3 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ

“Fellow” ผู้สร้างอาณาจักรกาแฟยุคใหม่ ออกแบบสินค้าทุกชิ้นเพื่อคนรักกาแฟ

เปิดเรื่องราวแบรนด์น้องใหม่ “Fellow” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างอาณาจักรกาแฟยุคใหม่ จากการออกแบบอุปกรณ์กาแฟที่คิดถึงคนรักกาแฟยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
สำหรับคอกาแฟ การได้ดื่มด่ำรสชาติของเมล็ดกาแฟที่บดและชงด้วยมือตัวเองถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการดริป เฟรนช์เพรส โมกาพอต แอโรเพรส หรือวิธีอื่นใดก็ตาม
แต่การจะหาอุปกรณ์ทำกาแฟที่ใช้งานได้ดีถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง และยิ่งยากขึ้นไปอีกขั้น ถ้าอยากได้อุปกรณ์ที่ดูสวยงามมีสไตล์ด้วย นั่นทำให้ “Fellow” (เฟลโลว์) แบรนด์อุปกรณ์ทำกาแฟที่เพิ่งถือกำเนิดมาได้เพียง 10 กว่าปี ได้รับความนิยมอย่างมาก
Fellow แบรนด์อุปกรณ์ทำกาแฟ
Fellow ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างอาณาจักรกาแฟยุคใหม่ ออกแบบ ผลิต และจำหน่ายอุปกรณ์ในทุกขั้นตอนของการเสพกาแฟ ตั้งแต่เมล็ดกาแฟ เครื่องบด เครื่องชง กาต้มน้ำ ไปจนถึงอุปกรณ์ดื่มจำพวกแก้วมัก แก้วเก็บอุณหภูมิ และหากใครไม่ใช่สายชงเองขนาดนั้น ก็มีเครื่องชงอัตโนมัติรองรับความต้องการเช่นกัน
ที่ Fellow ตอบโจทย์คนรักกาแฟได้ขนาดนี้ เพราะตัวของผู้ก่อตั้งอย่าง “เจค มิลเลอร์” นั้นต้องเรียกว่ามีกาแฟอยู่ในสายเลือด และทำให้เขาเริ่มออกแบบอุปกรณ์ชงกาแฟตั้งแต่ยังเรียนอยู่
Fellow ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างอาณาจักรกาแฟยุคใหม่ ออกแบบ ผลิต และจำหน่ายอุปกรณ์ในทุกขั้นตอนของการเสพกาแฟ ตั้งแต่เมล็ดกาแฟ เครื่องบด เครื่องชง กาต้มน้ำ ไปจนถึงอุปกรณ์ดื่มจำพวกแก้วมัก แก้วเก็บอุณหภูมิ และหากใครไม่ใช่สายชงเองขนาดนั้น ก็มีเครื่องชงอัตโนมัติรองรับความต้องการเช่นกัน
ที่ Fellow ตอบโจทย์คนรักกาแฟได้ขนาดนี้ เพราะตัวของผู้ก่อตั้งอย่าง “เจค มิลเลอร์” นั้นต้องเรียกว่ามีกาแฟอยู่ในสายเลือด และทำให้เขาเริ่มออกแบบอุปกรณ์ชงกาแฟตั้งแต่ยังเรียนอยู่
นอกจากนี้ ตัวของ Duo เองยังมีปัญหา มันเป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องชงกาแฟแบบดริปและแบบเฟรนช์เพรส โดยคงความสะดวกสบายของแบบหลังและคุณภาพของแบบแรก มันชงกาแฟได้ดีมาก แต่ใช้งานยาก ทำความสะอาดยาก และไม่น่าเชื่อถือ
หลังจากนั้น มิลเลอร์พยายามหาเงินทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่ออีกครั้ง แต่รอบนี้เขาถูกปฏิเสธถึง 73 ครั้ง จนได้พบกับนักลงทุนคนหนึ่งชื่อ เจอร์รี มิกซ์ ซึ่งบอกกับมิลเลอร์ว่า “ผมไม่ชอบผลิตภัณฑ์แรก แต่ผมชอบวิสัยทัศน์ของมัน มาทำกันเถอะ” และเขียนเช็คให้มิลเลอร์เป็นเงิน 250,000 ดอลลาร์
จากนั้นเขาจึงได้ปรับแก้ผลิตภัณฑ์ให้ใช้งานได้จริง ใช้งานได้ง่าย และตรงตามความต้องการผู้ใช้มากขึ้น
กาน้ำของ Fellow สามารถเทกาแฟด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอและช้า
ออกแบบโดยคนรักกาแฟเพื่อคนรักกาแฟ
มิลเลอร์ได้ตั้งบริษัท Fellow ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็น “บริษัทสตาร์ทอัปที่มุ่งหวังช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟและคือกาแฟมือสมัครเล่นสามารถชงกาแฟที่อร่อยอย่างเหลือเชื่อได้แม้อยู่ที่บ้าน”
แนวคิดเรื่องการออกแบบที่ใช้งานได้จริงทำให้ Fellow เป็นที่ยอมรับอย่างรวดเร็ว แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เพราะมิลเลอร์ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุนทรียศาสตร์ด้วย “ผมหลงใหลในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงและสวยงาม สำหรับทั้งผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นชงกาแฟและแชมเปียนกาแฟระดับโลก”
มิลเลอร์บอกอีกว่า Fellow ถูกคิดขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องเลือกระหว่างสุนทรียศาสตร์และการใช้งาน “อย่าแค่ออกแบบ แต่จงตั้งใจที่จะแก้ปัญหา จากนั้นก็แก้ปัญหานั้นด้วยวิธีที่หรูหราที่สุดเท่าที่จะนึกออกได้”
ผู้ก่อตั้งบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Nike, Dyson และ Braun ซึ่งมีอุดมคติเหมือนกับเขาในการเคารพทั้งฟังก์ชันและสไตล์ เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสกับความสุขในการใช้งาน
ความใส่ใจอย่างพิถีพิถันในการออกแบบที่สวยงามและใช้งานได้จริงนี้ดูเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเมื่อมองว่ามิลเลอร์มีประสบการณ์ด้านบริหารและการตลาด แต่องค์ความรู้เหล่านี้เขาได้มาจากการทำงานเป็นผู้จัดการแบรนด์ของ Caribou Coffee หนึ่งในเครือร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีแฟรนไชส์ร้านกาแฟทั่วสหรัฐฯ ตะวันออกกลาง และอินโดนีเซีย
“ประสบการณ์ด้านการตลาดของผมช่วยให้ผมเข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แตกต่าง และมีเหตุผลในการดำรงอยู่ในใจของลูกค้า” เขากล่าว
มิลเลอร์เสริมว่า “แบรนด์ของ Fellow ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง แต่เป็นจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ละครั้งสามารถทำตลาดได้ง่ายขึ้น เนื่องจากลูกค้ารู้จัก Fellow มากขึ้นเรื่อย ๆ และมีประสบการณ์เชิงบวกอย่างล้นหลาม”
จนถึงปัจจุบัน มิลเลอร์ยังคงมีส่วนร่วมในงานออกแบบผลิตภัณฑ์อยู่ “ผมยังคงมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำงานร่วมกับนักออกแบบ วิศวกร และพันธมิตรด้านการผลิตของเรา การสร้างสรรค์อยู่ใน DNA ของผม”
มิลเลอร์ยังให้ผู้คนที่ใช้อุปกรณ์ทำกาแฟของเขาเป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจออกแบบผลิตภัณฑ์ “ก่อนอื่นเลย คุณต้องเข้าใจผู้ใช้และปัญหาเฉพาะบางอย่างที่สามารถแก้ไขได้ผ่านการออกแบบ”
เขาบอกว่า “ในระหว่างกระบวนการออกแบบ คำติชมจากผู้ใช้เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดตัวสิ่งที่ผู้ใช้ของคุณจะชื่นชอบและต้องการซื้อจริง ๆ”
พูดง่าย ๆ คือ Fellow เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหล่าคนรักกาแฟมีส่วนร่วมในการออกแบบเพื่อคนรักกาแฟโดยแท้จริง
กาน้ำไฟฟ้า Stagg EKG ของ Fellow
ผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนรัก
ตั้งแต่นั้นมา ผลิตภัณฑ์ของ Fellow เริ่มขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ จากอุปกรณ์ชงกาแฟ Duo ได้ขยับไปออกแบบกาต้มน้ำตั้งเตาในปี 2015 นั่นคือ “Stagg Pour-Over” ซึ่งเป็นไอคอนิกที่ทำให้ Fellow เป็นที่รู้จัก
Stagg Pour-Over มีการออกแบบที่สวยงามและคงคอนเซ็ปต์ใช้งานได้จริง ด้วยปากเทที่แม่นยำ มีเทอร์โมมิเตอร์ในตัว สามารถเทกาแฟด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอและช้าด้วยด้ามจับแบบถ่วงน้ำหนักที่เคลื่อนจุดศูนย์กลางมวลกลับไปที่มือของผู้ใช้
มิลเลอร์กล่าวถึงคุณสมบัติการวัดอุณหภูมิของ Stagg ว่า “หากคุณสังเกตผู้คนที่ใส่ใจเรื่องกาแฟจริง ๆ คุณจะรู้ว่าพวกเขาใส่ใจเรื่องอุณหภูมิเป็นอย่างมาก เราพบว่าตัวเองกำลังมองหาวิธีแก้ไข ผู้คนนำกาต้มน้ำบนเตาไปเจาะรูที่ฝาเพื่อติดตั้งเทอร์โมมิเตอร์ เราเลยคิดว่า เจ๋งดี แต่คุณไม่จำเป็นต้องมีวิธีการแก้ไข เราแค่ออกแบบให้เป็นฟีเจอร์เท่านั้น”
ปีต่อมา Fellow ต่อยอด Stagg Pour-Over ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ชงกาแฟที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ตัวแรกของบริษัท นั่นคือกาน้ำไฟฟ้า “Stagg EKG”
ในการพัฒนา Stagg EKG นั้นทาง Fellow ได้กลับไประดมทุนในแพลตฟอร์ม Kickstarter อีกครั้ง และได้รับการตอบรับที่ดี จนสามารถพัฒนากาต้มน้ำไฟฟ้าแบบมินิมอลที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันได้ ใช้การพิมพ์ 3 มิติในกระบวนการออกแบบ
Stagg EKG ช่วยขับเคลื่อนตลาดอุปกรณ์กาแฟอย่างมีนัยสำคัญในฐานะกาต้มน้ำไฟฟ้าที่ชาญฉลาดที่สุดและควบคุมอุณหภูมิได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง
มิลเลอร์บอกว่า “ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าชิ้นแรกของเราคือ Stagg EKG เราไม่เคยทำเกี่ยวกับไฟฟ้ามาก่อน และผมก็ไม่ใช่วิศวกร ดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าจะคิดหาวิธีอย่างไร แต่เราก็เข้าร่วม Kickstarter อีกครั้ง”
เขาเสริมว่า “ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเราขายกาต้มน้ำได้ประมาณ 500,000 เครื่อง เราสามารถระดมทุนเพื่อพัฒนาโดยใช้เงินทุนเหล่านั้น”
มิลเลอร์บอกว่า Stagg EKG สามารถทำให้น้ำร้อนที่สุดเท่าที่จะทำได้และเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และยังควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ แต่ข้อเสียคือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มักมีราคาแพง
โดยการเพิ่มวงจรที่คอยควบคุมอุณหภูมิภายในกาต้มน้ำ จะทำให้ต้นทุนรายการวัสดุเพิ่มขึ้นอีก 7 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมักจะส่งผลให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 20-25 ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าสูงมากในโลกที่ผู้คนสามารถซื้อกาต้มน้ำไฟฟ้าได้ในราคาต่ำกว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐ
“แต่สิ่งที่สำคัญจริง ๆ ลูกค้าสนใจแค่ว่า ถ้าคุณตั้งกาต้มน้ำไว้ที่ 199 องศาฟาเรนไฮต์ อุณหภูมิในกาจะต้องถึง 199 องศาฟาเรนไฮต์ และต้องคงอยู่ที่ระดับนั้นในขณะที่คุณชงกาแฟ” มิลเลอร์กล่าว
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์สำคัญของ Fellow คือ “Ode Brew Grinder” เครื่องชงกาแฟที่ทำให้ทุกคนสามารถทำกาแฟระดับบาริสตาได้ในครัวที่บ้านของคุณ เปิดตัวในปี 2019 หลังระดมทุนผ่าน Kickstarter เจ้าเก่าเจ้าเดิมมาได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปัจจุบันได้ต่อยอดเป็นรุ่น Gen 2 แล้ว
นอกจากนี้ยังมี “Carter” ถ้วยกาแฟที่หลายคนชื่นชอบ, “Monty” ถ้วยกาแฟเอสเพรสโซที่ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาดด้วยเส้นโค้งพาราโบลาที่ช่วยยกครีมขึ้นไปด้านบนเพื่อสร้างลวดลายลาเต้ที่สวยงาม หรือ “Clara” เครื่องชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรสที่เสริมคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ เข้ามาอย่างพิถีพิถัน
ณ ปี 2020 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาดกว่า 20 รายการของ Fellow มีจำหน่ายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่เป็นการวางขายในร้านค้าต่าง ๆ ไม่ใช่ร้านของบริษัทเอง เพราะ Fellow เพิ่งเปิดร้านแรกของตัวเองในปี 2017 ที่ย่านมิชชันของซานฟรานซิสโก
เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติของ Fellow
แผนการ 10 ปีถัดไป คือการไม่หยุดพัฒนา
ในช่วง 8 ปีแรก Fellow ได้ระดมทุนรอบเล็ก ๆ 3-4 รอบ ซึ่งทำให้บริษัทเล็ก ๆ ของเขาถูกหัวเราะเยาะ แต่เมื่อปี 2021 สถานการณ์เปลี่ยนไป และบริษัทก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนของโอกาสครั้งใหญ่
“วิธีเดียวที่เราจะทำให้โอกาสนั้นเกิดขึ้นได้ก็คือต้องปิดการระดมทุนรอบใหญ่ และเราได้รับเงิน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากรอบนั้น นั่นเป็นการปลดล็อกครั้งใหญ่สำหรับเรา เพราะทำให้เราสามารถจ้างคนได้” มิลเลอร์กล่าว
เขาเสริมว่า “เราได้จ้างคนเพิ่ม 20 คนในทีมผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีตพนักงานของ Apple, Tesla และ Google X พวกเขานำทักษะเฉพาะทางเหล่านี้มาเพื่อที่เราจะทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกประเภทที่เราไม่สามารถทำได้มาก่อน”
มิลเลอร์บอกว่า “เราเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการจัดการคณะกรรมการเป็นครั้งแรก เราต้องมีการประชุมคณะกรรมการเป็นประจำ และมีแรงกดดันอย่างแท้จริงที่จะต้องเติบโต ผมอาจจะโดนไล่ออกตอนนี้ก็ได้!”
ด้วยเงินทุนที่ได้มา Fellow ยังได้เปิดร้านค้าของตัวเองสาขา 2 ที่ถนนแอบบ็อต คินนีย์ บูเลอวาร์ด นครลอสแอนเจลิสเมื่อปี 2023
Fellow เพิ่งครบรอบ 10 ปีไปไม่นาน ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า แล้วสำหรับแผนการ 10 ปีต่อจากนี้ บริษัทมีแผนอะไรบ้าง มิลเลอร์บอกว่า หัวใจหลักคือการ “ไม่หยุดพัฒนา”
ผู้ก่อตั้ง Fellow บอกว่า “หลักการอย่างหนึ่งของเราคือไม่หยุดพัฒนา และทุกอย่างจะเป็นต้นแบบเสมอ” และเสริมว่า จะเป็นการฝ่าฟันผ่านดินแดนแห่งการเริ่มต้นที่คาดเดาไม่ได้ โดยมีเพียงความมุ่งมั่นที่ไม่ย่อท้อและความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในพลังของความก้าวหน้าเท่านั้น
มิลเลอร์บอกว่า “เราพยายามตั้งใจฟัง ตั้งใจฟังความต้องการและความปรารถนาของผู้ที่เราให้บริการ ด้วยการออกแบบทุกครั้งและทุกการทำซ้ำ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เหนือความคาดหมาย เป็นของขวัญที่กระซิบว่า ‘นี่สำหรับคุณ’ ของขวัญบางอย่างที่คุณชอบ บางอย่างที่คุณปฏิเสธ แต่จงรู้ไว้ว่าเราจะไม่หยุดผลิตต้นไม้แห่งการให้ของ Fellow”
เขาย้ำว่า “เราอยู่ได้เพราะคุณให้เราเข้าไปในบ้านของคุณ บนชั้นวางของคุณ และในร้านกาแฟของคุณ ปล่อยให้ยาอายุวัฒนะแห่งความสำเร็จและคาเฟอีนไหลเวียนไปในเส้นเลือดของเรา 10 ปีผ่านไปแล้ว แต่ไฟแห่งความหลงใหลยังคงส่องสว่างมากกว่าเดิม เราก้าวต่อไปอย่างไม่หวั่นไหวและไม่ลดละ สู่ขอบฟ้าอันไร้ขอบเขตของทศวรรษหน้า”
ประวัติธุรกิจ Fellow
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/234407
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา