13 พ.ย. เวลา 12:16 • ประวัติศาสตร์
วัดไผ่โรงวัว

#หลวงพ่อขอม #วัดไผ่โรงวัว #อำเภอสองพี่น้อง #สุพรรณบุรี

...วัดไผ่โรงวัวสร้างเมื่อ พ.ศ. 2469 เดิมเป็นสำนักสงฆ์บนพื้นที่ 20 ไร่ ปัจจุบันพัฒนามีพื้นที่ทั้งหมด 248 ไร่ (วัดมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดโพธาราม)
...ประวัติของ หลวงพ่อขอม นั้น  ท่านมีนามเดิมท่านชื่อ เป้า แต่เพื่อนๆเรียกท่านว่า ขอม เมื่อท่านก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสร์แล้ว พระขอม หรือ อนิโชภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดบางสาม ท่านได้ตั้งหน้าศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง และปฏิบัติตนในศีลาจารวัตร เป็นอย่างดีอยู่หลายปี จนกระทั่งได้มี สำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามชาวบ้านว่า
” วัดไผ่โรงวัว ” ด้วยเหตุที่นี่ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้น ซึ่งจับตาดู พระขอม มาตั้งแต่ต้น ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่ง สมภารวัดใหม่นี้ ไม่มีท่านใดเหมาะสมเท่า พระขอม เมื่อลงความเห็นดังนี้ ต่างก็พากันไปนิมนต์  พระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดไผ่โรงวัว
...พระขอม ซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับ พุทธบริษัทที่นั่น มิอาจขัดศรัทธา จึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั่นเป็นเวลา 2 ปี  แต่วัดไผ่โรงวัวแห่งนี้ ก็ขาดสถานศึกษาเล่าเรียนทางด้านพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวัดพึ่งสร้างใหม่ เรื่องนี้ทำให้ พระขอม พิจารณาตนเอง และเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็น สมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธา ยังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม
...ต่อมา พระขอม จึงขอย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยูในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่ วัดประตูสาร ใกล้ๆกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของ พระขอม ดำเนินไป 3 ปี ท่านก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก อันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ คราวนี้ท่านกลับมาสู่ วัดไผ่โรงวัว อีกครั้งหนึ่ง อย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหาร ภารกิจให้พระศาสนาอย่างเต็มที่ วัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ จึงยังไม่ถึงพร้อมทุกๆด้าน
คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย กุฏิที่อยู่จำพรรษาของพระภิกษุสามเณร ก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง 2 หลัง ศาลาการเปรียญที่เป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกา เป็นเพียงเรือนไม้ไผ่หลังคามุงจาก อาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลา
…ภาระของพระขอม คือต้องปรับปรุงศาสนสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิงสมกับเป็นวัด เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจของชาวบ้านผู้ศรัทธา และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างมีศรัทธา พระขอม เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างขั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดิน ไม่ให้น้ำท่วมวัดได้
เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใดน้ำท่วมทุกปี และท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจวแล่นถึงกุฏิได้ เมื่อถมดินเสร็จ ท่านได้จัดการขุดสระน้ำ สำหรับเป็นที่สรงน้ำ และน้ำดื่มของพระภิกษุสามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยใช้-กินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สมกับคำว่า ” วัด ” ทำให้ศรัทธาของชาวบ้านยิ่งเพิ่มมากขึ้น
***…ด้วยมโนปณิธานนี้เอง ทำให้ หลวงพ่อขอม คิดเริ่มสร้าง #พระพุทธโคดม ด้วยทองสัมฤทธิ์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปี พ.ศ 2500 หลวงพ่อขอมเริ่มบอกบุญแก่ญาติโยม ใช้เวลา 2 ปี กว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่มาก ถึงต้องใช้เวลาสร้างทั้งหมด 12 ปี จึงแล้วเสร็จในปี พ.ศ 2512 ***
...หลังจากนั้น ท่านก็เริ่มสร้าง สิ่งก่อสร้างอีกหลายอย่าง เช่น สังเวชนียสถาน 4 ตำบล แดนสวรรค์ แดนนรก เมืองกบิลพัสดุ์ และอีกหลายๆอย่างด้วยกัน ดังที่พบเห็นกันทุกวันนี้ มีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเคยถาม หลวงพ่อขอมว่า จะสร้างสิ่งก่อสร้างไว้มากมายเพื่ออะไร ท่านตอบว่า ” อาตมาสร้างไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธา และอนุชนรุ่นหลัง ได้ศึกษาเรื่องราวของพุทธประวัติ ”
นอกจากงานก่อสร้างแล้ว หลวงพ่อขอม ท่านยังเป็นนักเขียน นักแต่ง ที่มีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าด้านงานก่อสร้าง ผลงานของท่านปรากฏอยู่หลายเรื่อง เฉพาะที่จัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทานไปแล้วก็มีเรื่อง ธรรมทูตเถื่อน พุทธไกรฤกษ์  สมถะ และ วิปัสสนา
หลวงพ่อขอมมรณะภาพในวันที่ 7 มกราคม พ.ศ 2533 เวลา 16 . 55 น. ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ 88 ปี พรรษา 68
...*พระพุทธโคดม* เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 17 ปี พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2512 นอกจากพระพุทธโคดมแล้วยังมี
...”พระกกุสันโธ" สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2518-2523 เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย องค์สีขาว สูง 28 วา 2 ศอก หน้าตักกว้าง 20 วา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ประชาชนทั่วไปนิยมมากราบไหว้
...สังเวชนียสถาน 4 อยู่บริเวณด้านหน้าองค์พระกกุสันโธ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างซึ่งจำลองจากสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาสี่แห่งในประเทศอินเดียและเนปาล ได้แก่ สวนลุมพินีสถานที่ประสูติซึ่งปัจจุบันอยู่ในเนปาล เจดีย์พุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ สถูปเมืองสารนาถซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าอิสิปตนมฤคทายวันสถานที่แสดงปฐมเทศนา โปรดปัญจวัคคีย์ และกุสินาราสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธองค์
...๑. ชีวิตของเราที่เหลือ ขอช่วยพระพุทธองค์ไปจนตาย ๒.เมื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงินส่วนตัวสัก ๑ บาท เราจะอายุพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง
(((๓.เราจะให้รูปพระองค์เกลื่อนไปในพื้นธรณี)))
***๔.โอ...โลกนี้ไม่ใช่ของฉัน***
และ ๕.เราต้องตาย ตายใต้ผ้าเหลืองของเรา
#link FACEBOOK PAGE / #KEYTAA
#link FACEBOOK PAGE.PIC / #SCIDAISM
#link WEB. blogger.com / #อาจารย์คีตามหาเวทย์
#link FACEBOOK PAGE / #อาจารย์คีตามหาเวทย์
โฆษณา