Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Nation weekend_เนชั่นสุดสัปดาห์
•
ติดตาม
12 พ.ย. เวลา 06:07 • การเมือง
6ปมร้อง'ทักษิณ'ล้มล้าง-ครอบงำ ลุ้น22พ.ย.สารตั้งต้น‘ยุบเพื่อไทย’?
ลุ้น22พ.ย.สารตั้งต้น‘ยุบเพื่อไทย’ แกะรอยคำร้อง‘ธีรยุทธ’6 ปม ‘ทักษิณ’ ล้มล้าง-ครอบงำ เทียบ 2 กรณี เหมือน-ต่าง จาก“ก้าวไกล” ถึง “เพื่อไทย”
มีความคืบหน้าจากสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) หลังจากเมื่อวันที่ 22 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสาร การพิจารณาคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดย “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร”(ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยกล่าวอ้างว่า “ทักษิณ ชินวัตร” (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุด เพื่อขอทราบว่า ได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา “ไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ” อัยการสูงสุด ได้ลงนามตอบถ้อยคำต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว จำนวนนี้เป็นรายละเอียดในการสอบถ้อยคำ ทั้งทางฝั่งผู้ร้องเเละผู้ถูกร้อง โดยในส่วนผู้ถูกร้องไม่ได้มีการสอบถ้อยคำของ “ทักษิณ” เเต่อย่างใด
📌 ลุ้น 22 พ.ย.“รับ-ไม่รับ”คำร้อง
แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ภายหลัง อสส.ทำหนังสือส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เดิมศาลรัฐธรรมนูญจะหยิบยกคำร้องดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 พ.ย.2567 ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง แต่เนื่องจาก ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญติดภารกิจราชการต่างประเทศ รวมถึงการประชุมทุกวันพุธในวันที่ 20 พ.ย. ตุลาการมีภารกิจราชการในประเทศ
ดังนั้น จึงมีความเห็นพิจารณา “รับ” หรือ “ไม่รับ”คำร้องดังกล่าว ในวันที่ 22 พ.ย.
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้คณะทำงานพิจารณากรณีมีผู้ขอให้ อสส.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 49 ได้มีหนังสือเชิญ “ธีรยุทธ” ในฐานะผู้ร้อง และทักษิณ ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมเพื่อทราบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาของ อสส.
ทั้งนี้ในส่วนของ “ธีรยุทธ” ผู้ร้อง ได้เดินทางไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมต่อคณะทำงานของ อสส.เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2567
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้ส่ง “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ไปเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยไปให้ถ้อยคำเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2567
📌 แกะรอย 6 ปม “สารตั้งต้นยุบพรรค?”
แกะรอยกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา “ธีรยุทธ์” ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ระบุพฤติกรรม 6 ประเด็นตามคำร้องประกอบด้วย
1.“ทักษิณ” พักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ แต่ใช้พรรคเพื่อไทยสั่งการกระทรวงยุติธรรม ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
2. “ทักษิณ” สั่งการพรรคเพื่อไทย ให้เอื้อประโยชน์กับสมเด็จฮุน เซน ประเทศกัมพูชา ให้เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อแบ่งผลประโยชน์ ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรใต้ทะเล ในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
3. “ทักษิณ” สั่งการให้พรรคเพื่อไทย ร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน เป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่า มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองฯ และเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตัวเองและพวก
4. “ทักษิณ” มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการแทนพรรคเพื่อไทย เจรจากับแกนนำพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เพื่อหารือเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อ 14 ส.ค.2567 ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
5. “ทักษิณ” มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการ ให้พรรคเพื่อไทย มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทย ยินยอมกระทำตามที่สั่งการ
6. “ทักษิณ” มีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทย ให้นำนโยบายของตัวเองที่แสดงวิสัยทัศน์เมื่อ 22ส.ค.2567 ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายคณะรัฐมนตรีที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 12 ก.ย.2567
ไล่ลึกไปกว่านั้น ในคำร้องของ “ธีรยุทธ” ทั้ง 6 ประเด็น ยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ “ทักษิณ” เลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือกระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์
นอกจากนี้ให้ “ทักษิณ” เลิกกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการการดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้ “ทักษิณ” ใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการของ“ทักษิณ”
📌 เหมือนในต่าง“ก้าวไกล-เพื่อไทย”
เป็นที่รู้กันว่า ท่ามกลางสารพัด “นิติสงคราม”ที่ตามไล่ล่า “ทักษิณ” และ “พรรคเพื่อไทย” โดยในประเด็น “ครอบงำพรรค” ที่อาจไม่ใช่แค่“ครอบครอง”นั้น
ความน่าสนใจ ในเคสของ“ธีรยุทธ์” อยู่ที่การใช้วิธีเดียวกัน กับกรณียุบพรรคก้าวไกล ด้วยการใช้เทคนิคกฎหมายยื่น “2 ขยัก” ยืมมือศาลรัฐธรรมนูญ ประทับตราพฤติกรรมตามคำร้อง
หากยังจำกันได้ เวลานั้น“ธีรยุทธ”ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในขณะนั้น และพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำ แสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันถือเป็นพฤติกรรมเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง
อีกทั้งไม่ให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดต่อไปในอนาคตด้วย
จากนั้นวันที่ 31 ม.ค.2567 ศาลได้วินิจฉัยให้ “พิธา”และพรรคก้าวไกล ยกเลิกการกระทำดังกล่าว
ก่อนที่ในเวลาต่อมา "ธีรยุทธ"จะหยิบยกผลผูกพันจากคำวินิจฉัยยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกลในเวลาต่อมา
กระทั่งวันที่ 7 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ส่งผลให้ ทั้งพิธา และกรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิ์การเมืองเป็นเวลา 10 ปี ในท้ายที่สุด
จะว่าไปกรณีของพรรคเพื่อไทย ก็มีทั้ง“เหมือน” และ “ต่าง” กับกรณีพรรคก้าวไกล
“ธีรยุทธ” เคยอธิบายความ“ต่าง” ของทั้ง 2 กรณีไว้ก่อนหน้านี้ว่า “ความต่างคือ ความซับซ้อนเนื้อหา พรรคก้าวไกล ไม่ต้องถามความเห็นใคร เพราะใช้เทียบจากคำวินิจฉัยเดิม เทียบเคียงแล้วปะติดปะต่อ จะเห็นภาพได้ทันที
แต่ของพรรคเพื่อไทย มีความลุ่มลึก มีความซ่อนลงไปอีกชั้นหนึ่ง อันนี้ลำพังสายตาเรา ที่ประสบการณ์จำกัด อาจมองเห็นได้ไม่มากนัก เราอาจมองได้ระดับนี้ ระดับนี้ แต่ยิ่งปะติดปะต่อจิ๊กซอว์เข้ามากๆ ยิ่งเห็นภาพได้ชัดขึ้นเท่านั้นเอง”
เวลานั้น “ธีรยุทธ” ยังบอกอีกว่า ขั้นตอนต่อไป อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ท่านจะรับไว้พิจารณาหรือไม่
เช่นนี้ต้องจับตาการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตามรายงานข่าวระบุว่า จะพิจารณาว่าจะ “รับ-ไม่รับ” คำร้อง ในวันที่ 22 พ.ย.นี้
หากศาล“ไม่รับคำร้อง”ก็จบ คำร้องดังกล่าวเป็นอันตกไป แต่ถ้า“รับคำร้อง” แน่นอนว่า ขั้นตอนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ย่อมถูกมองว่า ไม่ต่างกับ“สารตั้งต้น”ที่อาจนำไปสู่การ“ยื่นยุบพรรค”ในอนาคต
ถึงแม้วินาทีนี้ “ทักษิณ”รวมถึงขุนพลพรรคเพื่อไทย จะมั่นใจว่า “ชะตากรรม”พรรค คงไม่มีจุดจบเหมือน“พรรคก้าวไกล” แต่ในแง่ของการ “ขบเหลี่ยม-ชิงเล่ห์” ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ในช่วงที่ผ่านมา ภายใต้ “นิติสงคราม”ต่างๆ พรรคเพื่อไทยก็ใช่ว่าจะวางใจได้อย่างสนิท เพราะหากเพลี่ยงพล้ำ นั่นอาจหมายถึงสูตรการเมืองที่อาจเปลี่ยนไปในทันที
โดยเฉพาะตัว “ทักษิณ” นายใหญ่ ที่ย่อมเรียนรู้บทเรียนมาตั้งแต่ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคไทยรักษาชาติ
ต้องจับตาเกมที่กำลังรุกไล่พรรคเพื่อไทยในเวลานี้ ที่อาจส่งผลต่อฉากทัศน์การเมืองของพรรคเพื่อไทยรวมถึงรัฐบาลต่อจากนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย