14 พ.ย. เวลา 07:52 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วัดปากน้ำภาษีเจริญ

อะไรคือเครื่องวัดความเป็นอริยบุคคล

สิ่งที่วัดความเป็นอริยบุคคล คือ สังโยชน์ ครับ หากสังโยชน์เบื้องต่ำตั้งแต่ ๓ ข้อแรกสิ้นไป คุณก็เข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลครับ ไม่ได้วัดกันที่ฌาน (การเพ่งสมาธิอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง) แต่อย่างใด เพราะฌาน เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นกับปุถุชนก็ได้ อริยบุคคลก็ได้ แล้วแต่ความเพียรสร้างของบุคคลผู้นั้น
#สังโยชน์10
สังโยชน์คืออะไร สังโยชน์แปลว่ากิเลสอันเป็นเครื่องผูกสัตว์โลกไว้กับวัฏสงสารครับ โดยสังโยชน์มีด้วยกัน ๑๐ ประเภท ได้แก่ ๑.สักกายทิฏฐิ ๒.วิจิกิจฉา ๓.ศีลลัพพตปรามาส ๔.กามราคะ ๕.พยาบาท ๖.รูปราคะ ๗.อรูปราคะ ๘.มานะ ๙.อุทธัจจะ ๑๐.อวิชชา ซึ่ง ณ ที่นี้จะพูดถึงแต่เพียงสังโยชน์ ๓ ข้อแรกเท่านั้นเพราะเป็นมาตรวัดว่าผ่านด่านอริยบุคคลแล้วหรือยัง และการวัดความเป็นอริยะจะต้องวัดด้วยปัญญาของตนเองเท่านั้น ไม่สามารถให้ใครมาบอกได้แม้แต่พระอรหันต์ เพราะคนที่บอกได้มีเพียงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
คนที่สามารถกำจัด ๓ สังโยชน์แรกทิ้งไปได้ ถือว่าเป็นอริยบุคคลขั้นแรกแล้วครับ เป็นผู้พ้นภูมิของปุถุชนไปแล้ว ได้มาแล้วซึ่งโสตาปฏิผล คือ ผลของภูมิธรรมจากการฟัง เรียกบุคคลในกลุ่มที่สามารถละสังโยชน์ ๓ ข้อแรกได้แล้วว่า "โสดาบัน" โดยจะต้องละสักกายทิฏฐิ หรือความยึดมั่นในร่างกายตัวตนขันธ์๕ว่าเป็นตัวเราของเรา ละวิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย ละศีลลัพพตปรามาสคือความเชื่อในโหราศาสตร์,ไสยศาสตร์,ศาสนาอื่นและวัตรปฏิบัติความเชื่อที่ผิดไปจากความจริงของธรรมชาติ
ลองดูว่าสังโยชน์ขั้นต่ำสามข้อนี้คุณละทิ้งมันได้แล้วหรือยัง ถ้าได้ ก็แสดงว่าคุณเป็นโสดาบันแล้ว ซึ่งข้อที่ยากที่สุดดูเหมือนจะเป็น สักกายทิฏฐิ ใช่มั้ยครับ แต่เปล่าเลยครับ ข้อที่ยากที่สุดตามที่พระพุทธองค์ทรงรับรองไว้คือ ศีลลัพพตปรามาสต่างหาก เพราะศีลลัพพตปรามาสจะรวมไปถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการดูดวง การดูฤกษ์งามสีมงคลเลขมงคล ชื่อมงคล การตีความพระสูตรผิด การเข้าใจพุทธพจน์เพี้ยนแล้วไปถ่ายทอดผิดๆ การตั้งเจตนาในการทำบุญผิดไปจากสิ่งที่พระตถาคตตรัสสอน เป็นต้น เหล่านี้ถือเป็นข้อวัตรปฏิบัติที่ผิดทั้งสิ้น
แอดมินโสดาเทพ แห่งเพจเฟ๊ซบุ๊คธรรมะแฟนตาซี
โฆษณา