เผย 5 เมกะเทรนด์แห่งอนาคต โอกาสการลงทุนระยะยาวส่งท้ายปี 2024
จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ถือเป็นการส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ชัดเจนมากขึ้น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก แม้ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง แต่เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และแนวโน้มการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ทำให้เฟดต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง
เช่นเดียวกับนักลงทุนที่ต้องพิจารณาการลงทุนของตนเองอย่างถี่ถ้วน เพราะแม้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากปัจจัย บทความนี้ BBLAM เปิดเผย 5 เมกะเทรนด์แห่งอนาคต ที่มาพร้อมโอกาสการลงทุนระยะยาว
1. Digitization & AI
ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ‘เทคโนโลยี’ คือเมกะเทรนด์ที่มีการเติบโตอย่างชัดเจนที่สุด สะท้อนจากการเติบโตของหุ้น 7 นางฟ้า หรือ The Magnificent 7 ที่สร้างผลตอบแทนอันน่าทึ่งให้กับนักลงทุนมาโดยตลอด โดยในช่วงระยะเวลาอีก 10 ปีข้างหน้านั้น เทคโนโลยีจะยังคงเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนตลาดการลงทุน
ทั้งในแง่ของการพัฒนาทุนมนุษย์ เช่น การเพิ่มพูนทักษะ การเข้าถึงข้อมูลและความรู้ ไปจนถึงการพัฒนาสินค้าและบริการด้วยเทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำมากขึ้น และการใช้ AI เพื่อพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
นอกจากนี้ เทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการลดต้นทุนผ่านการใช้งานระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (Automation & Robotics) ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ลง ไปจนถึงการควบคุมคุณภาพที่เป็นมาตรฐาน และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานให้กับแรงงานในโรงงานได้อีกด้วย
2. Cybersecurity
การนำเทคโนโลยีไปใช้งานเพิ่มมากขึ้น จำเป็นต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ดังนั้น Cybersecurity จึงกลายเป็นหนึ่งในแกนหลักของธุรกิจแทบทุกประเภท สะท้อนจากการใช้งานอุปกรณ์ IoT และการเชื่อมต่อผ่านระบบดิจิทัลต่าง ๆ ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในทุกระดับ การพัฒนาระบบ Cybersecurity จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้มีความปลอดภัย รัดกุม และสามารถรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้นในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน นอกจากการป้องกันภัยคุกคามต่าง ๆ แล้ว ท้ายที่สุดหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบ Cybersecurity ที่ดี จำเป็นต้องมีระบบโครงสร้างที่เรียกว่า “Cyber Resilience” ซึ่งเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อให้เทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์นั้น ๆ สามารถฟื้นตัว และกลับมาใช้งานได้เป็นปกติอย่างรวดเร็วและปลอดภัย ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีแห่งอนาคต
3. Climate Technologies
การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสำคัญอย่างมากในช่วงเวลานี้ จึงได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงอย่างแม่นยำ โดย Climate Technologies จะเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านการทำกิจกรรมของมนุษย์ให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง
และทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดสำเร็จเป็นจริงได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เช่น เทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอนจากการผลิต แพลตฟอร์มจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาแบตเตอรี่ ไปจนถึงการสร้างเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City
4. Healthcare
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เทรนด์ ‘สุขภาพ’ ยังคงยืนหนึ่งในฐานะเมกะเทรนด์ของโลก โดยปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือสังคมสูงวัย เนื่องจากอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการเกิดลดลง หลายประเทศจึงถูกผลักดันให้เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว และทำให้ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่ Personalized Medicine หรือการรักษาที่มีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการจัดเก็บและจัดการข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยในรูปแบบดิจิทัล เพื่อทำให้แพทย์สามารถเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลได้ง่าย รวมถึงการพัฒนายารักษาโรคที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามตามพันธุกรรมของแต่ละบุคคล
เพื่อลดผลข้างเคียงของยารักษาโรค และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา พร้อมกันนี้ยังมีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการพัฒนาวัคซีน และการรักษาโรคหายากต่าง ๆ ซึ่งนับเป็นโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของวงการสุขภาพทั่วโลก
5. Urbanization
ความเป็นเมือง (Urbanization) กำลังกลายเป็นเมกะเทรนด์แห่งอนาคต สะท้อนจากเมืองใหญ่ในประเทศต่าง ๆ ที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลจาก KPMG International Cooperation คาดการณ์ว่าจำนวนการเติบโตของผู้มีรายได้ระดับปานกลางในแต่ละทวีปจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจำนวนผู้มีรายได้ปานกลางในเอเชีย จะเติบโตจาก 525 ล้านคนในปี 2009 เป็น 3,228 ล้านคนในปี 2030
โดยแนวคิดเกี่ยวกับการฟื้นฟูเมืองกำลังถูกนำกลับมาพูดใหม่อย่างกว้างขวางมากขึ้น เช่น แนวคิดเมืองอัดแน่น (Compact City) แนวคิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไปจนถึงแนวคิดการสร้างความสมดุลระหว่างแหล่งงานและที่อยู่อาศัย (Job and Housing Balance)
ทั้งนี้ การขยายตัวของเมืองและสัดส่วนประชากรที่ย้ายมาอาศัยแถบชานเมืองเพิ่มมากขึ้น เป็นเหตุให้โครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะขยายตัวตามเพื่อรองรับการดำเนินชีวิต ซึ่งการขยายตัวของเมืองไม่ได้หมายถึงที่พักอาศัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า และออฟฟิศ ทำให้การลงทุนสร้างระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้นกว่า 50% เพื่อเชื่อมชานเมืองโดยรอบให้เข้าถึงใจกลางของเมืองอย่างง่ายดายและไร้ข้อจำกัด
สำหรับนักลงทุนที่สนใจเกี่ยวกับ 5 เมกะเทรนด์แห่งอนาคต BBLAM ขอแนะนำ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้น Opportunities’ (B-OPP) และ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้น Opportunities เพื่อการเลี้ยงชีพ’ (B-OPPRMF) เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 12 - 19 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้นผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
