ปัจจุบันวิกฤติทางธรรมชาติและระบบนิเวศ ึ่งรวมถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพได้ทวีความรุนแรง และส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจทั่วโลก โดยข้อมูลจาก World Economic Forum (WEF)*
เปิดเผยว่า
การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจมากกว่า 44 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณมูลค่าเทียบได้กับครึ่งหนึ่งของมูลค่า GDP ทั้งโลก ขึ้นอยู่กับการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติและระบบนิเวศ ซึ่งตัวเลขนี้ช่วยตอกย้ำถึงความสำคัญที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคธุรกิจจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกันก็สามารถมองหาโอกาสและปรับตัวเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้ด้วย
สำหรับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ข้อมูลจากรายงานที่ชื่อ Nature at a Tipping Point*** ที่จัดทำโดย Asia Investor Group on Climate Change ร่วมกับ PWC แสดงให้เห็นว่า บริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคนี้พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติในระดับสูง และเมื่อพิจารณาข้อมูลเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า ร้อยละ 61 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap) มีการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติในระดับสูงและปานกลาง