Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หัองกาแฟดำ ☕
•
ติดตาม
18 พ.ย. เวลา 03:01 • ไลฟ์สไตล์
มองท้องฟ้าแล้วหาความหมายของมันให้เจอ
จะเป็นคนที่ไม่ตั้งคำถามกับใคร
จะเป็นคนที่ไม่ร้องขอความรักจากใคร
จะเป็นคนที่ไม่เล่นเกมในทุกความสัมพันธ์
จะเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใครในความรัก
จะเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง
-Blackcoffee-
คิดอยู่นานว่าจะเขียนดีไหมแต่วันนี้บทเรียนทุกอย่างที่ผ่านมาให้คำตอบแก่ตัวเราอย่างสมบูรณ์จนกลายเป็นคนที่เข้าใจโลก เข้าใจคน สุดท้ายเข้าใจตัวเองมากที่สุด
ตลอดหลายสิบปีในชีวิต ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์มีผลกระทบต่องาน ชีวิต แต่จะมากน้อยขนาดไหนแต่ละคนเจอมาไม่เท่ากันต่อไปนี้เป็นเรื่องของเราที่มาแบ่งปัน
ช่วงวัยทำงาน 30 ปีแรกเป็นปีที่พลังงานของเราสูงสุดกระตือรือร้น รักการเรียนรู้ บ้างานแล้วมีโอกาสได้ทำงานที่หลากหลายมีหัวหน้างานเจ้านายที่ดีสอนงานให้เราเป็นคนที่เก่งมีความสามารถหลายๆด้าน สอนให้เราก้าวผ่านความกลัวไปสู่การทำงานที่เปิดศักยภาพ ครอบครัวก็อบอุ่น เราเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงมากมองโลกด้วยทัศนคติบวก แล้วก็พอใจกับสิ่งที่มีเสมอ การเรียนก็ดีจนจบปริญญาโทแต่ไม่คิดที่จะมีแฟน
มีคนเข้ามาในชีวิตเยอะยังไม่เจอใครสักคนที่คิดว่าเราจะเสียเวลาไปใช้ร่วมกับเขาได้ ที่สำคัญก็คือรู้สึกว่าในช่วงวัยเด็กของเราเนี่ยเราถูกจำกัดให้อยู่แต่ในกรอบในเส้นทางที่คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างคาดหวังไว้ ครูคนรอบข้างก็มีส่วน ทำให้เราเป็นเด็กที่โตมาแบบขาดอิสระ เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่เป็นเด็กที่เรียนหนังสือได้ดีใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยเป็นตัวแทนของคุณครูทำกิจกรรมต่างๆซึ่งมันขัดกันนิสัยแต่ก็ต้องยอม
พอได้มีอิสระในการทำงาน การใช้ชีวิต การเดินทางเราเลยโหยหาสิ่งเหล่านั้นพอถึงจุดๆหนึ่งเราก็อยากจะก้าวออกจากจุดนั้นโดยใช้การมีคู่ คิดว่าคู่ชีวิตจะช่วยให้เราย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งและเราคิดว่าสิ่งนั้นจะทำให้เรามีอิสระอย่างที่ต้องการ
โชคไม่ค่อยเข้าข้างช่วงแรกๆทุกอย่างดีหมด 10 ปีแรกเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เรารู้สึกว่าเฮ้ยมันน่าจะโอเคแล้วทุกอย่างมันก็เริ่มต้นขึ้น
แต่มันเป็นเหมือนลูกระนาดมรสุมของชีวิตที่ทำให้สิ่งที่เรามีทุกอย่างในอดีตที่เราทำมา 30 ปีไม่ว่าจะเป็นงาน เป็นความก้าวหน้า และตัวตนของตัวเองตลอด 10 กว่าปีลดลงเหลือ 0 ไม่คิดว่าจะถูกลอตเตอรี่เจอคนที่เป็น Narcissus ตัวพ่อในความสัมพันธ์ ทุกอย่างมาหักมุมและเฉลยกับท้ายชีวิตที่เราสงสัยว่า คนหนึ่งจะมองคนๆหนึ่งที่รัก เมตตา ให้อภัย อดทนทำกับคนที่รักได้แบบนี้เลยเหรอ
เราจบชีวิตที่1 ด้วยการสูญเสียทุกอย่างในชีวิต งาน ทรัพย์สิน เงิน ครอบครัวที่รัก คุณค่าในตัวเองออกจากที่แห่งนั้นด้วยเสื้อผ้าและของมีค่าทางใจที่ไม่ลืมจะหยิบติดมาถูกนำมาส่ง และทิ้งไว้ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ เหมือนขยะชิ้นหนึ่ง พร้อมกับอาการทางจิตเวชที่ต้องไปหาหมอในวันต่อๆไป
เป็นอีกวันหนึ่งที่ตื่นมามองกระจกแล้วคิดว่าคนที่อยู่ในกระจกตรงนี้คือใครช่วงเวลาที่ผ่านมาทำร้ายเธอได้ขนาดนี้เชียวเหรอ
ชีวิตที่ 1 จบมาแบบไม่เหลืออะไรแตกสลายจากความอดทน เสียใจ ร้องไห้ ถูกด้อยค่า ทำให้รู้ที่ผ่านมามันไม่มีความรักเลย คนรักกันจะไม่ทำแบบนี้ ต้องถูกแยกจากสิ่งที่รักมันคือการทรมานขั้นสุดที่คนคนหนึ่งจะทำกับคนอีกคนหนึ่งได้ไม่ต่างกับตายทั้งเป็นพ่วงมาด้วยโรคอีกหนึ่งโรคที่ต้องใช้เวลาในการรักษาเพราะอาการอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงต้องกินยา อาการมันสะสมมาเป็นเวลาเกือบสิบปี
เวลานั้นญาติผู้ใหญ่ที่รักและเคารพได้จากไปแบบกะทันหันคนเราถ้าจะเสียไปแบบปกติแล้วลูกหลานจัดงานมีความสงบก็คงดี แต่มันไม่ใช่มันเป็นมรสุมอีกลูกที่เข้ามา การจัดการมรดกความสัมพันธ์ของญาติพี่น้องยิ่งกว่าละคร กว่าจะจบลงได้
สุดท้าย 'เงิน' ทำลายทุกอย่างจริงๆ เราทั้งรัก เคารพ ขอบคุณในความรักที่ญาติผู้ใหญ่ท่านนั้นมีให้เราเสมอเพราะท่านให้ชีวิตที่ 2 ในวันนี้ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากได้อะไรอยากให้อยู่เพื่อให้เราได้กราบไหว้และได้กอดบ้าง คำว่า 'ใจสลาย' คงใช้ได้เพราะว่าเราเสียคนที่รักรอบตัวไปหมดเลย
ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้เราเสียใจกับการจากไปของเจ้านายและพี่ชายที่เคารพรัก คนที่สอนทุกอย่างชีวิตเขาเป็นบทเรียนชั้นดีของคนที่มีความก้าวหน้าอนาคตสดใส สมควรที่จะได้อยู่ในจุดที่สูงที่สุดของการทำงานด้วยซ้ำ
แล้ววันนึงชีวิตก็พลิกผันกลับมาการเป็นคนป่วยจนกระทั่งสุดท้ายช่วยเหลือตนเองไม่ค่อยได้ เขาเป็นบุคคลที่ทำความดีมากมายให้กับประเทศให้กับเศรษฐกิจไทย
วันที่ไปรดน้ำวันแรกครอบครัวเขาเห็นคนมากมายที่ไม่ใช่ครอบครัวมา จนครอบครัวตกใจว่าเกิดอะไร เราอดมองแล้วย้อนคิดไม่ได้ว่าทำไมครอบครัวถึงจัดงานเขาได้อย่างเรียบง่ายแบบนี้คนที่ทำอะไรเพื่อคนอื่นมากมายสุดท้ายต้องมาอยู่ในจุดนี้แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะว่าเขาไม่ได้รู้ว่าลูกเขาทำอะไรแต่คนที่มานั้นต่างหากที่มาเล่าแล้วก็บอกให้กับคุณพ่อคุณแม่พี่ๆเขาได้รู้ว่าลูกชายเขาเป็นคนที่ดี และเก่งขนาดไหนเป็นคนที่ลูกน้องรักเป็นคนที่เพื่อนรักเป็นคนที่ใครๆก็รักและขอบคุณในสิ่งที่เขาทำเสมอ
ในการปฏิบัติหน้าที่ของเขาเขาเป็นคนที่ทุ่มเทแบบที่เราไม่เคยเห็นเป็นคนแรกที่สร้างตัวตนเราขึ้นมาด้วยอีกหนึ่งคน
"กลิ่นดอกไม้จะหอมติดมือผู้ให้เสมอ"
คราวนี้คงเดาได้เลยว่าเราจะอยู่ในสภาพไหนในช่วงเวลานั้นแต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไปเมื่อเรามีสิ่งที่ต้องรักษา และสิ่งนั้นก็คือแสงสว่างแค่จุดเดียวในความมืดที่อยู่ในห้องนั้น
เราค่อยๆคลาน ลุกบ้างล้มบ้างค่อยๆเดินขึ้นออกมาจากห้องแบบนั้นเราต้องการเป็นคนปกติที่กลับมาใช้ชีวิตให้ได้เร็วที่สุดแข็งแรงที่สุด เพื่อที่จะไปปกป้องคนที่เรารักทุกคน
ช่วงเวลานั้นเองถึงได้เห็นความรักของพ่อแม่ได้เห็นถึงความรักของครอบครัวที่ไม่เคยได้แสดงออก ได้เห็นความรักเมตตาของเพื่อนที่ให้กำลังใจฟังเสียงร้องไห้ที่โหยหวนของเรา เราเหนื่อยกับทุกเรื่องบนโลกใบนี้จริงๆ
เราเป็นคนมีหัวใจที่อ่อนโยน จิตใจข้างในเรางดงามไม่เคยคิดร้ายใครเลย ไม่เคยเกลียดถึงร้ายแค่ไหนก็ให้อภัยได้ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องฝึกฝนเพื่อให้อยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไม่เจ็บปวดนัก เรารู้ดี
ครั้งแรกชีวิตแต่งงานไม่เคยรักตัวเองเลยต้องการคนมาเติมสิ่งที่ขาดต้องการการยอมรับและเชื่อว่าความดีความรักมันจะชนะทุกสิ่งสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่ รักใครสักคนอย่างไร หรือเราเป็นคนที่จะต้องสมควรถูกรักแบบไหน
ในความหมายของรักครั้งที่ 2 ซึ่งคือ 'รักแรก' ในเวลาไล่เรี่ยที่จากไปพร้อมกับการสูญเสียสิ่งที่ได้เรียนรู้จากรักครั้งนั้นก็คือ 'การรักตัวเอง' อย่างสมบูรณ์
สุดท้ายไม่มีใครที่จะอยู่กับเรา คนเดียวที่จะต้องผ่านเรื่องแย่ๆความพังทุกอย่างของชีวิตไปเพียงลำพัง การให้ความสำคัญกับตัวเองการเรียนรู้ที่จะมีความสุขได้ด้วยตัวเองแต่เหมือนก็ยังขาดอะไรไปอยู่ซึ่งยังหาคำตอบนั้นไม่เจอแต่จากคนที่ผ่านมาในชีวิตก็ทำให้มีบทเรียนที่ดีในการเรียนรู้
สำหรับคนที่ 3 ของชีวิตจากความว่างเปล่าในรอบ 3 ปี ใช้เวลาถึง 2 ปีในการเปิดใจตัวเอง รักที่คิดว่าใช่ในเวลาที่ผิด สิ่งเดียวที่คนแบบเรายอมอยู่ในจุดนั้นคือ เขาช่างเหมือนเราในอดีต เราอยากช่วยคนๆนี้ให้ผ่านมรสุมชีวิตนี้ ทั้งที่มองเห็นจุดจบของคนแบบเราคืออะไร แต่ก็ยอม..
คุยและคบหา ใช้เวลาจนมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วว่าการเปิดใจที่ปิดเมื่อ 3 ปีก่อน มันอาจต้องแลกกับความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอน ไม่มีอนาคต แค่เราอยากชัดเจนกับความรู้สึก อยากให้สิ่งที่เราเป็น กับใครสักคน หวังว่าเขาจะมีชีวิตที่ดี เข้มแข็งเดินหน้าด้วยสติได้
เรามอบความจริงใจและความรู้สึกดีๆให้แบบไม่ค่อยนึกถึงตัวเองอีกแล้ว แต่ก็ยังรักแบบมีสตินะ ขนาดมีสติ😂
"เราจะไม่ใช้ 'สิ่งที่เรามี' เพื่อดึงดูดใคร เราต้องการทดสอบรักครั้งนี้ ด้วย 'สิ่งที่เราเป็น'"
เขาไม่รู้หรอกว่าบททดสอบนี้มันแลกด้วยอะไรทั้งหมดที่เราจะดูคนหนึ่งคนในความสัมพันธ์
เริ่มจากเมตตาในสิ่งที่เขาเจอและเรารับรู้มีส่วนร่วมอยู่ในช่วงชีวิตที่หนักที่สุดของใครคนหนึ่งเลยไม่เคยคิดที่จะปล่อยมือ มันเลยกลายเป็นความรักและผูกพัน ธรรมชาติคงต้องการให้บทเรียนจนกว่าจะผ่านสเตจนี้
สุดท้ายคนที่เรามั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายเรา บอกว่ารักเรา ก็ไม่ใช่คนที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยในความสัมพันธ์
ทำเราพังทลายอีกครั้ง เพราะเขาไม่ผ่านบททดสอบนั้น ครั้งนี้เฟลกับสิ่งที่เราเป็นมากเหมือนปราสาททรายที่พัง หักหลังแบบไม่รู้ตัวในวันที่รู้สึกว่าเราทั้งคู่มีอนาคตต่อด้วยกันได้ เรากลายเป็นคนที่ไม่ใช่ในทันที รักแบบใดถล่มคุณค่าเราจนไม่เหลือ เชื่อไหมใครจะไปรู้สิ่งที่มองไม่เห็นสิ่งที่คุ้มครองเราผลักดันให้เราไปพบความจริงทั้งหมดในช่วงเวลาต่างๆที่เราเคยสงสัยทำให้เรามองสถานการณ์นี้ขาด
ตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องและเดินหน้า สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เรียกว่าเป็นความรักแบบที่เขาเข้าใจเขาจะไม่มีวันเข้าใจเพราะเขาจะไม่ได้รับสิ่งเหล่านี้จากใครอีกในชีวิต
-คนที่ปรารถนาดีกับเขาจากใจ
-ไม่มีความคาดหวังหรือร้องขอกลับเพื่อตอบแทน
-ยอมรับในตัวตนทั้งหมด ทั้งด้านดี ไม่ดี ด้านมืด
-เป็นนักสนับสนุนที่ดีทั้งกำลังใจและให้ความมั่นใจ
-มีแต่ปรารถนาให้เขามีความสุขที่เพิ่มขึ้น
-คนที่สละเวลาที่มีค่าของตัวเองเพื่อใครสักคน
ความรู้สึกในวันนี้ไม่โทษไม่โกรธไม่เกลียดแค่คาดหวังให้เขาได้พบเจอสิ่งที่เขาต้องการในชีวิตและมีความสุขกับมัน อวยพรจากใจ
ผ่านการเดินทางมา 3 ปีได้ตกผลึกเมื่อความคิดมาโฟกัสอยู่กับตัวเอง 100% เราคนใหม่จะเป็นคนที่มีภูมิต้านทานการใช้ชีวิตเลือกคนเข้ามาอยู่ในชีวิตมากขึ้นได้อย่างถูกต้อง
"สิ่งสำคัญก็คือทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเราสมควรได้รับความรักที่คู่ควร และมอบให้กับคนที่คู่ควรเท่านั้นเพราะตัวเรามีเพียงหนึ่งเดียวเราเป็นคนพิเศษหนึ่งคนบนโลกใบนี้เราควรได้รับความเคารพในแบบที่เราต้องการถ้าเขารักเราจริง"
เหมือนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุดนี้อีกครั้งหนึ่งและที่น่าประหลาดใจก็คือเรายังรู้สึกว่าเราสามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้
เป็นคนที่น่ารักเป็นคนที่ดีพอสำหรับใครสักคนที่เขารอเราอยู่
น่าแปลกที่ครั้งนี้ความสามารถในการค้นพบบทเรียนนี้มาเร็วกว่าที่คิด สามารถมูฟออนได้ 100% ใน 2 สัปดาห์มันดีมากๆ เลยทำให้เราพุ่งโฟกัสไปข้างหน้าแล้วช่วยในเรื่องของการคัดกรองคนที่คู่ควรกับเราในอนาคต
"ความรักเป็นแค่ส่วนหนึ่งแต่จริงๆแล้วส่วนที่จะผลักดันให้เราเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีความสุขมั่นคงก็คือ การรักและรู้คุณค่าของตัวเอง การมีความสัมพันธ์ที่ดี (Healthy Relationship)มันเป็นเหมือนขุมพลังงานในการขับเคลื่อนการใช้ชีวิตทั้งภายในและภายนอก"
คุณเชื่อไหมไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานแค่ไหนไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ตราบที่หัวใจของคุณยังเป็นนักสู้มันมีความแข็งแกร่งอย่างที่คุณคิดไม่ถึง ถ้าคุณเดินผ่านมันมาได้สิ่งดีๆที่มันจะเข้ามากำลังรอคุณอยู่ขอแค่มีทัศนคติที่ดี มีศรัทธาในบางสิ่ง มีพลังงานที่ดีในตัวเองมันจะดึงดูดแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต คำนี้ไม่เกินจริงค่ะ
May the force be with you🤍
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย