14 พ.ย. เวลา 03:05 • ข่าวรอบโลก

แผนของ “ทรัมป์” ในการคุยกับ “คิม จองอึน”

เชื่อมโยงกับ “สงครามยูเครน”
The National Interest วารสารด้านนโยบายต่างประเทศของอเมริกา เผยแพร่คอลัมน์เขียนโดย Harry J. Kazianis “คาเซียนิส” นักวิจัยอาวุโสแห่งศูนย์เพื่อกิจการความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีหัวข้อบทความว่า “แผนของโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับเกาหลีเหนือ”
1
“หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่มีทีท่ายุติลง เกาหลีเหนือจะยังคงมีกระแสเงินสดเหลือเฟือและเสริมกำลังนิวเคลียร์ให้แข็งแกร่งได้ยิ่งขึ้น”
องค์กรด้านประชาคมโลกยังคงปฏิเสธอย่างเป็นทางการ แต่ในความเป็นจริง “เกาหลีเหนือ” ได้กลายเป็นรัฐนิวเคลียร์ไปแล้วโดยพฤตินัย ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญหลายคนเสนอทางเลือกที่เป็นไปได้นั่นคือ แทนที่จะหาทางรื้อถอนอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เราควรป้องกันไม่ให้มีการเพิ่มขุมกำลังนิวเคลียร์และจำกัดความสามารถในการยิงระยะไกลของพวกเขา ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้ได้รับเลือกตั้งเข้ามาสมัยนี้น่าจะมีความคิดคล้ายกัน
1
คาเซียนิสตั้งสมมติฐานไว้ในบทนำว่าการขยายโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นเขาวงกตที่ไม่น่าจะได้รับการแก้ไขได้ง่าย และคาดการณ์ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์จะต้องจัดการกับเกาหลีเหนือโดยยอมรับความจริงที่น่าวิตกกังวลว่าเกาหลีเหนือจะไม่ยอมสละอาวุธนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธขั้นสูงเป็นอันขาด”
จากนั้นคาเซียนิสตั้งข้อสังเกตว่า “การประนีประนอมที่สมเหตุสมผลเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะป้องกันไม่ให้เกาหลีเหนือพัฒนาและติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์และเทคโนโลยีขีปนาวุธเพิ่มเติมยังคงเป็นไปได้ในตอนนี้ เขาระบุว่าหากไม่มีแนวทางที่ทำได้จริงในทางปฏิบัตินี้แล้ว เกาหลีเหนืออาจมีขีปนาวุธข้ามทวีปแบบมีหัวรบนิวเคลียร์มากกว่า 100 ลูกภายใน 10 ปี ซึ่งสามารถทำให้ระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ไร้ประสิทธิภาพลงได้
เครดิตภาพ: CSIS
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาย้ำว่า “มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เกาหลีเหนือจะได้รับความช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์จากรัสเซียและความช่วยเหลือทางเทคนิคสำหรับโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์” เพื่อแลกกับการส่งทหารหลายหมื่นนายที่เข้าไปร่วมสงครามในยูเครน
คาเซียนิสให้คำจำกัดความนโยบายต่างประเทศที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลทรัมป์ว่า “การยุติการสู้รบในยูเครน” โดยระบุว่า “เมื่อการสู้รบนี้ยุติลงแล้ว ยูเครนกับรัสเซียจะสามารถเริ่มฟื้นฟูใหม่และก้าวไปสู่ขั้นต่อไป รัสเซียจะมีความจำเป็นน้อยลงมากที่จะต้องซื้ออาวุธจากประเทศอย่างเกาหลีเหนือและอิหร่าน ซึ่งอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากฝ่ายตะวันตกทั้งคู่”
เครดิตภาพ: The Australian
เขากล่าวต่อว่า “หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น คุณค่าของเกาหลีเหนือต่อรัสเซียจะลดลง และความช่วยเหลือต่อเกาหลีเหนือก็มีแนวโน้มจะลดลงตาม” และคาดการณ์ว่า “ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากการหยุดยิงในสงครามยูเครน สหรัฐฯ จะมีช่องทางในการเจรจากับเกาหลีเหนือได้ในที่สุด”
“จะมีเรื่องให้พูดคุยกันอีกมากในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเกี่ยวกับอนาคตของเกาหลีเหนือและรัฐบาลทรัมป์” คาเซียนิสบอก “แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่ยุติลง เกาหลีเหนือก็จะยังคงมีเงินสดเหลือเฟือและไม่มีแรงจูงใจที่จะพูดคุยกับสหรัฐฯ”
บทความต้นเรื่องอ้างอิงได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
มาต่ออีกบทความหนึ่งจากวารสารด้านนโยบายต่างประเทศของอเมริกาอีกฉบับหนึ่งคือ Foreign Policy เผยแพร่เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2024 ใจความสำคัญคือ “เพื่อทำลายกลุ่มอักษะตรงข้ามคือ รัสเซีย-จีน-เกาหลีเหนือ-อิหร่าน เราจำเป็นต้องรีบ… ยุติความขัดแย้งในยูเครน”
บทความนี้เขียนโดย Matthew Kroenig จากสภาแอตแลนติก เขาตั้งข้อสังเกตว่า “การสมคบคิดกำลังทวีเพิ่มมากขึ้น” ระหว่าง มอสโก-ปักกิ่ง-เปียงยาง-เตหะราน และกังวลเกี่ยวกับวิธีแก้ไขปัญหานี้ที่ต้องใช้แนวทางอย่างชาญฉลาดมากขึ้น
ความเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดระหว่างสี่ประเทศนี้คือ… ความขัดแย้งในยูเครน และหากเรา “ยุติสงครามนี้ได้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด” ความขัดแย้งทั่วไปต่อระเบียบโลกปัจจุบันที่นำโดยสหรัฐอเมริกาจะจางลง และ “แรงจูงใจในการร่วมมือทางทหารอย่างเร่งด่วนเมื่อชีวิตตกอยู่ในอันตรายจะหายไป”
คอลัมนิสต์ต้นเรื่องหวังว่าการยุติความขัดแย้งในยูเครน “จะให้เวลาและพื้นที่สำหรับความเป็นศัตรูระหว่างรัฐเผด็จการเหล่านี้ได้บังเกิดขึ้น ทำให้วอชิงตันและฝั่งโลกเสรีมีโอกาสพัฒนากลยุทธ์ในระยะยาวที่สอดคล้องกันเพื่อต่อต้าน ควบคุม และหากจำเป็น เอาชนะฝ่ายอักษะแห่งการรุกรานในเวลาเดียวกัน”
บทความต้นเรื่องจาก Foreign Policy อ้างอิงได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปทั้งสองบทความของนักวิเคราะห์ฝั่งตะวันตกคือประมาณว่า ต้องการให้อเมริกาเดินเกมรีบยุติสงครามในยูเครน เพื่อหวังให้ฝั่งขั้วตรงข้ามลดความร่วมมือกันทั้งทางทหารและเศรษฐกิจเหมือนในช่วงสงครามที่ถูกกดดันให้ต้องร่วมมือกัน และพวกเขาจะได้ประวิงเวลาในการสั่งสมทรัพยากรและอาวุธเพื่อตอบโต้กลับในอนาคตนั่นเอง
เรียบเรียงโดย Right Style
14th Nov 2024
  • เชิงอรรถ:
<เครดิตภาพปก: Foreign Policy / Getty Images>
โฆษณา