลาแลนค์ถึงห้ามพัฒนาไปมากกว่านี้
การเป็นสมาชิก…. ก็คือส่วนสำคัญ
แต่ถึงเวลาแล้วที่จะถูกเปิดเผยความจริง
อีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า จะสามารถแก้ ….. สำเร็จ
การที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นได้จริงๆก็ต่อเมื่อไม่มีระบบทาส
โพสนี้เป็นจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เป็นนิยายเรื่องหนึ่งของ อาณาจักรกะลาแลนด์
โฆษณา