15 พ.ย. เวลา 08:35 • ความคิดเห็น

Skip-Level Meeting: ทำไงไม่ให้มีดราม่า

หลายๆ คนถามมาเมื่อเช้าว่า ทำแบบนี้ไม่ถือว่าคุยข้ามหัวเหรอ
บอกเลยว่าไม่ครับ องค์กรที่ทำกันแบบนี้ มีวัตถุประสงค์หลักคือการลด bureaucracy ในองค์กร จึงพยายามจะทำกันทั้งองค์กรตั้งแต่บนลงล่าง และเป็นเหมือนวัฒนธรรมองค์กร การประชุมแบบนี้เป็นการจัดประชุมแบบเปิดเผย คนเป็นหัวหน้าจะรู้ว่าหัวหน้าของตัวเองนัดคุยกับลูกน้องตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และคนนัดไม่ใช่ลูกน้อง ดังนั้นตัวเองจะบอกว่าเป็นการคุยข้ามหัวไม่ได้ และตัวเองก็ต้องทำตัวให้ดี ไป bully ลูกน้อง ก็มีสิทธิ์โดนฟ้องได้
ยิ่งไปกว่านั้น การประชุมแบบนี้เป็นประชุมที่มี agenda ชัดเจน (controlled agenda) ที่ไม่ได้คุยไปเรื่อย อยากคุยอะไรก็คุย แต่ก็กำหนดกรอบว่า ไม่ได้คุยสั่งงานโดยตรง แต่เป็นช่องทางในการถามสารทุกข์สุขดิบว่าทำงานโอเคมั้ย มีปัญหาอะไรรึเปล่า มีไอเดียอะไรเจ๋งๆ บ้าง เป็นต้น
อย่างหัวหน้าของหัวหน้าของผม เวลาคุยจบครั้งหนึ่ง เขาจะบอกว่าคราวหน้าเขาอยากให้เราคุยเรื่องอะไร และให้เราไปเตรียมตัวมาคุยกับเค้า การคุยแบบนี้ ทำให้เขารู้ว่าเราชอบทำอะไร ไม่ชอบทำอะไร มี priority ตรงกับเขาไหม
และที่สำคัญที่สุดคือ หัวหน้าผมเป็นคนที่จำรายละเอียดได้หมด เขาใส่ใจมากๆ จำไก้ว่าคราวที่แล้ว คุยอะไรไป ถึงตรงไหน ซึ่งส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้แหล่ะสำคัญที่สุดของการมี Skip-Level Meeting เพราะมันทำให้คนที่เข้า meeting รู้สึกว่ามีความสำคัญจริงๆ
อย่างของพี่เตา บรรยงที่ผมเคยทำงานด้วย อาจจะไม่เคยได้เห็น Skip-Level Meeting แบบนี้ แต่แกก็จะชอบเดินมาตอนเย็นๆ มานั่งเล่นไพ่จับหมูออนไลน์ ทำให้เราได้มีโอกาสคุยด้วยระหว่างเล่น บางวันก็จะชวนน้องๆ ที่ยังทำงานอยู่ตอนเย็นออกไปกินข้าวเย็น อาจจะดูเหมือนก็แค่เฮฮาสังสรรค์ แต่แกก็จะจำได้ทุกเม็ดว่ามีใครไปบ่น ไปเล่าเรื่องอะไรให้แกฟังบ้าง
ซึ่งสำหรับผม ในตอนนั้น ความรู้สึกมันคือ ทำไมพี่เค้าให้ความสำคัญกับเราจัง เราเป็นแค่ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง (ตอนนั้นยังผอมอยู่) ในองค์กร แกก็บอกว่า คนทั่วไปอาจจะสนใจเรื่องของคนอื่นแค่ 1% แต่สำหรับแก แกอาจจะใส่ใจเรื่องของคนอื่นแค่ 10% แต่มันก็เป็น 10 เท่าของคนอื่นแล้ว
ส่วนอีกหนึ่งความประทับใจก็คือพี่สม mentor ในโครงการ IMET ถึงแม้ผมจะไม่เคยได้รับการ mentor แต่คนที่เป็น mentee ของพี่เขา ก็มักจะเล่าว่า ไม่ว่าพี่เขาจะยุ่งแค่ไหน เขามีแฟ้มของทุกคน รู้ประวัติ และศึกษาก่อนมาเจอ มีการจดบันทึกรายละเอียดว่าคุยอะไรกันไปทุกครั้ง ทำให้รู้สึกว่า เขาให้ความสำคัญกับเราจริงๆ
Meeting กับคนแบบนี้ล่ะครับถึงทำให้เราใจฟู ทำงานสู้ตาย
โฆษณา