15 พ.ย. เวลา 11:45 • ข่าวรอบโลก

“มะกันสไตล์” ไม่โม้เยอะ ซุ่ม เปิดตัวในสนามรบ …

ในขณะที่จีนและรัสเซีย เปิดตัวเครื่องบินล่องหนเจน 5
กันในงานเทศกาล แล้วก็ตีข่าวไปทั่วโลก
สหรัฐ เลือกวิธีการที่ต่างออกไปในการเปิดตัวเครื่องบิน
แต่มันก็เป็นสิ่งที่พวกเขามักทำเป็นประจำ
คือ เปิดตัวมันในสนามรบซะเลย
รอบนี้เอา F35c ที่ชาวโลกเขาสงสัยไปบอมบ์ฮูตีโชว์ซะเลย
…ไม่เน้นโม้ในเทศกาล ไม่เน้นบินโชว์ …
…แต่ออกมาต้องได้เลือด นี่คือการเปิดตัวสไตล์มะกันแท้ๆ…
F35 นั้น เราอาจได้ยินว่ามันถูกขายออกไปในหลายประเทศ
อย่างใกล้บ้านเรานี่ สิงคโปร์ก็มี มันดูไม่น่าแปลกใช่ไหม
แต่นั่นเป็นรุ่น A B และ I
ซึ่ง I นี่ผมไม่อยากนับรวม เพราะรู้กันดีว่า
โมเดลอาวุธรหัส I ของสหรัฐนั้น มันเป็นเวอร์ชั่นอิสราเอล
ซึ่งค่อนข้างพิเศษและเฉพาะ หลายอย่างก็ดีกว่าของสหรัฐ
เองเสียอีก
1
ซึ่งมีอีกประเทศที่ทำได้แบบนี้ กับ base อาวุธสหรัฐคือญี่ปุ่น
อันนี้พวกเขาก็มีรหัสอาวุธอเมริกันเป็นของตัวเอง
แต่ไม่เป็นข่าวมากนัก เพราะญี่ปุ่นไม่ค่อยได้เข้าสงคราม
แต่สำหรับ F35 ที่ทั่วโลกจับตาจริงๆ เมื่อสหรัฐใช้
ก็คือ F35c Lighting 2 ซึ่งมันยังไม่เคยปฏิบัติการจริงจัง
มาก่อนเลย จนถูกปรามาสเหมือน SU57 ว่าอาจไม่มีจริง
หรือมีแต่ก็ไม่ดีสมราคาคุย
ที่เจ้า 35C ถูกจับตามาก เพราะมันจะเป็นแบบที่ใช้กับ
เรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งเรารู้กันดี ว่าสหรัฐมีจุดแข็งที่สุด
ตรงนั้น ที่จะพายุทโธปกรณ์ไปได้ทั่วโลก
หมายความว่า ถ้า F35c มีจริง และดีอย่างที่โม้
พลังอำนาจของกองเรือสหรัฐ ก็จะยิ่งน่าสะพรึงกลัว
มากกว่าเดิม เพราะแน่นอนว่ามันดีกว่า F18 ที่ใช้อยู่
ในความหมายหนึ่ง มันจึงสื่อว่า การมีอยู่ของ 35c
หมายถึงการยังครอบครอง และเพิ่มอำนาจการรบโพ้นทะเล
ให้ยิ่งทรงประสิทธิภาพของกองทัพอเมริกานั่นเอง
…และยิ่งเป็นการบ้านหนักต่อไป ของกองเรือจีน
ที่พยายามอย่างยิ่งที่ต้องไล่ให้ทัน….
ยิ่งจากรายงานล่าสุด ในการปฏิบัติการของมัน
พบว่า ไม่มีรายงานการถกตรวจจับได้เลย
ฮูตี ไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆจากพันธมิตรทั้งรัสเซีย
และอิหร่าน
ภารกิจของพวกมัน จึงเป็นไปอย่างราบรื่น แม่นยำ
ไม่ต่างกับพี่น้องรหัส I ของมัน
ก็ยิ่งยืนยันว่า 35 c นั้นพร้อมแล้ว ที่จะมาแทน F18
คู่แข่งก็ยิ่งปวดหัวกับการไล่ตามสหรัฐ….
อย่าเห็นว่า stealth จากพื้นนั้นเป็นเรื่องเดียวกับ
การปล่อยมันจากเรือนะครับ มันยากกว่ากันหลายเท่า…
มันอาจไม่แปลกอะไรนัก ที่เราจะเห็นเครื่องบินล่องหน
บนเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ เมื่อก่อนหน้านี้
ก็เคยมีมาตั้งแต่ F117 (night hawk) ในยุค 90
และล่าสุดก็ F22
ปัญหาคือเราต้องเข้าใจว่า ทั้ง 117 และ 22
แม้ว่าจะมีคุณสมบัติเลอเลิศจริงๆ
แต่มันไม่ใช่อะไรที่สามารถผลิตมากๆได้
โดยเฉพาะเจ้า 22 ซึ่งแม้อเมริกายังใช้อยู่
และทั่วโลกยังให้การยอมรับ
ว่านี่คือของจริง เป็นหมายเลขหนึ่งสำหรับเครื่องบินรบ
และมันใกล้เคียงคำว่า gen6 ที่สุดในปัจจุบัน
แต่จะอย่างไร มันไม่ใช่ว่าสหรัฐมีมากนัก
และไม่ใช่ตัวเล่นหลักในสงครามจริงๆของสหรัฐ
ปัจจุบัน ตัวเล่นหลักของสหรัฐยังเป็น F18
ส่วน F35c นั้นต่างออกไป มันถูกพิสูจน์แล้ว ว่าสามารถ
ผลิตออกมามากๆได้
หมายความว่า มันจะมาแทน F18 ในเวลาอีกไม่นาน
ในขณะที่คู่ปรับของมัน อย่าง J35 ของจีนที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้น
ยังไม่มีความสมบูรณ์พอ แม้กระทั่ง J20 ก็เพิ่งถูกญี่ปุ่นจับโป๊ะ
ส่วนเรือบรรทุกเครื่องบินจีนเอง
ก็ยังมีประสิทธิภาพที่ห่างชั้นกับสหรัฐค่อนข้างมาก*
…การเคลียร์รันเวย์บนเรือซะโล่ง เพื่อ J35 เพียงลำเดียว
ทั้งไม่มีการโหลดอาวุธ ในการโชว์ล่าสุด นั่นคือสิ่งยืนยัน
ว่า J35 นั้นยังไม่สมบูรณ์ อย่างน้อยก็ตอนนี้
การมีอยู่ของ F35c และมีในระดับว่าปล่อยลงสมรภูมิแล้ว
ย่อมสร้างความแตกต่างของกองเรือของทั้งจีนและสหรัฐ
ให้มีช่องว่าง ถ่างมากขึ้นไปอีก
…ส่วนของรัสเซียนั้น ไม่ต้องพูดถึง SU57 ยังลูกผีลูกคน
เรือบรรทุกเครื่องบิน และกองเรือคุ้มกัน ก็อ่อนชั้นกว่าของจีน และมีเพียงลำเดียวมันจึงแทบไม่อยู่ในสายตา และไม่ใช่คู่เทียบที่สมน้ำสมเนื้อของสหรัฐแล้วด้วยซ้ำไป …
(*เปรียบเทียบเทียบกันด้วยพิสัย การบรรทุก
ความเร็วในการแท็กซี่เครื่องบิน
ของจีนอาจมีขนาดระวางใหญ่กว่า แต่ด้อยกว่าทุกแง่
เหตุผลเพราะของจีนยังเป็นเครื่องดีเซล ส่วนสหรัฐนั้นเป็น
เรือนิวเคลียร์ มันส่งผลกับประสิทธิภาพโดยรวมค่อนข้างมาก
จีนจึงจะต่อลำที่ 3-4 เป็นนิวเคลียร์เช่นกัน แต่ก็ยังติดปัญหา
เรื่องเทคโนโลยีอยู่ มันซับซ้อนกว่าเรือดำน้ำมาก
แต่เชื่อว่าพวกเขาจะทำได้ ภายใน 5-6 ปีจากนี้ )
อเมริกา จอมซุ่มแห่งโลกยุทโธปกรณ์ ….
นี่คือสิ่งที่น่าจะนิยามได้ดีที่สุดถึงลักษณะ
และหลักนิยมด้านอาวุธของพวกเขา
สหรัฐนั้น ก็เหมือนชาติตะวันตกอื่น ซึ่งมักปิดบัง
การมีอยู่ของอาวุธหรือเทคโนโลยีใดๆ
มันอาจขัดกับความเข้าใจของคนจำนวนมาก
ว่าชาติที่เป็นอำนาจนิยมที่ดูลึกลับนั้นนั้น จะซุ่มมากกว่า
แต่ในความเป็นจริง มันตรงกันข้ามเลยทีเดียว
ชาติประชาธิปไตยต่างหาก คือจอมซุ่ม
ในขณะที่ชาติอำนาจนิยม คือจอมโฆษณา
ซึ่งบางอย่างก็เจ๋งจริง บางอย่างก็ไม่…
เหตุผลที่ชาติค่ายเสรีนิยมต้องซุ่มการมีอยู่
มันก็มีหลายเหตุผล
กลัวโดนก็อป อันนี้ก็หนึ่งแหละ พวกเขาโดนมาตลอด
ตั้งแต่เครื่องเซเบอร์ (F86-F) ที่กลายร่างเป็นมิค ของโซเวียตในสงครามเกาหลีจนถึงเวียดนาม
มาจนถึงยุคหลัง กับเครื่อง F16 ที่แปลงร่างเป็น J10
ของจีนในปัจจุบัน
ซึ่งไม่ใช่แค่ของสหรัฐก็อป ทางฝั่งยุโรปก็โดน
ลำพังเหตุผลนี้ มันก็มากพอแล้วที่พวกเขาจะซุ่ม
แฝดจากสองค่าย ทางโซเวียตอ้างว่า เป็นเพราะวิศวกรเป็นชาวเยอรมันจากนาซีเหมือนกัน แล้วต่างฝ่ายต่างได้ตัวมาทำงานให้ เลยเหมือนกัน ซึ่งก็ฟังขึ้นอยู่ (มั้ง😅)
แต่เหนืออื่นใด มันคือเหตุผลทางการเมืองภายใน
ที่ต่างกันของประเทศที่มีความเชื่อทางการเมือง
ในโลกเสรีนิยม และอำนาจนิยม
ทำให้มีหลักนิยมต่อการประชาสัมพันธ์ด้านนี้ที่ต่างกัน
ในประเทศอำนาจนิยมนั้น
การสร้างความภาคภูมิใจในชาติด้วยสิ่งต่างๆนั้น
เป็นเรื่องจำเป็น และ”ต้องมี”ตลอดเวลา
เพราะพวกเขาใช้หลักชาตินิยม ในการหล่อหลอมคนในชาติ
ไม่งั้นประเทศคอมที่ทุกประเทศ
คงไม่มีกระทรวงโฆษณาชวนเชื่อหรอก
…มีจริงๆนะ มันมีต้นแบบมาจากพรรคนาซี ในแต่ละประเทศ
ก็มีชื่อเรียกต่างกันไป อย่างรัสเซียนี่คือ RT หรือก็คือกรมประชาสัมพันธ์บ้านเรานั่นแหละ บก. คือ มาร์กาเรต ซิโมเนียม
ได้รับการเชิดชู เท่ากับรัฐมนตรีคนนึง และเข้าประชุมครม.
รัสเซียอยู่เสมอ ซึ่งมันมีมาตั้งแต่ยุคโซเวียตแล้ว…
และมันอาจด้วยความที่พวกเขาด้อยกว่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
การประชาสัมพันธ์ว่า “เราก็ทำได้” มันจึงเป็นเรื่องจำเป็น
เพื่อไม่ให้ดูน้อยหน้าชาติตะวันตก ที่เป็นคู่แข่งในแง่อุดมการณ์
เราจะเห็นว่า ตั้งแต่สมัยโซเวียต มาจนถึง จีนและเกาหลีเหนือ
ในปัจจุบัน พวกเขาจะโพทะนาตลอด เวลาทำอะไรสำเร็จ
ทั้งที่บางครั้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรในโลกตะวันตก
เรามองง่ายๆ ฝรั่งเศส อังกฤษ สองประเทศนี้
ที่จริงทดลองจรวดและนิวเคลียร์บ่อยมาก (โดยเฉพาะฝรั่งเศส)
แต่พวกเขาจะไม่ปล่อยข่าวเลย ไปแอบทำกันแถวเกาะอาณานิคมเก่าโน่น
ตรงข้ามกับเกาหลีเหนือ ซึ่งออกข่าวแทบทุกลูกที่ยิง
หรือการปล่อยจรวด ในอินเดีย ญี่ปุ่นนี่คือรับจ้างเอาดาวเทียม
ขึ้นวงโคจร พวกเขาทำจนชิน และไม่เป็นข่าว
ในขณะที่จีน ออกข่าวแทบทุกครั้งที่ปล่อยจรวด
หรือกระทั่งรถไฟความเร็วสูง ที่จีนชอบโฆษณา
ว่าทำความเร็วได้เท่าโน้นเท่านี้ ทางยุโรปก็ขำ
พวกเขาทำได้มานานแล้ว กับเทคโนโลยี Mag lef
เพียงแต่ให้บริการไม่ได้เพราะมันไม่ปลอดภัยกับส่วนอื่น
ซึ่งจีนเองก็ให้บริการไม่ได้เข่นกัน ชาวบ้านไม่กล้าขึ้น
ไม่คุ้มทุน ก็แค่ทำความเร็วโชว์เท่านั้นเหมือนกัน
อะไรแบบนี้เป็นต้น….
ซึ่งในความจริงแล้ว ด้วยสถานะของจีนในปัจจุบัน
พวกเขาไม่จำเป็นต้องโฆษณาอะไรแล้ว คนเขาก็รู้แล้วว่าเจ๋ง
เพียงแต่มันก็ติดเป็นนิสัย หรือหลักนิยม ที่ตกทอดมานั่นเอง
แต่รู้ไหม ค่ายตะวันตกเองชอบมาก
กับพฤติกรรมแบบนี้ของคู่แข่ง
เพราะมันหมายถึงว่า พวกเขาจะเอา propaganda
เหล่านี้แหละ ไปอ้างความจำเป็นของบจากสภา
ใส่สีตีไข่ จนบางครั้งก็เกิดสงครามไปเลย
กรณีแบบนี้ ก็ซัดดัมแห่งอิรักนั่นแหละ
โม้มาก จนตะวันตกใช้เป็นข้ออ้างมาถล่มนั่นเอง
…หลายครั้ง พวกตะวันตก จะไม่แก้ตัวว่าพวกเขาด้อยกว่า
ตรงข้าม กลับช่วยใส่สีตีไข่ให้มันน่ากลัวกว่าเดิม ก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองนั่นเอง….
ในขณะที่โลกตะวันตก หรือประชาธิปไตยนั้นต่างไป
การโพทะนาเรื่องพวกนี้ แทนที่คนในประเทศจะชื่นชมยินดี
มันจะกลายเป็นโดนด่าแทน !
ทุกครั้งที่มีข่าวหลุด ถึงการวิจัยพัฒนาอาวุธต่างๆ
สิ่งที่จะตามมาในโลกประชาธิปไตย
คือ คำถามเรื่องงบประมาณ และคำถามว่าเพื่ออะไร
เพราะประชาธิปไตย อยู่บนพื้นฐานความคิดว่า
ในระดับประชาชน ไม่มีใครชอบสงคราม
มันจึงเป็นช่องทางให้เกิดกลไกการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
ในกรณีการวิจัยพัฒนาอาวุธ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสงคราม และไม่จำเป็นกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
หลายโครงการ ต้องล้มเลิกไป ก็เพราะเหตุผลนี้
หรือการทดลองนิวเคลียร์ต่างๆ ที่เป็นธรรมดา
ในค่ายอำนาจนิยม แต่มันจะโดนด่าด้านสิ่งแวดล้อมทันที
เมื่อมาทำในประเทศประชาธิปไตย
มันจึงกลายเป็นว่า ประเทศประชาธิปไตย
ต้องหลบๆซ่อนๆ ประชาชนของตัวเองในการวิจัยพัฒนา
และไม่สามารถ เสนอหน้าเล่นข่าวได้ หากมันยังไม่สามารถ
ใช้งานได้จริงๆ 100%
หรือบางที แม้สำเร็จแล้วก็ยังโดนด่าอยู่ดี ว่าไม่จำเป็น
เชื่อหรือไม่ โครงการของสหรัฐจำนวนมาก
ต้องพับลงไป เมื่ออาวุธเหล่านั้นถูกพบเห็น
ในระหว่างการทดลอง ชาวบ้านร้อง แล้วสภาเอาไปเล่นต่อ
ว่าไม่มีความคุ้มค่าด้านงบประมาณ
ฮ. Comanche , F117 และเจ้า blackbird
เหล่านี้คือตัวอย่าง ที่เทคโนโลยีพ่ายแพ้ให้กับการเมือง
และงบประมาณ เมื่อความลับรั่วไหล จนไม่ได้ไปต่อ
แม้แต่ในปัจจุบัน โครงการพัฒนาเครื่องบิน gen 6
ของสหรัฐ (NGAD)**ก็โดนด่ายับเยิน จนต้องถอยออกมา
ตั้งหลัก เพื่อของบประมาณใหม่ เพราะดันมีคนพบเห็น
เครื่องบินรุ่นทดลอง จนกลายเป็นเกมส์การเมือง
..ด้วยความเป็นไปทางการเมืองเหล่านี้ มันทำให้กองทัพสหรัฐ
จำเป็นต้องมีพฤติกรรมซุ่มทำ มันซะในทุกๆเรื่อง ที่เกี่ยวข้อง
กับเทคโนโลยีและความมั่นคง…
สิ่งที่เราเห็นของสหรัฐนั้น จึงมักเป็นผลสำเร็จจริงๆแล้วเท่านั้น
…และเครื่องยืนยันผลสำเร็จของมันต่อชาวบ้าน
ที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าสู่สมรภูมิ…
…ไม่ใช่การบินโชว์ในนิทรรศการ แล้วปั่นข่าว….
ไอ้ลับๆ ล้ำๆของไอ้กันน่ะ อีกเยอะครับ
เราอาจเห็นการประชาสัมพันธ์ของจีนและรัสเซีย
ผ่านสื่อของพวกเขาเอง รวมถึงที่กองเชียร์นำมาแปล
เผยแพร่ต่อ ในมุมว่าพวกเขามีเทคโนโลยีแซงตะวันตกไปแล้ว
แต่ในความเป็นจริง ทั้งจีนและรัสเซียนั้นรู้ดี
ว่าพวกเขายังอยู่ห่างจากจุดนั้นอีกไกล
สิ่งยืนยันที่ดีที่สุด ถ้าเราพูดถึงเทคโนโลยีล่องหน
คือ เราต้องไม่ลืมว่า เครื่องล่องหนสมบูรณ์แบบ
ที่สุดในโลก ยังมีเพียงรุ่นเดียว คือ B-2 แม้มันจะเป็น
เครื่องบินทิ้งระเบิดก็ตาม
สหรัฐทำสิ่งนี้ได้ตั้งแต่ต้นยุค 2000 หรือมากกว่า 20 ปีแล้ว
และจนปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครทำมันซ้ำได้ แม้แต่ค่ายยุโรป
เป็นไปได้หรือ ที่เทคโนโลยีสหรัฐมันจะหยุดเพียงแค่นั้น
ทั้งที่พวกเขามีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญมากขึ้น
ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ?
แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้
แล้วถ้ามันง่าย ทำไมไม่มีใครสร้างได้ใกล้เคียง B-2
อีกเลย โดยเฉพาะกับจีน ที่ไม่มีปัญหาด้านงบประมาณ
มันชัดเจนครับ ว่าคำตอบอยู่ตรงไหน
คืออะไร แต่มันอยู่ที่อคติจะพาเราไปทางไหนมากกว่า
ที่้เขียนนี่ไม่ใช่เพื่ออวยสหรัฐ บุลลี่คู่แข่งนะครับ
ผมเป็นคนที่เชื่อว่าจีนเจ๋งพอจะวัดกับสหรัฐในเร็วๆนี้
แค่ไม่เชื่อน้ำยารัสเซียเท่านั้น
1
แต่อยากให้เข้าใจความเป็นจริงของโลกว่ามันอยู่ตรงไหน
เพราะในความจริง ไม่ว่าใครเก่งกว่า
มันก็พาเราซวยไปด้วยทั้งนั้นแหละ
1
แต่เราจำเป็นต้องมองเทคโนโลยีด้วยความเข้าใจ
มองให้รอบด้านของบริบทของพวกมัน
เหตุผลแห่งการ มีอยู่ ไปต่อ และล้มเลิก
แม้กระทั่งว่า ทำไมเขาถึงอยากให้เรารู้แบบไหน
1
เพราะเทคโนโลยี คือตัวกำหนดสมการอำนาจโลกอยู่เสมอ
ตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ที่เคยเป็นมา
1
…และจะเป็นแบบนั้นเสมอไป…
ไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี
และที่เห็นก็ไม่แน่จะเป็นอย่างปากว่า
เทคโนโลยีในดุลอำนาจโลกนั้น เป็นแบบนี้เสมอ…
…สำหรับอาวุธแล้ว มีแต่ในสนามรบเท่านั้นที่จะพิสูจน์…
…ซึ่งเราก็เห็นแล้ว ว่ารัสเซียปัจจุบันอยู่ในสภาพแบบไหน
เมื่อเผชิญหน้กับอาวุธเกรดบี จากค่ายตะวันตก พวกเขารู้
ครับ ว่าอยู่ตรงไหนของสมการอำนาจ เราบางคนเองนี่แหละ
ที่ไปรู้ดีกว่าพวกเขา…
คนจีน มีคำพูดว่า กระบี่ลับ น่ากลัวกว่ากระบี่เผย
แต่ก็น่าขำดีเหมือนกัน ที่พวกเขามักเผยกระบี่ของตัวเองเสมอ
ในขณะที่ฝรั่ง ที่มักใช้ดาบไม่มีฝัก กลับกลายเป็นพวกซุ่ม
…เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนล่ะเน้อ 😁😁😁…
**NGAD**
นี่คือโครงการพัฒนาอาวุธยุคที่ 6 ของสหรัฐ
ซึ่งเป็นความลับขั้นสุดยอดของพวกเขา
ไม่มีใครรู้สาระจริงๆของมันมากนัก
มีแต่กรอบกว้างๆ ที่เผยแพร่ออกมา ในการแก้ตัว
กับสภาฯ ในตอนมันมีปัญหา
มันมีสาระคร่าวๆ ครอบคลุมทั้งอากาศยานและอาวุธอื่นๆ
โดยเน้นไปที่เทคโนโลยีไร้คนขับ หรือควบคุมจากระยะไกล
มากที่สุด
หลังการถูกพบเห็นเครื่องรุ่นทดลอง จึงถูกนำไปเป็น
ประเด็นทางการเมือง เนื่องจากมีข่าวว่า อากาศยานเพียง
แบบเดียว ส่วนเดียว ใช้งบประมาณถึงปีละ 300 ล้านเหรียญ
จึงถูกตั้งคำถามในแง่ความคุ้มค่า
และด้วยความที่มันถูกเน้นกับการไร้คนขับ
จึงถูกมองว่าเป็นการใช้งบประมาณซ้ำซ้อนกับ
งบวิจัยพัฒนาโดรน ซึ่งมีอยู่แล้ว
สถานะปัจจุบันคือ โครงการโดนดอง
นี่แหละพิษการเมืองสไตล์มะกัน
ในอเมริกานอกจากการเมืองแล้ว
พวกผู้ผลิตอาวุธเอกชน ยังคอยเตะตัดขากันเองอีกต่างหาก
จนบางทีเละเทะไปหมด F35 นี่ก็ใช่ ใส่ไข่สาดโคลนกันจนเละ
แต่คาดว่าด้วยสถานการณ์โลกปัจจุบัน NGADน่าจะได้ไปต่อ
ซึ่งสหรัฐยังซ่อนความล้ำหน้ากว่าชาวบ้านเอาไว้อีกเยอะมาก
โดยเฉพาะ เครื่องบิน gen6 ของสหรัฐ
ที่ถูกวางคอนเซ็ปท์ไว้ว่ามันจะไม่มีนักบิน
และควบคุมจากระยะไกล ซึ่งการทดสอบ
ยานดำน้ำแบบ Manta ray ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ
ที่ประสบความสำเร็จ จ่อประจำการไปแล้ว
ถามว่าทำไมต้องไม่มีนักบิน หรือมนุษย์
คำตอบคือ
ทางสหรัฐนั้นเขื่อว่า ศักยภาพของร่างกายมนุษย์
ไม่สามารถไปได้ไกลกว่าเทคโนโลยีใน gen5 อีกแล้ว
เช่น มนุษย์ไม่สามารถทนแรง g ได้มากกว่าในปัจจุบัน
และการตัดสินใจต่างๆในปัจจุบัน ก็ช้ากว่าระบบ autopilot
ในรุ่น gen 5 ไปแล้ว
การตัดมนุษย์ออกไป หรือไปควบคุมระยะไกล
ก็เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเหล่านี้
มันจะทำให้ได้เครื่องบินที่เล็กขึ้น เร็วขึ้น สมรรถนะสูงขึ้น
บรรทุกอาวุธได้มากขึ้น เมื่อไม่มีมนุษย์มาเป็นภาระนั่นเอง
…มุมมองของ NGAD คือ มนุษย์เป็นภาระของเครื่องจักร…
1
…หลายคนจึงกลัวมัน บอกว่าไม่ต่างอะไรกับระบบอัตโนมัติ
ในหนังเรื่องคนเหล็กเลย ….
ข่าว
NGAD
ไม่มีใครรู้ว่ามันมีอะไร โผล่อีกทีคือได้เลือดแล้ว นี่แหละ อเมริกันสไตล์
โฆษณา