Bad Company (1974): เรียบง่าย / หนักแน่น / ทรงพลัง หนึ่งในเอกลักษณ์แห่งร็อคยุค 70s
Bad Company เกิดจากการรวมตัวของอดีตสมาชิกวง "Free" ก่อตั้งขึ้นโดยนักร้องนำ Paul Rodgers และมือกลอง Simon Kirke ร่วมกับมือกีตาร์จากวง "Mott the Hoople" อย่าง Mick Ralphs และมือเบสจากวง "King Crimson" Boz Burrell
ตัวอย่างที่ชัดเจนของแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของวงปรากฏในเพลง "Ready for Love" ซึ่ง Ralphs นำมาจากวง "Mott the Hoople" เพลงนี้ได้รับการตีความใหม่ด้วยอารมณ์ที่หนักแน่นและดุดันมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถของวงในการเปลี่ยนเพลง Classic Rock ให้กลายเป็นสไตล์เฉพาะตัว
เสียงที่หนักแน่นและตรงไปตรงมานี้สร้างบรรยากาศที่ทั้งทรงพลังและดุดันให้เพลงทั้งอัลบั้ม ซึ่งเข้ากับชื่อของวงได้อย่างดี แม้แต่ในเพลง Blues Rock จังหวะเร็วอย่าง "Can't Get Enough" และ "Movin' On" วงก็ยังคงความหนักแน่นของจังหวะไว้ได้ ทำให้ในแต่ละจังหวะของบทเพลงมีน้ำหนักและความสำคัญอย่างยิ่งกับภาพรวมทั้งหมด
สมาชิกวง (ซ้ายไปขวา): Boz Burrell, Paul Rodgers, Mick Ralphs และ Simon Kirke
นักวิจารณ์และแฟนเพลงต่างชื่นชม "Bad Company" สำหรับความชัดเจนและความเข้มข้นของอัลบั้มนี้ Rolling Stone ชื่นชมสไตล์ที่ "กระชับและทรงพลัง" ของอัลบั้ม โดยชี้ว่าการลดทอนของวงช่วยสร้างความประทับใจที่ยั่งยืน เสียงร้องที่ทรงพลังของ Rodgers และเสียงกีตาร์หนักแน่นของ Ralphs ก็ได้รับคำชมเชยเช่นกัน
AllMusic เคยยกย่อง "Bad Company" ว่าเป็นผลงานที่ไม่ล้าสมัยตามกาลเวลา โดยบรรยายว่าเป็น "ฮาร์ดร็อคในโทนขาวดำ" (Hard Rock painted in stark Black & White) ซึ่งสื่อถึงสไตล์ของอัลบั้มที่ยังคงน่าสนใจ, สดใหม่และมีความคลาสสิกเสมอ โดยผสมผสานระหว่างเสียงกีตาร์ที่กึกก้องและจังหวะหนักแน่น จนออกมาเป็นเอกลักษณ์แห่งเสียงดนตรีของร็อคกลางยุค 70s
อัลบั้มนี้ยังประสบความสำเร็จอย่างมากในเชิงพาณิชย์ โดยขึ้นสู่อันดับสูงของชาร์ตในหลายประเทศ และสร้างชื่อเสียงให้กับวง Bad Company ในฐานะวงดนตรีร็อคที่แข็งแกร่งของวงการ โดยได้รับการยกย่องในสไตล์ที่เข้าถึงง่าย หนักแน่น มีพลังและสามารถคงสถานะในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อค ด้วยบทพิสูจน์ความสำเร็จ และอิทธิพลต่อดนตรีร็อคในยุคต่อมาอีกหลายสิบปี