13 พ.ย. เวลา 14:32 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อเราจะไปศึกษา ในเรื่องราวของธาตุ ที่ประกอบกาย ธาตดินน้ำลมไฟ ลมที่เข้าออกในกาย สัมผัสต่างๆที่อาศัยวิญญาณ ..วิญญาณธาตุ ส่งไปให้จิตรับรู้ ก็แนะนำ ให้ไปศึกษา ทีมีการกล่าวถึง เรื่องธาตุวิญญาณ ใน ๒. ฉวิโสธนสูตร (๑๑๒)
เรื่องของลม ..เราอาศัยลมเข้าออกในกาย แต่ก็ไม่มีใครมองเห็น ลมที่เข้าออกในกายตัวเองได้
เรื่องราว เหล่านี้ เป็นเรื่องราวที่จะศึกษาได้ชัดเจน .ต้องอาศัยสมาธิ ..กระทำไปตาม รอยขององพระสิทธัตถะ ที่ท่านก็ทำในป่า เรื่องรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธะเจ้า แล้วสติสัมปชัญญะต้องแน่น มีขันติอดทน ต้องมีคำว่า กายที่เป็นบุญ จึงจะสามมารถ นำกายบุญนั้น มาทำให้เกิดเป็นบารมี ตัดขาด ..เรื่องราวของกรรม ที่อยู่กับธาตุทั้งสี่ ..
ในการที่จะศึกษาเรื่องธาตุ เรื่องวิญญาณธาตนั้น กายต้องนิ่ง จิตต้องนิ่ง ต้องเข้าใจ ทำจิตอยู่ในกายนี้ให้ได้ ในกายพ่อแม่ที่จิตอาศัยอยู่ ..จิตที่มีอคติ ไม่เห็นคุณของธาตุนะโม ไม่รู้จักพระคุณพ่อแม่ ก็ไม่สามารถที่จะทำจิตเรียนรู้ได้ เพราะมันจะเกิดกระอารมณ์ทิฐิต่าง ขัดขวางจิต ทำให้จิตนิ่งไม่ได้ จะร้อนุรุมไปทั้งดายทั้งจิต
เรื่องราวของวิญญาณธาตุ นี้ ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวของแสงของสี ตามอารมณ์ ต่างๆ หากจิตก็ยังละอารมณ์ ไม่ได้ คือ จิตไม่มีบุญกุศล ละอารมณ์ ที่ว่า สร้างทาน สร้างบุญ ก็เพื่อให้จิตนั่นค่อยละความยึดถือ ในวัตถที่เราหามาด้วยความโลภโกรธหลง หากไม่นำกายมาสร้างบุญกุศล ละอารมณ์ความยึดถือต่างออกไป..สิ่งที่อยู่กายมันก็มีแต่กรรม จึงต้องทำให่กายนั้นเกิดเป็นกายของบุญเกิดขึ้นมา แล้วนำกายบุญ ที่กรรมนั้นอารมณ์นั้น ไม่ค่อยมีมารบกวนจิต ก็นำกาบุญ มาประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อที่ตัดขาด เรื่องราวต่าง ให้จิตนั้นไม่มีอะไร
เรื่องราวเหล่านี้ ต้องมีการทำจิตทำใจ เหมือนเข้าห้องวิจัย .เรียนรู้ในกาย ห้องวิจัยก็ต้องสงบ ..ไม่มีอะไรรบกวน ในห้องนี้ ห้องก็ต้องสะอาดสะอ้านด้วย .ห้องวิจัยสกปรกเลอะเทอะ มันแสบมันร้อน มันคัน หงุดหงิดไปทั้งห้องดูอารมณ์ วิจัยไปมันก็มีแต่ฝุ่นสิ่งสกปรกปิดบัง ไม่มีแสงสว่างในห้อง แล้วจะไปมองเป็นเรื่องราวที่จะไปสำรวจตรวจสอบ นั้นได้อย่างไร..นั้นก็คือ เรื่องราวที่จะเกิดอารมณ์อุปาทานต่าง ในการเรียนรู้ เพราะจิตและกายนิ่งไม่ได้เลย
ในการเรียนรู้จัก ธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านทำอย่างไรมา เราก็ฝึกหัดเดินไปตามรอยของท่าน ธรรมของท่านนั้นอยู่กับดินผ่าอากาศ มีธาตุดินน้ำลมไฟเป็นมหาธาต กายเรานั้นก็มีดินน้ำลงไฟ เป็นอนุธาตุน้อย เราก็นำกายนี้ มากระทำ ..กายก็เหมือนดินฟ้าอากาศ ตรงนั่น ก็จะมาจากเรื่องราวของผู้ที่ที่ทำกายนิ่งจิตนิ่งได้ ..
..แล้วจิต.นั่นก็ต้องมีแสงรัตนะส่งช่องลงที่จิต เป็นเหมือนไฟฉาย ให้เราเรียนรู้จักเรื่องของธาตที่พัวพันด้วยคำว่ากรรม ที่มีรายละเอียดสะสมมาเป็นดังเม็ดทราย .มีสี่ดำสีอะไรมากมาย มีโทนสีที่แตกต่างกัน
ที่เขียนมานี้ ..จำๆมา ทีมีผู้บอกกล่าวมา แต่เรา นั่นทำไม่ได้ ทำไม่ถึง เพราะเป็นเรื่องของจิตผู้ที่มีบารมีมาเต็มที ที่ท่านไปทำในป่า ให้จิตเป็นแก้ว กายเป็นแก้ว วิญญาณทั้งหก ก็เป็นแก้ว ขันธ์ทั้งห้าก็เป็นแก้ว ..แต่ตามนุษย์ก็เห็นเป็นเพียงเนื้อหนังธรรมดา ..เพราะไม่ใช้จิตที่มีหูทิพย์ตาทิพย์ ที่จะมองอย่างนั่นได้
เมื่ออ่านคำว่า วิญญาณธาตุ เราก็สงสัยมันเป็นอย่างไรน่ะ จะเอาอะไรมาวัด จับมันมาตรวจสอบ . เอาคนตายมาตรวจสิบ วืญญาณธาตุ ไม่รู้อยู่ไหน มันเน่าเปื่อยไปหมด.เพรากายมันตายไปเสียแล้ว ..เพราะฉะนั้นอยากเรียนรู้ ก็ทพตินที่กายมันยังมีลมเข้าลมออกอยู่ ให้จิตที่อยู่ในกายเรียนรู้ขึ้นมา ..มันไม่อยู่ไกลมันอยู่ในกายนี้ที่จิตอาศัย..นั่นก็คือ ต้องเรียนรู้จักด้วยจิตของตัวเอง ที่มีธาตุทั้งสี่อยู่กับจิตทุกดวง .
ถ้าหากเราเรียนรู้จักเรื่องราวของธาตุ วิญญาณธาตุที่เป็นกรรม ที่เค้าก็ต้องมีการขัดให้สะอาดบริสุทธิ์ . แบ้วผู้ที่ไปท่องคาถาอาคม ..เค้าจะเอาอะไรมาขัดธาตุที่เป็นกรรม สีของกรรมนั้นออกไปให้เป็นแก้ว..
โฆษณา