ระลึกถึงนางฟ้า “พี่ปู-ลักษมี ภมรสถิตย์” พ.ศ.2518

12 พฤศจิกายน 2567 ผมได้รับหนังสือที่สั่งจากออนไลน์ที่ชื่อ “อารมณ์ดี โดย เกษมสุข ภมรสถิตย์” เป็นหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจคุณลักษมี ภมรสถิตย์
เป็นหนังสือที่ระลึกฯ เล่มแรกที่ผมได้อ่านทุกหน้าของบทความราว 38 บทของครอบครัวและบุคคลหลายสิบท่านทั้งภิกษุและฆราวาส และเป็นหนังสือเล่มที่ผมพบว่าส่วนที่เขียนเพื่อระลึกถึงนั้นมีถึง 21 หน้าเกินครึ่งหนึ่งของหนังสือทั้งเล่มที่เป็นบทความธรรมะอีก 16 หน้า
ผมได้หนังสือเล่มนี้มาจากค้นหาสามสี่วันก่อนหน้านั้น โดยหาตามชื่อจริงพี่ปู แล้วไปเจอชื่อหนังสือ “อารมณดี” แล้วก็เจอข้อความ “หนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจ คุณลักษมี ภมรสถิตย์ “ มันอึ้ง มันจุก โมโหตัวเองว่าทำไมไม่พยายามติดต่อพี่ปูให้ได้ทั้งที่น่าจะทำได้
หนังสือที่ระลึกที่เขียนโดยพี่สาวคนโตของพี่ปู
นับสิบปีที่ผ่านไปผมก็จะค้นหาชื่อเพื่อนเก่าๆ บนอินเตอร์เน็ท โดยชื่อของพี่ปูถูกผมค้นพบมานานนับสิบปีแล้ว แต่ไม่มีเบาะแสให้ติดต่อได้
จนกระทั่ง 30 มกราคม 2558 ผมไปร่วมงานวันรวมศิษย์ของอาจารย์คุณชาย มรว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ ในตอนเย็นที่โรงแรม รอแยล เบญจา ผมได้พบกับพี่ชายของพี่ปูที่ต้องขออภัยที่จำชื่อไม่ได้ ได้ฝากเบอร์โทรของผมไปให้พี่ปูเพราะไม่กล้าขอเบอร์เนื่องเกรงว่าจะรบกวนความเป็นส่วนตัว
ผมไม่แน่ใจว่าสุภาพบุรุษใส่สูทท่านนี้จะเป็นพี่ชายพี่ปูหรือเปล่า
หลังจากให้เบอร์โทรของผมไปราวเดือนสองเดือนผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ไม่คุ้นและเสียงที่ได้ยินผ่านหูโทรศัพท์ก็ฟังไม่ออกเหมือนมีสัญญาณรบกวนมาก ก็เลยวางหูไปโดยคิดว่าน่าจะเป็นการโทรผิด ซึ่งจะเป็นพี่ปูหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ก็มานึกเจ็บใจว่าควรจะโทรกลับไปให้รู้ชัด และผมก็ไม่ได้หาข้อมูลพี่ปูอีกเลยจนกระทั่งสามสี่วันที่ผ่านมาเนื่องจากไปเจอรูปพี่ปูในกล่องรูปถ่ายที่บ้าน
ผมรู้จักกับพี่ปูตอนปี 2518 ตอนนั้นผมอยู่ ม.ศ.1 พี่ปูอยู่ ม.ศ.4 หรือ 5 ก็จำไม่ได้ ผมเป็นฝ่ายอำนวยความสะดวกที่เวทีการแสดงในงานวิทยาศาสตร์สัมพันธ์ครั้งที่ 10 ที่จัดที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปากคลองตลาด พี่ปูน่าจะเป็นตัวแทนของโรงเรียนเขมะฯ และทำการแสดงด้วย
พี่ปูน่าจะเป็นคนที่ยืนกลาง รับรางวัลหลังการแสดงที่หอประชุมสวนกุหลาบฯ
ก่อนเริ่มงานก็มีการซักซ้อมเตรียมงานกันระยะหนึ่ง ไม่ทันไรผมก็ถูกพี่ปูตกไปเรียบร้อย แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ทุกคนที่ได้สมาคมกับพี่ปูก็จะถูกตกเป็นปกติ ยิ่งผมอยู่ในสถาพของเด็กโรคจิตก็ยิ่งทำให้ผมติดพี่ปูงอมแงม ทุกครั้งที่มาสวนกุหลาบฯ พี่ปูจะมาพร้อมกับเพื่อนอีกราว 2-3 คนที่ผมจำชื่อไม่ได้เลย
รูปแรกเป็นแม่หมอดูลายมือโรงเรียนไหนชื่ออะไรจำไม่ได้ ลูกค้าสองคนที่เห็นหน้าชัดน่าจะเป็นเพื่อนพี่ปู ส่วนคนที่เห็นหน้าเสี้ยวเดียวอาจเป็นพี่ปู  รูปที่สองก็ยังคงดูลายมือกันต่อ แต่ผมปีนบันไดขึ้นไปถ่ายมุมสอง ไม่รู้ว่าพี่ปูคนไหน
นอกเวลาทำกิจกรรมผมจะไม่ค่อยได้พบกับพี่ปู จนได้มีโอกาสไปดูพี่ปูเล่นละครนันทาเทวี ที่โรงละครแห่งชาติ จัดโดยสมาคมศิษย์เก่าเขมะฯ แสดงนำโดยเกรียงศักดิ์ โลหะชาละ กับ จีรนันท์ เศวตนันท์ จำวันไม่ได้ อาจจะเป็น ธันวาคม 2518 หรือในปี 2519 และก็จำไม่ได้ว่าได้ถ่ายรูปพี่ปูหรือเปล่า รูปที่มีน่าจะเป็นการถ่ายของฝ่ายพี่ปู
ถ่ายหลังแสดงละครนันทาเทวีเสร็จ
เจอพี่ปูครั้งหลังสุดก็คือหลังจากเสร็จละครไม่นาน เพราะไปขอฟิล์มจากพี่ปูเอาไปอัดรูป ฟิล์มของพี่ปูล้างที่ร้าน”เพียว” สี่แยกบ้านแขก น่าจะเป็นตอนที่พี่ปูอยู่บ้านที่ซอยสุวิชานดำริ ตอนนี้ฟิล์มก็ยังอยู่ที่ผมแต่มันละลายติดกันจนมองไม่เห็นภาพแล้ว
อย่ามาใกล้ชั้น..ไอ้เด็กโรคจิต
หลังจากเจอพี่ปูคราวนั้นผมก็หนีกลับไปอยู่สระบุรี สมัยนั้นได้แต่เขียนจดหมายถึงจะติดต่อกันได้ และผมก็ขาดการติดต่อพี่ปูและเพื่อนๆ ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ตอนนั้น
ราวเดือนเมษายน 2520 พี่กิตติ เอมะสิทธิ์เขียนจดหมายมาหาผมชวนไปพบปะกันพวกที่จัดงานวิทยาศาสตร์สัมพันธ์ด้วยกันในวันที่ 19 เมษายน 2520 แต่ผมก็ไม่ได้ไป และเขาบอกว่าพี่ปูย้ายบ้านจากซอยสุวิชานดำริไปอยู่แถวบางซ่อน และสอบติดธรรมศาสตร์เมื่อปี 2519 แต่ผมก็ไม่ได้ไปงานนั้น เข้าใจว่ากว่าจดหมายจะมาถึงผมมันก็เลยวันไปแล้ว
จากการอ่านบทความที่ระลึกถึงในหนังสือเล่มนี้ต่างเห็นว่า พี่ปู จู้จี้จุกจิก เจ้ากี้เจ้าการ อ่อนหวานเรียบร้อย รักความสะอาด มีระเบียบ ละเมียดละมัย เรียนเก่ง รำละครสวย และที่สำคัญคือ ฝักใฝ่ในธรรม นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พี่ปูเป็นนางฟ้าในตอนที่ยังอยู่กับพวกเราและหลังจากที่จากพวกเราไปแล้ว
สำหรับผม...พี่ปูเป็นนางฟ้าตั้งแต่ผมยังเป็นไอ้เด็กคนนั้นแล้ว.....
โฆษณา