12 พ.ย. เวลา 05:38 • ประวัติศาสตร์

เรื่องของแม่หยั่วเมือง ท้าวศรีสุดาจันทร์

หมายเหตุ ก่อนที่จะมีใครคอมเมนต์ว่าสะกดผิด พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานพิมพ์ว่า หยั่วเมือง, อยัวเมือง, ยั่วเมือง = คำเรียกสนมเอกสมัยโบราณ
ชายสี่คนชุมนุมกันในเรือนรโหฐานหลังหนึ่งลับตาผู้คน คนที่เป็นหัวหน้าชื่อขุนพิเรนทรเทพ ที่เหลือคือขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา และหลวงศรียศ ทั้งสี่กำลังวางแผนลอบปลงพระชนม์กษัตริย์
“กรมการเมืองลพบุรีแจ้งมาว่าพบช้างเผือก หากเราทูลพระองค์ว่าการเสด็จไปคล้องช้างเป็นพระบารมีต่อราชบัลลังก์ พระองค์ก็จะเสด็จไปที่นั่น”
“คล้องช้างที่ใด?”
“ที่เพนียดวัดซอง”
“ถ้าเช่นนั้นขบวนเสด็จไปได้ทางเดียวคือชลมารค ตามลำคลองสระบัว”
“ใช่ เราจะนำกำลังไปซุ่มที่คลองบางปลาหมอ เมื่อเรือล่องไปถึงปากคลองสระบัวที่บรรจบกับคลองบางปลาหมอ ก็ปลงพระชนม์ที่นั่น”
การชิงอำนาจครานี้มิใช่เพื่อตัวเอง หากเป็นภารกิจที่ต้องกระทำ เพื่อราษฎรหรือเพื่อตัวเอง?
อาณาจักรศรีอยุธยากำเนิดจากราชวงศ์อู่ทอง โดยใช้พระนามพระเจ้าอู่ทอง (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑) เป็นชื่อราชวงศ์ ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่ากำเนิดของราชวงศ์นี้มาจากไหน บางตำนานว่าต้นราชวงศ์มีความเกี่ยวดองกับละโว้ บ้างว่าราชวงศ์นี้อาจมีเชื้อสายลาว บางทีจึงเรียกว่า ราชวงศ์ละโว้-อโยธยา หรือราชวงศ์เชียงราย
ราชวงศ์อู่ทองครองแผ่นดินนาน ๕๙ ปี ก็สิ้นสุด กษัตริย์องค์สุดท้ายคือสมเด็จพระรามราชาธิราช ถูกราชวงศ์สุพรรณภูมิชิงอำนาจในปี พ.ศ. ๑๙๕๒
แม้จะหมดอำนาจ แต่เชื้อสายของราชวงศ์อู่ทองยังดำรงบทบาทในราชสำนักกรุงศรีอยุธยา ทำหน้าที่เป็นปุโรหิตดูแลกิจการพิธีกรรมในราชสำนัก ส่วนผู้หญิงมักถูกส่งไปเป็นพระสนมในพระมหากษัตริย์
ในปี พ.ศ. ๒๐๗๖ บัลลังก์อยุธยาเป็นของพระรัษฎาธิราช ยุวกษัตริย์พระชนมายุห้าพรรษา โอรสของพระอาทิตยวงศ์ (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔)
พระอาทิตยวงศ์เสวยราชย์ในปี พ.ศ. ๒๐๗๒ สวรรคตด้วยพระโรคไข้ทรพิษในปี พ.ศ. ๒๐๗๖ มีอนุชาอีกสองพระองค์คือ พระไชยราชาและพระเฑียรราชา
1
พระรัษฎาธิราชครองราชย์ได้ห้าเดือน พระไชยราชาก็ชิงบัลลังก์ และสำเร็จโทษราชนัดดา ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ พระนาม สมเด็จพระไชยราชาธิราช
1
สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงมีพระโอรสจากพระอัครมเหสี คือพระยอดฟ้า และจากท้าวศรีสุดาจันทร์ คือพระศรีศิลป์
2
อันตำแหน่งพระสนมเอกของพระมหากษัตริย์เรียกว่า ท้าวศรีสุดาจันทร์ ตามธรรมเนียมวัง พระชายาองค์ใดให้กำเนิดพระโอรสที่จะสืบราชบัลลังก์ พระชายาองค์นั้นจะมีสถานภาพสูงกว่าพระชายาองค์อื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ชาติตระกูลของท้าวศรีสุดาจันทร์มิอาจก้าวขึ้นมาเป็นพระมเหสีได้ เป็นเพียงแม่หยั่วเมือง (สนมเอก)
1
ท้าวศรีสุดาจันทร์ผู้นี้ทรงสิริโฉมงดงามร่ำลือไปทุกทิศ ความงามของนางพานางไปสู่รั้ววัง แต่ความเฉลียวฉลาดพานางไปถึงยอดบัลลังก์ ท้าวศรีสุดาจันทร์แสดงความคิดเห็นใด ราชันย์ก็ทรงเชื่อ
ในปี พ.ศ. ๒๐๘๘ เกิดการเปลี่ยนอำนาจที่เชียงใหม่ สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงเกรงว่าล้านนาจะแผ่อำนาจเกินไป จึงทรงแต่งทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ตอนกลางปี แต่ไม่สำเร็จ ครั้นปลายปีก็ยกทัพไปตีใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ตีได้เมืองลำพูนและเชียงใหม่ หลังจากนั้นก็เสด็จฯ กลับอยุธยา
ระหว่างที่ทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ พระไชยราชาธิราชทรงมอบให้ท้าวศรีสุดาจันทร์ดูแลกิจการบ้านเมือง เป็นครั้งแรกที่อำนาจอยู่ในกำมือของเชื้อสายราชวงศ์อู่ทองอีกครั้ง
วันหนึ่งพระแม่เจ้าอยู่หัวศรีสุดาจันทร์ดำเนินผ่านพระที่นั่งพิมานรัตยาหอพระหน้า ทอดพระเนตรเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ทรงถามนางกำนัล “คนผู้นั้นคือใคร?”
“คือท่านบุญศรี ตำแหน่งพันบุตรศรีเทพ ผู้เฝ้าหอพระ”
“เขามาจากที่ใด?”
“เขาสืบเชื้อสายจากเจ้าเมืองศรีเทพ”
เมืองศรีเทพเป็นเมืองลูกหลวงสมัยราชวงศ์อู่ทอง
“เขาเป็นเชื้อสายอู่ทอง?”
“ใช่พระเจ้าข้า”
“ถ้าเช่นนั้นจงนำเมี่ยงหมากไปมอบให้เขา”
นางกำนัลทำตามพระราชเสาวนีย์และกลับมาพร้อมดอกจำปา
“ท่านพันบุตรศรีเทพมอบมาให้พระองค์”
เมี่ยงหมากกับดอกจำปา อู่ทองกับอู่ทอง ความสัมพันธ์บังเกิด
เมี่ยงหมากกับดอกจำปามองเห็นโอกาสที่หายากยิ่ง
และผู้ใดจะปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดลอยไป?
การชิงอำนาจครานี้มิใช่เพื่อตัวเอง หากเป็นภารกิจที่ต้องกระทำ เพื่อราษฎรหรือเพื่อตัวเอง?
หลังจากมีความสัมพันธ์กับพันบุตรศรีเทพ ท้าวศรีสุดาจันทร์ก็ทรงขับขุนชินราชคนเดิมออกไปอยู่ตำแหน่งอื่น ให้พันบุตรศรีเทพขึ้นดำรงตำแหน่งแทน จากนั้นก็เพิ่มอำนาจให้ชู้ โดยเลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นไปอีกเป็นขุนวรวงศาธิราช
1
พันบุตรศรีเทพพลันขึ้นมาเป็นใหญ่ในวงการเมืองอย่างก้าวกระโดด เมี่ยงหมากกับดอกจำปากลายเป็นส่วนผสมใหม่ของการเมืองแห่งอยุธยา
2
ขุนนางคนหนึ่งนามพระยามหาเสนาไม่เห็นด้วยกับการขึ้นสู่อำนาจของขุนวรวงศาธิราช เปรยกับข้าราชการคนอื่น ๆ ว่า “แผ่นดินกลายเป็นทุรยุคไปแล้ว”
ผลก็คือราตรีหนึ่งพระยามหาเสนาถูกคนร้ายลึกลับสังหาร ตามมาด้วยคำสั่งฆ่าข้าราชการหลายคนที่ขวางทางอำนาจ ขุนนางที่เหลือก็เงียบเสียงลง ด้วยรู้ว่าพายุการเมืองกำลังแรง และน้ำเชี่ยวมิควรเอาเรือขวาง
1
ความขัดแย้งยังลามไปถึงพระเฑียรราชา เชษฐาแห่งสมเด็จพระไชยราชาธิราช ด้วยแรงพายุการเมือง พระเฑียรราชาทรงเลือกหนทางผนวชที่วัดราชประดิษฐาน
สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงยกทัพกลับจากเชียงราย แม่หยั่วเมืองต้อนรับพระสวามีด้วยยาพิษ
ครั้นสมเด็จพระไชยราชาธิราชสวรรคต พระยอดฟ้าก็ขึ้นครองราชย์ เนื่องจากพระชันษายังเยาว์เพียงสิบเอ็ดพรรษา นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์จึงรับหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ในปี พ.ศ. ๒๐๙๑ นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์เรียกประชุมขุนนาง กล่าวว่า “สมเด็จพระยอดฟ้ายังทรงพระเยาว์ หัวเมืองเหนือก็ไม่เป็นปกติ ข้าฯเห็นว่าสมควรให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการแผ่นดินไปก่อน จนกว่าสมเด็จพระยอดฟ้าทรงเจริญพระชนมายุสมควร”
อีกครั้งเหล่าขุนนางเห็นชอบโดยพร้อมเพรียงกัน
ลูกขุนพลอยพยักมักมีชีวิตยืนยาวกว่า
เช่นเดียวกับสตรีที่เข้าสู่จุดสูงสุดของวงการเมืองในประวัติศาสตร์ของทุกอารยธรรม นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ทรงใช้อาวุธสำคัญคือความงามและสายสัมพันธ์พิเศษเข้ากุมอำนาจ
ในวงการเมือง อำนาจมักมาพร้อมกับข้ออ้าง
เมื่อขุนวรวงศาธิราชขึ้นครองราชย์ ก็ทรงสถาปนานายจัน ช่างตีเหล็กผู้เป็นน้องชายเป็นพระมหาอุปราช แล้วสำเร็จโทษสมเด็จพระยอดฟ้าที่วัดโคกพระยาในวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๐๙๑
การ ‘ปราบดาภิเษก’ ของขุนวรวงศาธิราช ทำให้ขุนนางหลายคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และอีกกลุ่มหนึ่งไม่พอใจอย่างยิ่งที่ราชวงศ์อู่ทองยึดอำนาจเงียบ ๆ เป็นที่มาของการวางแผนลอบปลงพระชนม์ นำโดยขุนพิเรนทรเทพ เจ้ากรมพระตำรวจขวา
พวกเขาเพียงต้องรอคอยโอกาส
โอกาสมาถึงเมื่อมีข่าวจากเมืองลพบุรีว่าพบช้างเผือก
ขุนพิเรนทรเทพกล่าวกับพวกว่า “โอกาสมาถึงแล้ว”
“เราควรให้แน่ใจก่อน”
“อย่างไร?”
“เสี่ยงเทียนว่าพระเฑียรราชามีพระบารมีมากกว่าขุนวรวงศาธิราชหรือไม่”
ขุนพิเรนทรเทพกล่าวว่า “ข้าฯมิเห็นด้วย หากจะก่อการ ก็จงทำ”
1
แต่ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา และหลวงศรียศ เห็นว่าควรเสี่ยงเทียน
ราตรีหนึ่งผู้ก่อการทั้งหมดก็รวมตัวกัน ณ พระอุโบสถวัดป่าแก้วเพื่อทำพิธีเสี่ยงเทียน
พวกเขาจุดเทียนสองเล่ม ผลคือเทียนของขุนวรวงศาธิราชยาวกว่าเทียนของพระเฑียรราชา
ขุนพิเรนทรเทพโกรธ คายชานหมากทิ้ง ชานหมากนั้นกระทบถูกเทียนขุนวรวงศาธิราชดับวูบ ผู้ก่อการถือเป็นนิมิตว่าการครั้งนี้สำเร็จแน่
ขุนวรวงศาธิราชรับสั่งให้กรมการเมืองลพบุรีไปจับช้าง เมื่อช้างเผือกเข้าเพนียดวัดซอง พระองค์จึงจะเสด็จไปทัศนา ก่อนไปทรงส่งอุปราชจันน้องชายไปดูแลการคล้องช้าง เป็นเวลาเดียวกับที่พระยาพิชัยกับพระยาสวรรคโลก ข้าราชการเมืองเหนือเข้าร่วมก่อการด้วย
แผนก่อการเริ่มเมื่อหมื่นราชเสน่หาลอบซุ่มยิงอุปราชจันตายที่ท่าเสื่อระหว่างทางไปเพนียด
ครั้นถึงวันคล้องช้าง ขุนวรวงศาธิราช นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ และพระธิดาเสด็จทางชลมารคเพื่อไปที่เพนียดวัดซองย่านหัวรอ
ขบวนเรือล่องถึงปากคลองสระบัวซึ่งบรรจบกับคลองบางปลาหมอ เรือพระที่นั่งก็แล่นเข้าสู่ปากเสือ กำลังทหารของขุนพิเรนทรเทพกรูเข้าจับขุนวรวงศาธิราช นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ และพระธิดา สำเร็จโทษทั้งหมดที่คลองสระบัว พระศพถูกเสียบประจานที่วัดแร้ง
2
ครองราชย์ได้เพียง ๔๒ วัน
หลังจากนั้นคณะผู้ก่อการไปขอให้พระเฑียรราชาลาผนวชเพื่อเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ทรงพระนามสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
พระราชพงศาวดาร จดหมายเหตุ ตำนานทั้งหลายล้วนบอกว่าท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นคนเลวร้าย จนกระทั่งลบชื่อกษัตริย์องค์นี้ทิ้ง แม้ขุนวรวงศาธิราชจะขึ้นครองราชย์โดยผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว แต่นามนี้กลับไม่อยู่ในรายพระนามกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีเพียง ๓๓ พระองค์ ชื่อของเขาถูกลบออกจากประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์บันทึกเรื่องจากมุมมองของผู้ชนะเสมอ
โลกจึงมิได้รู้ความจริงอีกด้านหนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ที่ท้าวศรีสุดาจันทร์ทำการนี้เพื่อทวงบัลลังก์คืนให้ราชวงศ์อู่ทอง หลังจากถูกราชวงศ์สุพรรณภูมิยึดครอง? เป็นไปได้หรือไม่ที่พระนางสมคบกับขุนวรวงศาธิราช เพราะเขาเป็นคนของราชวงศ์อู่ทองเช่นกัน? หรือเพราะตกบันไดพลอยโจน เมื่อผิดประเวณีกับขุนชินราชและทรงพระครรภ์ ก็ก่อรัฐประหาร ปราบดาภิเษก ยกบัลลังก์ให้คนรัก?
อำนาจคือไฟ ความพิศวาสก็คือไฟ การเล่นกับไฟทุกครั้งมีภยันตราย
และส่วนผสมของอำนาจกับความพิศวาสคือหายนะ
หมายเหตุ บางตำราว่าสมเด็จพระไชยราชาธิราชสวรรคตระหว่างทางกลับจากเชียงใหม่
พระเฑียรราชาสถาปนาขุนพิเรนทรเทพเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลก ยกพระธิดาคือพระวิสุทธิกษัตรีย์ให้เป็นมเหสี
จาก ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม ๒ วินทร์ เลียววาริณ
1
ตอนนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ 6 เล่ม
โฆษณา