Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Pamellia Talk: Economic and Lifestyle
•
ติดตาม
16 พ.ย. เวลา 07:41 • ข่าวรอบโลก
EP 46: TSMC สมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์บนปลายเข็ม
การกลับมาของทรัมป์ 2.0 และเงาสงครามการค้า
การเมืองในสหรัฐฯ มีแนวโน้มพลิกกลับมาเผชิญหน้ากับจีนอย่างดุเดือด หากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งปี 2024 นโยบาย “America First” ของเขาอาจหวนคืน และสงครามการค้า (Trade War) ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2018-2020 อาจรุนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก การจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการตั้งกำแพงภาษี อาจกลายเป็นเครื่องมือหลักของสงครามการค้านี้อีกครั้ง
ภายใต้บริบทนี้ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก กลายเป็นตัวละครสำคัญในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ด้วยบทบาทที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในสงครามชิปที่กำลังคุกรุ่น
TSMC สมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์บนปลายเข็ม
●
สหรัฐอเมริกา: TSMC ถูกกดดันให้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยังอเมริกา โดยการสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนาเป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากเอเชีย
●
จีน: TSMC ต้องรับมือกับแรงกดดันจากจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญและยังต้องหลีกเลี่ยงการถูกครอบงำทางการเมือง
●
ไต้หวัน: ในฐานะที่ตั้งของบริษัท TSMC มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของไต้หวัน ความพยายามในการย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศอาจสร้างความกังวลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจในประเทศ
●
สงครามเทคโนโลยี: TSMC อยู่ท่ามกลางข้อพิพาททางเทคโนโลยีระหว่างจีนและอเมริกา เช่น การควบคุมการส่งออกชิปขั้นสูง
●
ความเสี่ยงห่วงโซ่อุปทาน: หากเกิดความขัดแย้งทางทหารหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติในไต้หวัน อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างรุนแรง
●
การรักษาสมดุล: การตัดสินใจของ TSMC ในการลงทุนหรือการส่งออกเทคโนโลยีต้องผ่านการพิจารณาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน
6 ปัจจัยที่ทำให้ TSMC กระทบภูมิรัฐศาสตร์โลก
●
ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี: TSMC ผลิตชิปขนาดเล็กที่สุดในโลก ซึ่งจำเป็นสำหรับอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย เช่น สมาร์ทโฟน 5G และ AI
●
การกระจุกตัวในไต้หวัน: ไต้หวันผลิตชิปกว่า 90% ของโลก ทำให้ภูมิภาคนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก แต่ก็เสี่ยงต่อความขัดแย้ง
●
การควบคุมเทคโนโลยีขั้นสูง: การเข้าถึงชิปขั้นสูงเป็นเป้าหมายของอเมริกาและจีน ซึ่งทำให้ TSMC ต้องรับแรงกดดันทั้งสองฝ่าย
●
ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: หากเกิดความขัดแย้งระหว่างจีนและไต้หวัน ผลกระทบจะลุกลามไปยังเศรษฐกิจโลก
ผลกระทบทางเศรษฐกิจหากเกิด Trade War รอบใหม่
สงครามการค้าในยุคของทรัมป์ 2.0 อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งอาจวัดผลกระทบในรูปตัวเงินและดัชนีเศรษฐกิจได้ดังนี้:
●
ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากกำแพงภาษี: หากมีการตั้งภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ 25% ราคาสินค้าเทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้น 10-15% และทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องรับต้นทุนเพิ่มหลายพันล้านดอลลาร์
●
การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน: หาก TSMC ถูกจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูง มูลค่าการค้าระหว่างประเทศอาจลดลงกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
●
การลดการเติบโตทางเศรษฐกิจ: สงครามการค้าอาจลด GDP โลกลง 0.5-1% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 800,000 ล้านดอลลาร์
●
การชะลอการลงทุน: บริษัทเทคโนโลยีอาจลดการลงทุนในนวัตกรรม หากต้องรับภาระต้นทุนจากสงครามการค้า
แนวทางการรักษาสมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์
TSMC สามารถใช้กลยุทธ์กระจายความเสี่ยงเพื่อรักษาสมดุลระหว่างแรงกดดันจากประเทศต่าง ๆ และความมั่นคงของบริษัทเอง โดยมีแนวทางดังนี้:
●
การสร้างโรงงานในต่างประเทศ: TSMC ลงทุนกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ในการสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนา ซึ่งถือเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทนอกไต้หวัน โดยโรงงานนี้มีเป้าหมายผลิตชิป 5 นาโนเมตรและ 4 นาโนเมตรสำหรับตลาดอเมริกา
●
การสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับประเทศพันธมิตร: TSMC สามารถร่วมมือกับบริษัทและรัฐบาลในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย เช่น การพัฒนาชิปสำหรับ AI และ 5G
●
การพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำอย่างต่อเนื่อง: การลงทุนใน R&D เพื่อผลิตชิปขนาดเล็กลง เช่น ชิป 2 นาโนเมตร ช่วยให้ TSMC รักษาความเป็นผู้นำในตลาด
มุมมอง TSMC ในปี 2030
ในปี 2030 TSMC คาดว่าจะยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง และการขยายการลงทุนในระดับโลก
1. การคงความเป็นผู้นำเทคโนโลยี:
TSMC น่าจะยังคงเป็นผู้ผลิตชิปขั้นสูง เช่น ชิปขนาด 2 นาโนเมตร และมีบทบาทสำคัญในตลาดเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และรถยนต์ไฟฟ้า
2. ความหลากหลายในฐานการผลิต:
การลงทุนในอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป จะช่วยให้ TSMC มีความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทาน และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาไต้หวัน
3. การเผชิญหน้ากับความตึงเครียดระหว่างประเทศ:
แม้ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ อาจทวีความรุนแรง TSMC อาจใช้ความเป็นกลางและกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงเพื่อรักษาตำแหน่งในตลาดโลก
4. การขยายฐานลูกค้า:
TSMC มีโอกาสขยายฐานลูกค้าใหม่ในตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดีย และอาเซียน ซึ่งมีการเติบโตในเทคโนโลยีดิจิทัล
5. ความยั่งยืนและพลังงานสะอาด:
TSMC อาจลงทุนในพลังงานสะอาดและลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้ถือหุ้นในยุคที่ยั่งยืนมีความสำคัญ
ในภาพรวม TSMC มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยต้องอาศัยกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ และความยืดหยุ่นต่อแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์
Econ Insight: สอบศัพท์เศรษฐศาสตร์
1. ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics)
ศาสตร์ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภูมิศาสตร์ การเมือง และเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อการกำหนดนโยบายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น การตัดสินใจของ TSMC ในการตั้งโรงงานในต่างประเทศเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงทางการเมือง
2. ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
กระบวนการที่สินค้าและบริการถูกผลิตและส่งต่อจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค เช่น การที่ TSMC ผลิตชิปในไต้หวันแล้วส่งออกไปยังบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก
3. สงครามการค้า (Trade War)
ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ใช้มาตรการทางการค้า เช่น กำแพงภาษีหรือข้อจำกัดการนำเข้า เพื่อสร้างความได้เปรียบให้ประเทศของตน เช่น ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
4. การกระจายความเสี่ยง (Risk Diversification)
กลยุทธ์ลดความเสี่ยงโดยการกระจายการลงทุนหรือทรัพยากรไปยังหลายพื้นที่หรือกิจกรรม เช่น TSMC ลงทุนสร้างโรงงานในอเมริกาและญี่ปุ่นเพื่อลดการพึ่งพาไต้หวัน
บทความอ้างอิง
●
Baldwin, R. (2021). Global Supply Chains: Why They Matter. Harvard University Press.
●
Chang, C. (2023). "The Semiconductor Crisis and TSMC's Strategy." Asian Economic Review, 29(4), 12-25.
●
Smith, J., & Lee, K. (2022). "Geopolitical Challenges
ข่าวรอบโลก
จีน
สหรัฐอเมริกา
บันทึก
3
2
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย