13 พ.ย. เวลา 12:32 • การเมือง

ไม่ไว้วางใจ

มีข่าวว่าท่านนายกรัฐมนตรีสั่งให้เก็บโทรศัพท์มือถือรัฐมนตรีทุกคนที่เข้าร่วมประชุม ครม. ห้ามพกติดตัวเข้าไปในห้องประชุมเด็ดขาด
มันเกิดอะไรขึ้น
ทำให้นึกถึงสมัยที่เด็กนักเรียนต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้กับครู ก่อนเข้าห้องเรียน หากปล่อยให้เอาเข้าไป จะไม่เป็นอันเรียน เพราะมัวแต่เล่นเกมส์
จึงต้องแก้ปัญหา ด้วยการริบเอาไว้ชั่วคราว เลิกเรียนตอนเย็นค่อยมารับคืน
ถ้าตีความหมายแบบเทียบบัญญัติไตรยางค์ ระหว่างเด็กนักเรียนกับรัฐมนตรี แสดงว่านายกคงกลัว กลัวว่ารัฐมนตรีจะไม่สนใจการประชุม เอาแต่เล่นโทรศัพท์ โพสเฟส ดูบอล หรือไม่ก็แชทไลน์ เหมือนเด็กที่ยังไม่รู้จักโต
แต่พอมานึกอีกที ท่านรัฐมนตรีทั้งหลาย อายุอานามก็ปาเข้าไปหลักหกหลักเจ็ด รุ่นพ่อ รุ่นป้า หรือขนาดรุ่นปู่ก็มี
จึงพอที่จะคาดเดาได้ว่าที่กลัว คงจะด้วยเหตุผลอื่น
ก็ไม่ว่ากันเพราะมันมีบทเรียนให้เห็นเป็นตัวอย่าง อย่างคดี ดิไอคอน ก็มีคลิปเสียงหลุดออกมา จนชาวบ้านชาวช่องเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ว่ามีการเล่นไม่ซื่อ ในกลุ่มนักตบทรัพย์ กลุ่มที่ฉ้อโกงประชาชนที่ถูกตบทรัพย์รู้ตัวดีว่าทำผิด ก็เกิดอาการระแวงกลัวตายเหมือนกัน
จึงคิดหาวิธีป้องกันตัวเองด้วยการแอบอัดเสียงในขณะที่ถูกข่มขู่ ไพ่ใบสุดท้ายเพื่อใช้เป็นหลักฐานดัดหลังกลุ่มมิจฉาชีพพวกนี้ หากถูกลอยแพโยนให้ต้องรับผิดเพียงฝ่ายเดียว ค่อยงัดไม้ตายชิ้นสุดท้าย กอดคอกันจมน้ำตายไปพร้อมกัน
คลิปเสียงเหล่านี้จึงกลายเป็นหลักฐานสำคัญ มัดมือมัดเท้าเทวดา ที่สิงสถิตอยู่ตามหน่วยงานราชการต่างๆ เหมือนมัดตราสัง แล้วส่งตัวไปที่เมรุเผาศพ
และเหตุการณ์ที่น่าระทึกกว่านั้น ต้องที่บ้านจันทร์ส่องหล้าคืนนั้น หากมีการอัดคลิปลับจริง คงสยดสยองน่าดู
มาทบทวนความจำกันสักหน่อย ในคืนวันที่ 14 สิงหาคม 2567 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่นาน มีปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นที่บริเวณแยก 13 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 71 บรรดานักข่าวทั่วสารทิศไม่รู้มากันจากไหน พร้อมใจมาชุมนุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ราวกับได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
1
ไม่นานก็มีรถตู้คันใหญ่ๆ ติดฟิล์มดำ หลายคันหลายยี่ห้อ เคลื่อนเข้าไปในบ้านจันทร์ส่องหล้า ทีละคันๆ แสงแฟลชจากกล้องถ่ายภาพวูบวาบราวกับฝนดาวตก ทะลุผ่านฟิล์มที่อำพรางคนในรถเอาไว้ จนเห็นหน้าว่ามีใครเป็นใครกันบ้าง
ประตูบ้านจันทร์ปิดลง เหตุการณ์สงบเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ขาตั้งกล้องยังไม่ถูกเก็บ นักข่าวหลายคนซุบซิบกัน ทุกคนรอ
ผ่านไปพักใหญ่ ประตูรั้วบ้านเปิดออกอีกครั้ง รถยนต์กลุ่มเดิมทะยอยเคลื่อนออกมา แล้วก็ขับผ่านกองทัพนักข่าวออกไปโดยไม่ทักทาย ต่างไปจากเมื่อยามที่ต้องการแสง ท่านทั้งหลายมักจะลดกระจกเสนอหน้า เป็นเป้าล่อให้นักข่าวยิงชัตเตอร์ถ่ายภาพ ปากก็พ่นน้ำลายใส่ไมค์ ที่ยื่นมารับ
แต่รอบนี้เงียบเชียบผิดปกติ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ด้วยสัญญาณพิเศษของนักข่าว กลิ่นข่าวใหญ่ก็โชยเข้าจมูก อ้างแหล่งข่าวตรงกัน มาจากบ้านจันทร์ฯ เคาะแล้วได้ข้อสรุปรายชื่อแคนดิเดทตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนต่อไป
รุ่งเช้าขึ้นมาปรากฎว่า รายชื่อดังกล่าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ยับ ขุดคุ้ยรากเหง้า ประวัติความเป็นมา ล่อนจ้อนราวกับถูกแก้ผ้าค้นยาเสพติดที่ด่าน ต.ม. เสียอีก
ตำหนิรอยแผลเป็น และตาปลาหลายแห่งของรายชื่อดังกล่าว จะกลายเป็นสายล่อฟ้าให้ฝ่ายต่อต้านโจมตี หากดันทุรังเดินหน้าต่อไป ทำให้พรรคแกนนำต้องตัดสินใจเปลี่ยนตัวแคนดิเดทนายกไปเป็นชื่อใหม่ ซึ่งเซียนการเมืองมองว่าเป็นแผนเหนือเมฆของคนนั่งหัวโต๊ะคืนนั้น ที่หลอกยืมมือนักข่าว ออกข่าวเพื่อให้สังคมตีตกรายชื่อแรก เป็นการชอบธรรมที่จะเสนอรายชื่อตัวจริงที่ตั้งใจ
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ความประมาทคือหนทางไปสู่ความหายนะ
กว่าจะรู้ตัวว่าพลาด ก็สายไปแล้ว เมื่อคนสั่งการถูกกล่าวหาว่า ใช้อิทธิพลเหนือกฎหมายบ้านเมือง ที่ออกคำสั่งเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลให้ไปพบที่บ้านพักส่วนตัว ซึ่งใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษนอกเรือนจำ เนื่องจากเวลานั้นยังอยู่ในสถานะนักโทษ ยังไม่พ้นโทษคุมขัง เข้าข่ายครอบงำพรรคการเมือง
ข่าวว่ามีคนแอบอัดคลิปการประชุมในคืนนั้นไว้ด้วย เป็นวัตถุพยานในชั้นศาลได้เป็นอย่างดี คิดดูหากมีจริงจะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาล
ตัวอย่างกรรมการบริหารพรรคที่ทำผิดกฎหมายจนต้องถูกยุบพรรค จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ส่วนผู้ครอบงำพรรคมีโทษอาญา จำคุก 5-10 ปี
หากใครเผลอพูดอะไรที่ผิดกฎหมายออกไป ยิ่งในวงประชุมครม. ด้วยแล้ว เกิดมีใครสักคนอุตริแอบบันทึกเสียง ออกมาโพนทะนาให้สังคมภายนอกรับรู้ จะเกิดอะไรขึ้น
การเมืองในภาวะปกติ ฝ่ายค้านจะเป็นผู้ตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล เป็นหลักการถ่วงดุลอำนาจในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ งัดหลักฐานออกมาแสดงตรวจสอบการทำงานที่ไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส หรือมีการทุจริต โกงกินงบประมาณที่มาจากเก็บภาษีรายได้ของพี่น้องประชาชน
เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และลงโทษนักการเมืองทุจริต ในทางการเมือง ประชาชนจะเป็นผู้สอนบทเรียนด้วยการไม่เลือกนักการเมืองขี้โกงเป็นผู้แทนเข้าสภาอีก หากทำผิดทางอาญาก็ส่งไปเข้าคุก
แต่วันนี้มีข่าวว่านายกออกอาการกลัว กลัวรัฐมนตรีจะแอบอัดเสียงในที่ประชุม ครม. แสดงว่าเกิดความไม่ไว้ใจกันเองในรัฐบาล
หากทุกอย่างทำถูกต้อง แล้วจะกลัวอะไร
รัฐบาลถูกยื่นญัตติไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน เป็นเรื่องปกติ
แต่รัฐบาลไม่ไว้วางใจคนในรัฐบาลด้วยกันเอง สื่อสัญญาณอะไรบางอย่าง น่าจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากล บอกให้รู้ว่า อีกไม่นานความล่มสลายจะมาเยือน
แนะนำให้ทำประตูติดตั้งเครื่องสแกน ตรวจรัฐมนตรีทุกคนก่อนเข้าประชุมทุกนัด เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้เครื่องบันทึกเสียงขนาดกระทัดรัดติดเป็นกระดุมเสื้อ ปากกา แว่นตา และอื่นๆอีกสารพัด แม้แต่ซุกไว้ในเป้ากางเกง ก็ยังมีคนเคยทำ
หากปรับพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินให้โปร่งใสไม่ได้ ก็ต้องทำอย่างที่ว่า
ลองชั่งน้ำหนักดู ระหว่างทำงานให้ตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องกลัวอีกาเหมือนวัวสันหลังหวะ หรืออยู่กันไปเหมือนเดิม บนความหวาดระแวง อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน
ไม่มีผิดไม่มีถูก เลือกได้ทั้งสองทาง กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม
โดย.. พี่ชื่อวิช
โฆษณา