17 พ.ย. เวลา 16:51 • ปรัชญา
เรื่องราวของพระอรหันต์นั่น เป็นเรื่องราวที่ออกจะยากที่จะเข้าไปพบเห็น ..เราเกิดมาในยุคกึ่งพุทธกาล เราไม่สามารถได้ เพราะยุคสมัย มันเปลี่ยนแปลง บางทีเราก็ได้ยินว่าองค์นั่นองค์นี้ เป็นพระอรหันต์ เราก็รู้สึกว่า คนเราเรามีความคิดอย่างไรกันน่ะ ขนาดชี้ได้ว่า นี่อรหันต์ต้องเป็นอย่างนี้
พอเรามาเทียบเคียง เรื่องราวองค์พระสิทธัตถะบ้าง เรื่องราวเจ้าชาย เศรษฐีต้นพุทธกาล ต่างก็ทิ้งรัพย์สมบัติ ทิ้งยศฐานบรรดาศักดิ์ ไปเดิน ไปนั่งไปนอน กับพื้นดิน ..กันทั้งนั่น ..ไปอยู่ตามถ้ำตามเขา บางองค์ก็ไม่ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ ก็ฟังจากพระอัครสาวกก็สำเร็จบรรลุธรรม ด้วยความเพียร ความขันติ พอท่านสำเร็จ ท่านก็ไม่ได้เข้าพระนิพพานเลย ยังอยู่ประคองกาย เพื่อประคอง ศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ..ให้ครบห้าพันปี ตามที่พระพุทธเจ้าท่านอธิฐานไว้
เรื่องเขียนมานี้ อย่าไปเชื่อเรา ..มีหลายพระองค์ท่านยังมีชีวิตอยู่ตั้งแต่ตนพุทธกาล ..เมื่อเรามาเกิดในรุ่นหลัง เราก็สร้างบุญกุศล เอาธาตุนะโม มากระทำ ..มาประพฤติปฏิบัติธรรม ในรอยทั้งสี่ เวลาอุทิศกุศล ก็เอาจิตมาอุทิศกุศล เอาธาตุนะโมมากระจายบุญกุศล ..ให้ผู้ที่เคยคล้องกรรม แต่ไปตกที่ทุกข์ทรมาน ..หรือ ทำดีๆ ก็ช่วยให้เค้าไปสู่สถานที่ดีๆ ช่่วยเหลือเกื้อกูลกันไป ..
มีพระท่าบอกว่า อยากพบเจอะเจอท่าน ก็สร้างบุญกุศลบารมี ปฏิบัติธรรมต่ามรอยของท่าน ..ท่านทำอย่างไร เราก็เอามาฝึกหัดบ้าง แต่ต้องทำด้วยความนอบน้อม . ท่านไปทำกายนิ่ง จิตนิ่ง ในป่า เราก็ฝึกหัดขึ้นมา .ไปเอาคาถาอาคม …นั่นมันเรื่องของคนอยากมีทุกข์มีกรรม..ใครเค้าจะไปช่วยได้ . เรื่องสำคัญอันดับนต้น เรื่องความกตัญญูรู้คุณบิดามารดา .หากละเลย ไม่รู้จักธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา ..นั่นก็เป็นเรื่องยาก ที่จะเดินตามรอยของท่าน ..
ศาสนาของพระพุทธเจ้านั่นบริสุทธิ์ ชี้ทางให้สร้างบุญกบารมีหนีกรรม ..หนีไปจนที่สุด ก็หมดการเกิด แต่คนสมัยนี้ เค้าไม่ทำเพื่อหนี เค้าเอาศาสนามาทำมาหากิน .สิ่งที่ได้มีแต่คำว่ากรรม นรกอเวจี เมื่อจิตออกจากกายไป ..เพราะเอามาอยู่ในศาสนา ก็มีแต่อารมณ์โลภโกรธหลง แล้วรอยที่พระท่านกระทำ รอยทั้งสี่นั้นมีมั้น ..ไม่มีก็ ก็มีอะไรใช้หนี้ ความเหน็ดเหนื่อยที่ญาติโยม เค้าไปหาปัจจัย มาสาธุ จบถวาย .นั่นแหละ ..เป็นหนี้ ..ที่เค้าเลี้ยง ..
โฆษณา