14 พ.ย. เวลา 02:20 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วัดหนองป่าพง (หลวงปู่ชา)

โลก ก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง

ฆราวาสวิถี ไม่ได้หมายความว่าไม่เกี่ยวอะไรกับธรรม หลวงปู่ชาและพระธรรมโกศาจารย์ท่านบอกว่า โลกกับธรรม เป็นธรรมทั้งคู่ ธรรม หมายถึง ความจริง,ธรรมชาติ ไม่ได้หมายถึงแต่เพียงธรรมะที่ถูกระบุในพระสูตรต่างๆเท่านั้น แต่ธรรมจะครอบคลุมทั้งหมด ทุกแขนงความเป็นไปในโลก คนที่ปฏิบัติประพฤติธรรม(ภาวนา)มาจนอินทรีย์พร้อมเท่านั้น โดยเฉพาะปัญญินทรีย์ ถึงจะรู้ได้โดยปัจจัตตังตนเองว่า โลกและธรรม มันคือธรรมทั้งคู่ ธรรมแปลว่าธรรมดา,ธรรมชาติ นั่นเอง
#โลกธรรม #โลกุตตรธรรม
แต่โลกเป็นธรรมที่ว่าด้วยความปรุงแต่งเป็นหลัก และจะดำเนินไปด้วยไตรวัฏฏะ ไตรวัฏฏะหมายถึง วังวนของกิเลส กรรมและวิบาก วัฏฏะสามอย่างนี้แหละที่จะทำให้ขันธ์ห้าของเราเกิดการปรุงแต่งด้วยตัณหา แล้วยึดไว้ด้วยอุปาทานก่อนจะสร้างภพชาติต่อไป เข้าแก๊ปของวงจรปฏิจจสมุปันธรรม อย่างที่ใครก็ไม่อาจโต้แย้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เอาอัตตามานะเข้ามาถกเถียงโต้แย้ง แต่ไม่มีประโยชน์ที่ผู้ประพฤติธรรมจะไปงัดง้างกับบุคคลเหล่านั้น ที่เขามีอัตตาตัวตนสูง และไม่สามารถลด Ego ลงมายอมรับความเป็นจริงได้
โลกธรรม เป็นธรรมที่ว่าด้วยการได้ลาภก็เสื่อมลาภ ได้ยศก็เสื่อมยศ ได้ความสรรเสริญก็เสื่อมสรรเสริญมาเป็นติฉินนินทา และแน่นอน ได้สุขก็ได้ทุกข์ ไม่มีมนุษย์คนไหนรอดพ้นวังวนสัจจะความจริงทั้ง ๘ ประการนี้ไปได้ และแน่นอน โลกธรรมด้านบวกล้วนเป็นธรรมที่ฆราวาสปุถุชนใฝ่หา แต่ฆราวาสที่เดินอยู่ในโสดาปัตติมรรคขึ้นไป (เป็นสัทธานุสารีขึ้นไป) เขาจะไขว่คว้ามันแค่พอหอมปากหอมคอเท่านั้น หรือถ้าคนไหนมีความเพียรสูงก็จะไม่ไขว่คว้าปรารถนามันเลย เพราะปัญญาทำให้รู้ว่าโลกธรรมเป็นกับดักภยันตรายดึงให้ตกหลุมพรางของวัฏสงสาร
แต่การใช้ชีวิตเป็นคฤหัสถ์หรือผู้ครองเรือนนั้น ไม่ได้แปลว่าถ้าประพฤติธรรมแล้วจะต้องทิ้งชีวิตทางโลก เพราะอย่างที่พระพุทธองค์และพระอริยสาวกได้บอกไว้แล้วว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนคือธรรม เราสามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ครองเรือนที่ดีงาม บำรุงเลี้ยงดูตนเอง บิดามารดร และบุตรหลานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สมบูรณ์ในเบื้องต้น บริบูรณ์ในเบื้องปลาย โดยไม่ต้องละทิ้งการประพฤติภาวนา เพราะทางธรรมกับทางโลกก็ล้วนเป็นธรรมทั้งคู่ เพียงแต่ต่างกันที่สถานะและสภาวะเท่านั้น
ที่สำคัญ การที่เราครองเรือนพร้อมกับมีศีล สมาธิ จาคะ ปัญญา จากการภาวนา ไปด้วย จะยิ่งทำให้เรามีเครื่องประกันชีวิต ว่าต่อให้เราประสบทุกขภัยในวัฏสงสารในชีวิตนี้ เราก็จะรอดพ้นมันได้ด้วยปัญญาอุเบกขา และแม้ไปสู่ชีวิตหน้า หากเป็นคนอินทรีย์ภาวนาเข้าถึงแม้เพียงสัทธานุสารี ก็ยังได้สินไหมทดแทนเป็นความรำงับดับไปซึ่งราคะกำหนัดที่สามารถตัดสังโยชน์เบื้องต่ำได้ ที่สำคัญคือหากเป็นผู้มีอินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ ย่อมมั่นใจได้ว่าอุปาทานจะถูกกำจัดไป พระพุทธองค์ทรงรับประกันว่าจะสามารถเข้าสู่นิพพานได้เลยหลังสิ้นชีวิต
แอดมินอุทธังโสโตอกนิษฐคามี แห่งเพจเฟ๊ซบุ๊คธรรมะแฟนตาซี
โฆษณา