What If รัสเซียไม่ขายอลาสก้าให้สหรัฐ
โดย
หากรัสเซียไม่ขายอลาสก้าให้กับสหรัฐในปี 1867 และ ยังคงครอบครองดินแดนดังกล่าวจนถึงปี 2024 สถานการณ์โลกและบทบาทของรัสเซียในเวทีระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ผลกระทบต่อรัสเซียในด้านต่างๆ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
- ★ข้อดีของรัสเซีย
1) การเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ
○ อลาสก้ามีทรัพยากร
ธรรมชาติมหาศาล เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ทองคำ และ แร่ธาตุอื่นๆ ซึ่งรัสเซียสามารถใช้เพื่อเสริมเศรษฐกิจและเป็นผู้เล่นหลักในตลาดพลังงานโลก
○ การควบคุมทรัพยากรนี้ช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของรัสเซียและเพิ่มอำนาจต่อรองในระดับสากล
2) อิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ในอเมริกาเหนือ
○ การที่รัสเซียยังคงครอบครองอลาสก้าจะทำให้รัสเซียมีบทบาททางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคอเมริกาเหนือ
○ รัสเซียสามารถใช้อลาสก้าเป็นฐานทางทหารและเศรษฐกิจในการสร้างอิทธิพลใกล้กับสหรัฐและแคนาดา
3) การส่งเสริมการพัฒนาในอาร์กติก
○ อลาสก้าเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่อาร์กติก รัสเซียสามารถใช้ดินแดนนี้เพื่อขยายเส้นทางเดินเรือใหม่ (Arctic Shipping Routes) และเพิ่มความสำคัญในเศรษฐกิจโลก
4) ความภาคภูมิใจในดินแดนประวัติศาสตร์
○ การรักษาอลาสก้าไว้จะเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความสำเร็จในด้านการปกครองดินแดนของรัสเซีย
- ★ข้อเสียของรัสเซีย
1) ค่าใช้จ่ายสูงในการพัฒนาและดูแลดินแดน
○ อลาสก้าเป็นพื้นที่กว้างใหญ่และมีสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง การดูแลและพัฒนาดินแดนนี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาล เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ
○ หากรัสเซียไม่สามารถพัฒนาพื้นที่นี้ได้ดีเท่าสหรัฐ อลาสก้าอาจกลายเป็นภาระทางเศรษฐกิจ
2) ความเสี่ยงทางการทหารและภูมิรัฐศาสตร์
○ การครอบครองอลาสก้าอาจเพิ่มความตึงเครียดกับสหรัฐและประเทศพันธมิตรในนาโต้ เพราะอลาสก้าตั้งอยู่ใกล้กับดินแดนหลักของสหรัฐ
○ รัสเซียอาจเผชิญกับการกดดันทางทหารหรือการแทรกแซงทางการเมืองจากสหรัฐ
3) ข้อจำกัดในการเข้าถึงทรัพยากร
○ หากรัสเซียไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีการขุดเจาะและสำรวจทรัพยากรในอลาสก้าได้เท่ากับสหรัฐ ทรัพยากรเหล่านี้อาจไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
4) การจัดการกับชนพื้นเมือง
○ รัสเซียอาจต้องเผชิญกับความขัดแย้งหรือข้อพิพาทกับชนพื้นเมืองในอลาสก้าเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ทรัพยากร และวัฒนธรรม
✏️ Charifkub
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
