16 พ.ย. เวลา 13:28 • ประวัติศาสตร์

ยุโรปตะวันออก ไม่เคยเปลี่ยนแปลง…

เรื่องความแตกแยก เหยียดเชื้อชาตินี่
ถ้าจะมองไปทั่วโลกแล้ว คงไม่มีที่ไหนมากเท่า
ในยุโรปตะวันออกแล้วล่ะ
พวกเขามีปัญหาเสมอ แล้วบ่อยครั้งมันก็ลามมาที่
วงการกีฬา บันเทิง หรือแทบทุกวงการ
เรื่องสีผิวก็หนัก นักบอลผิวสี ทีมชาติ อังกฤษ ฝรั่งเศส
โดนมาแล้วทั้งนั้น ระดับสโมสร พวกเอเชียก็โดน
แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังบุลลี่กันเองด้วย
โดยเฉพาะชาติในภูมิภาคบอลข่านกันเอง
เรียกว่ามีความหลัง ปมไส้กันกี่ขด ก็ขุดมาเล่นกันหมด
ล่าสุดคือโรมาเนีย ไปตะโกนเรียก “เซอร์เบีย” ในเกมส์
กับโคโซโว จนนักเตะโคโซโววอลค์เอาท์โดนปรับแพ้ไป
…ซึ่งบอกตรงๆ น่าเห็นใจโคโซโวมาก เพราะปมกับเซอร์เบีย
หรือชาวเซิรบ์นั้น มันไม่ควรเอามาเล่นเลย….
เพราะนั่นคือการตอกย้ำถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ
ในยุค 90 โดยพวกเซิรบ์ ภายใต้การนำของ สโลโบดัน
มิโลเซวิช ที่หลายคนยังทัน และยังมีชีวิตอยู่
ส่วนมากก็รุ่นพ่อแม่ของนักเตะโคโซโวเอง ที่ยังไง
ก็คงต้องเล่าให้ลูกหลานฟัง
…พวกเขา ได้รับฟังจากคนที่มีประสบการณ์ตรง
ถึงความโหดร้ายในเวลานั้น และยังอยู่ในใจของคนรุ่นโค้ช
และทีมงานหลายคน ที่น่าจะอยู่ในเหตุการณ์….
…ส่วนตัว ผมมองว่ายูฟ่าทำไม่ถูก ที่ไปปรับแพ้โคโซโว…
…มันควรเป็นการลงโทษโรมาเนียเสียมากกว่า
ที่ทำเรื่องน่าละอายแบบนั้น ….
บอลข่าน ดินแดนที่เดือดยิ่งกว่าตะวันออกกลาง !
คนส่วนมากเข้าใจว่าดินแดนแถบนี้
รวมถึงความขัดแย้งในยูเครนปัจจุบัน
ถูกสร้างปัญหาขึ้นด้วยมหาอำนาจยุคใหม่
อย่างสหรัฐ และโซเวียตรัสเซีย ในยุคหลัง
แต่ความจริงนั้นไม่ใช่
ไม่ใช่แม้แต่กับมหาอำนาจโลกเก่า เข่นพวกอังกฤษ
ฝรั่งเศส ออสโตร-ฮังการี และออตโตมัน
ว่ากันตามประวัติศาสตร์ ดินแดนแถบนี้มีปัญหา
มาตั้งแต่ยุคโรมัน หลังการเสื่อมอำนาจของกรีก
มาเซโดเนียเลยทีเดียว
1
แนวคิดแบบรัฐย่อย ที่แบ่งตามเชื้อชาติแบบกรีก
มันไม่เคยหายไปจากใจคนในแถบนี้เลย จนถึงปัจจุบัน
ในสมัยโรมัน ซึ่งครองคาบสมุทรอิตาลีอยู่
มันอาจเป็นช่วงที่ดินแดนแถบนี้สงบสุขที่สุด
เพราะด้วยความใกล้กับโรม และลักษณะเฉพาะของ
โรมัน ที่ค่อนข้างจะไม่จำกัดความด้วยเชื้อชาติ
มันทำให้ความคิดเผ่านิยมนั้นจางลงไป
( ชาวโรม ไม่ได้เฉพาะแค่ชาวอิทราสกัน บนคาบสมุทรอิตาลี
แต่หมายรวมถึงใครก็ตาม ที่มีค่านิยมแบบโรม
เราจะเห็นว่า จักรพรรดิโรมันเอง ก็มีที่มาจากแทบทั่วยุโรป
เช่น คาลิกูลา มาจากไอบีเรีย แถวสเปน เป็นต้น )
แต่ก็เป็นความสงบสุขฉากหน้า ภายใต้การดูแลของพวกโรม
แต่ในใจ ในเนื้อแทั พวกเขาก็ยังต้องการดินแดนชนเผ่าเหมือนเดิม แต่ช่วงนั้น ก็ปกครองกับแบบเป็น war lord , land lord
จนโรมันตะวันออก(คอนสแตนติโนเปิล)ล่มสลาย
แล้วถูกแทนที่ด้วยออตโตมัน และการแผ่ขยายของ
อาณาจักรอิสลามเข้ามานั่นแหละ ที่ทำทำให้ดินแดนแถบนี้
กลับมาเดือดอีกครั้ง
ปัญหาไม่ได้ต่างจากตะวันออกกลางเลย
เมื่อแลนด์ลอร์ดหรือหัวหน้าเผ่าทั้งหลาย
ปลุกผีเผ่านิยม เพื่ออ้างสิทธิ์เหนือดินแดนต่างๆ
1
ในโลกยุคนั้น พวกมหาอำนาจโลกเก่า ก็เริ่มแพร่ขยาย
อิทธิพลบ้างแล้ว หลังรวมชาติได้สำเร็จ
พวกหัวหน้าเผ่าทั้งหลาย จึงอาศัยพวกเหล่านี้ เพื่อเป็นที่
พึ่งพิง และเพื่อความได้เปรียบของตน ในการสร้างดินแดน
แต่ละเผ่า ก็เลยวิ่งซุกมหาอำนาจโบราณ ตามจริต
และผลประโยชน์ที่ถูกเสนอต่างๆกันไป
บ้างก็ออตโตมัน บ้างก็ไปทางยุโรปตะวันตก
และบ้างก็รัสเซีย
บอลข่านถูกฉีกเป็นชิ้นๆ อีกครั้ง ยิ่งเมื่อความเชื่อเข้ามามีส่วน
ความขัดแย้งก็ยิ่งสูงมาก เพราะแต่ละเผ่า ก็เข้ารีตตามแบ็คอัพ
จึงมีทั้ง ออโธด็อกซ์ คาธอลิก และอิสลาม
…ซึ่งสายศาสนาคริสต์ ยังถูกแยกยิบย่อยไปอีก เช่น
ออโธด็อกซ์ เคียฟ (ยูเครนปัจจุบัน) และออโธด็อกซ์ เซนส์ ปีเตอร์สเบริก(เมืองหลวงเก่าทางศาสนา ของจักรวรรดิ รัสเซีย)
และพวกที่เป็นคาธอลิก…
เละ เราพูดได้คำเดียวแบบนั้น สำหรับภูมิภาคนี้
สารพัดความต่างมันมากมายจริงๆ
และด้วยความคิด ที่แลนด์ลอร์ดใช้กับชาวบ้าน คือเผ่านิยม
มันก็ยิ่งปั่นหัวคนแถวนี้หนักเข้าไปอีก ไม่ให้ยอมรับ
คนอื่น เผ่าอื่น พวกเขาสร้างศัตรูเพื่อผลประโยชน์
ทางการเมือง โดยปั้นเรื่องราวมากมายที่กลายเป็น
ตำนานท้องถิ่นในภายหลัง
มหาอำนาจยุคนั้นก็หวานสิ ใช้จุดนี้เป็นเครื่องมือ
โหมกระพือมากขึ้น จนรัฐเล็กรัฐน้อยแถวนี้ทำสงครามกัน
ไม่หยุดหย่อน จนหาความสงบแทบไม่ได้
พอมาถึงโลกยุคใหม่หน่อย การเสื่อมอำนาจของรัสเซีย
และออตโตมัน ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในดินแดน ก็เกิดขึ้น
ในช่วงศตวรรษที่ 19 ตอนปลาย
รัฐเล็กๆ ที่เคยอยู่ใต้รัฐที่มีรัสเซีย และออตโตมัน
แบ็คให้ ก็เริ่มต่อต้าน เพราะรัฐที่ใหญ่กว่า เสื่อมอำนาจ
ตามแบ็คอัพ แล้วพวกอังกฤษ เยอรมัน ฮังการี
ก็เข้ามาแทรกมันก็ยิ่งเละ
หลายรัฐ หลายเผ่า เริ่มประกาศเอกราช เช่น บัลแกเรีย
โรมาเนีย จนทำสงครามกันเองให้วุ่นวายไปหมด
และนั่น ทำให้มหาอำนาจโลกยุคนั้น อย่างปรัสเซีย(เยอรมัน)
ออสโตร-ฮังการี รวมถึงอังกฤษ เข้ามามีบทบาทแทนพวก
รัสเซีย ออตโตมัน
มันก็ยิ่งเกิดความวุ่นวาย
จนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในท้ายที่สุด
เมื่อพวกแบ็คอัพทั้งหลาย กระทบกระทั่งกันเอง
และสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็คือปฐมบท
ของครั้งที่สอง
ดังนั้น เราอาจพูดได้เลยว่า สงครามโลกทั้งสองครั้ง
มันก็เกิดจากดินแดนต้องสาบ คือบอลข่านนี่เอง
…และหลังจากนั้น คือประวัติศาสตร์ที่เรารู้กันดี….
ล่วงมาถึงยุคโซเวียต ดินแดนแถบนี้ส่วนมาก
เป็น warsaw pact หรือดินแดนที่เป็นคอมมิวนิสต์
และอิงกับสหภาพโซเวียต
แนวคิดคอมมิวนิสต์แบบโซเวียตนั้น มีลักษณะ
ความเป็นชาตินิยมสูงมาก
พวกบอลข่านต่างก็รับแนวคิดมาทำต่อ
ชาตินิยม เผ่านิยมที่รุนแรงอยู่แล้วในแถบนี้
จึงถูกทำให้มันแรงมากขึ้นไปอีก เพื่อเป็นเครื่องมือของ
คนที่มีอำนาจ แบบที่เรารู้จักดี คือ ติโต แห่งยูโกสลาเวีย
ไอ้ที่แยกไปก่อนอย่าง บัลแกเรีย โรมาเนีย เชคโกสโลวาเกีย
พวกนี้ยังไม่เท่าไหร่
แต่พวกในบอลข่านแท้ๆ ที่เชื่อว่าตัวเองสลาฟแท้กว่าชาวบ้าน
จนรวมตัวกันในช่วงแรกเป็นยูโกสลาเวีย ไอ้พวกนี้หนัก
ฆ่ากันเองแทบไม่เว้นแต่ละวัน
และหลายกรณี มีลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ซึ่งทางโซเวียตตอนนั้น ก็เลือกจะเพิกเฉย
เพราะเชื่อว่าชาวเซิรบ์นั้น มีความใกล้ชิดทาง
สายเลือดกับชาวรุสมากกว่า
( คนรัสเซียที่ชี่อลงท้ายด้วย -วิช พวกนี้มีเชื้อสายเซิรบ์
ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีอยู่มากในรัสเซีย )
และแม้ทางมอสโคว์จะไม่ชอบขี้หน้าติโต นัก
ก็ยังมองว่าการสนับสนุน หรือปล่อยให้พวกเซิรบ์
กดขี่ชนกลุ่มอื่นนั้น เป็นเรื่องถูกต้อง
เช่นเดียวกับที่พวกเขาทำกับชาวยูเครน ในสมัยสตาลิน
ทุกอย่าง เละเทะ โหดร้ายอย่างยิ่ง
แม้โซเวียตจะมีอิทธิพลเหนือ น่าจะควบคุมได้
แต่เพราะโซเวียตนั้นค่อนข้างลำเอียงเกินไป
สุดท้าย รัฐเล็กน้อยต่างๆ ที่ไม่ไหวจะทนกับพวกเซิรบ์
จึงไปลากมหาอำนาจใหม่อย่างสหรัฐเข้ามา
เพื่อปลดปล่อยตัวเอง หลังการล่มสลายของโซเวียต
ความระแวง ความแค้นของโซเวียตที่สิ้นชาติ
ก็เลยไปลงเอากับคนที่ไม่ใช่เซิรบ์ ที่ชาวรุสถือว่าเป็นพี่น้อง
โดยผ่านมือของมิโลเซวิช
และชายที่อยู่หลังมิโลเซวิช นั่งชมการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ
อย่าเพลิดเพลิน…
ก็คือผู้อดีตผู้อำนวยการเคจีบี ภาคพื้นยุโรป
ที่เคยประจำอยู่ในเยอรมันตะวันออก
ก่อนถูกเยอรมันถีบออกมา หลังเบอร์ลินแตก
จนต้องมาประจำอยู่ที่เบลเกรดด้วยความเจ็บแค้น
…และเขายังจำ มาเพื่อล้างแค้นในวันนี้ ที่เขามีอำนาจ…
…ครับ ชายคนนั้น ชื่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่สร้างสงครามอยู่
ในวันนี้นี่แหละ เรียกว่ามือเปื้อนเลือดมาตั้งแต่ตอนนั้น
ชาวตะวันตกนั้นรู้ดี จึงไม่เคยเชื่อใจเขาเลย ซึ่งก็สมควร
และการชมการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ สำหรับปูตินแล้ว
นั่นคือบทเรียนที่สมควรแล้ว ที่ต้องมีต่อคนทรยศ!!!….
การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุครั้งนั้น กลายเป็นปัญหา
เป็นปมในใจชาวบอลข่าน รวมถึงชาวยุโรปตะวันออก
ไปทั่ว ทั้งแค้นกันเอง และระแวงผู้อยู่เบื้องหลัง
…และเป็นมาจนถึงสงครามยูเครนในวันนี้…
ถ้าจะให้เขียนจริงๆ คงต้องใช้เวลาเป็นเดือน
กว่าจะไล่ความวุ่นวายแถวนี้จบสิ้น
หรือมันอาจไม่มีวันจบสิ้นด้วยซ้ำไป
การบอกว่าดินแดนแถบนี้ ยิ่งกว่าตะวันออกกลางนั้น
ไม่ผิดอย่างแน่นอน
เพราะจะอย่างไร ในตะวันออกกลาง ไม่เคยมีลักษณะ
ของการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุระหว่างกัน แต่มันเป็นลักษณะ
ของสงคราม ต่างฝ่ายต่างรบกัน
แต่บอลข่านนั้นมี และมีมาตลอดประวัติศาสตร์
นั่นทำให้คนแถวนี้เกลียดกัน ในระดับที่สูงมาก
มาจนถึงปัจจุบันนี้
ปัจจุบัน พวกเขาแม้จะอยู่ในยุโรป แต่ก็ถือว่ายากจน
ประเทศส่วนมากคือจนกว่าไทยทั้งนั้น
พวกเขาจึงไม่ได้มีความพร้อมอะไร ที่จะทำสงครามกันเอง
ประกอบกับความกลัวที่มีต่อรัสเซีย และพันธะสัญญากับนาโต้
มันจึงทำให้พวกเขาหยุดฆ่ากันเอง “อย่างเปิดเผย”
แต่นั่น ไม่ได้ทำให้ดีกรีความเกลียดกันลดลง
พวกเขายังมีความรุนแรงต่อกันเสมอ มากบ้าง
น้อยบ้าง ในแบบที่ชาวโลกอาจไม่รู้ แต่พวกเขารู้ดี
หลายครั้ง มันถูกแสดงออกในสังเวียนกีฬา
การตีกันของกองเชียร์ชาติเหล่านี้ ไม่ใช่เกิดจาก
ความคลั่งในกีฬา เหมือนที่เกิดขึ้นกับฮูลิแกนอังกฤษ
1
แต่มันคือภาพจำลองของสงคราม แห่งความเกลียดชัง
ที่มีต่อกัน ที่ไม่เคยจางหายไปเลย
…และด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน มันก็ยิ่งไม่มีทางจบสิ้น…
น่าขำพวกเขาไม่น้อย ที่เมื่อสืบสายพันธุ์ไปจริงๆ
ชาวบอลข่านทั้งหมด ล้วนเป็นลูกหลานชาวสลาฟ
แต่กลับต้องมาฆ่ากันเอง เพราะเรื่องในอดีต
ที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมา โดยพวกแลนด์ลอร์ดหลายร้อยปีก่อน
ซึ่ง มันคงยาก ที่จะจางหายไป ปมใหม่ปมเก่า
มันถูกสุมขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ปัจจุบัน รัสเซียพยายามอย่างมาก ที่จะปลุกกระแส
ชาวสลาฟผู้ยิ่งใหญ่ และแบะท่าสนับสนุนพวกเซิรบ์
เต็มที่ เพื่อดึงพันธมิตรเก่า ในความขัดแย้งใหม่
ส่วนพวกที่เลือดห่างกับสลาฟหน่อย อย่างชาวโรมาเนีย
เชค และโปล ก็วิ่งเข้าหาค่ายตะวันตกด้วยความกังวล
ว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมเหมือนยูเครน
เพราะแบบนี้ เรื่องราวในอดีต ที่ใครผิดใครถูก
และการขอโทษระหว่างกัน มันย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้
ผ่านการชำระประวัติศาสตร์ร่วมกัน
เหมือนที่พวกยุโรปตะวันตกเคยทำ และยุติข้อบาดหมาง
หลายร้อยปีลงไปได้
ยุโรปตะวันออก จะเป็นแบบนี้ตลอดไป
…จนกว่าพวกเขาจะเข้าใจตัวเอง ว่าเป็นใคร มาจากไหน…
…ซึ่งน่าเศร้ามาก ที่จริง มันแย่พอๆกับสงครามเผ่าในแอฟริกา
เลยทีเดียวล่ะนะ….
…เพราะงี้ ผมถึงคิดว่าพวกโรมาเนียทำน่าเกลียดมาก..
…และสมควรอย่างยิ่งที่ต้องถูกลงโทษ…
…ไม่ใช่แค่ในแง่กีฬา แต่มันเป็นทุกทาง…
เอาจริงๆ ไม่โดนคนโคโซโวกระทืบแล้วกลับบ้านได้ นี่ก็ดีแล้ว
…ยังไม่สำนึก มาปากแจ๋วอะไรอีก 😑😑😑…..
ข่าว
โฆษณา