18 พ.ย. เวลา 07:33 • เกม

เปิดโลกรู้จักเหล่า Grineer: ฝ่ายทหารผ่าเหล่าของจักรวาลWarframe

เกริ่นนำก่อนว่าก่อนหน้านี้เป็นช่วงเทศกาล ทอดกฐิน ลุงบาโรได้รับเชิญจากญาติๆไปร่วมงานทอดกฐินที่จ.โคราชและจ่ายภาษีสังคม(ใส่ซอง)ในฐานะประธาน///กระเป๋าตังลุงบางลงเลย.และตอนที่ไปลุงบาโรมีอาการไข้หวัดลงคอ(เริ่มมีอาการ)พอกลับมากรุงเทพก็ยังไม่หายแถมมาเจออาหารเป็นพิษอีก ลุงบาโรเลยนอนซมไม่ได้ลงบทความใดๆเลย ต้องขออภัยทุกคนด้วย
วันนี้เลยมาในหัวข้อแนะนำให้รู้จักกองทัพดิบเถื่อนในจักรวาลWarframe ที่กล้ามโตเหมือนพี่โตสายเต้นแต่มันสมองไม่ได้โตเท่ากล้าม พวกเขาคือ... Grineer
เน้นกล้ามเนื้อ เสริมเกราะที่ดูหนา Grineer
Grineer: ทหารโคลนสุดเกรียนแห่งยุค Orokin!
พูดถึง Grineer เหมือนจะเป็นทหารผ่านศึกที่ออกจากศูนย์ซ่อมร่างกายมาแบบยังซ่อมไม่เสร็จ ด้วยความเป็นผลผลิตที่เหลือจากเทคโนโลยี Orokin อันลึกลับโบราณ ถ้าจะบอกว่าพวกเขา "ถือกำเนิด" ก็คงพูดไม่ถูกนัก เพราะความจริงคือพวกเขาถูก "ผลิตขึ้นมา" เสียมากกว่า คล้ายกับสั่งของจากแอปช็อปออนไลน์ของจีน แต่แทนที่จะได้ของใหม่แกะกล่อง กลับได้รุ่นดัดแปลงยำมาแล้วสิบรอบพร้อมของแถมเป็นบั๊ก!
การกำเนิดที่มีชีวิตแต่ดันเหมือนโทรศัพท์แบตเสื่อม
พลพรรคGrineer ที่หน้าตาดูไม่เป็นมิตร
รวมบรรดาเครื่องโคลนGrineerและGrineerที่อยู่ในกระบวนการTubeman
พวก Grineer นั้นเกิดจากการโคลนนิ่งซ้ำแล้วซ้ำอีก จนรหัสพันธุกรรมเหมือนโดนทำสำเนาถ่ายเอกสารมาหลายร้อยรอย ด้วยเครื่องปริ้นที่เริ่มหมึกหมด เส้นก็เริ่มเลือนๆ แล้วนี่แหละ ผลก็คือ พวกเขามีวงจรชีวิตสั้นกว่าปกติเหมือนมีใครกด fast forward บนรีโมท แถมยังแถมมาด้วยสารพัดความบกพร่องทางร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแขนขาเน่าเปื่อย ผิวหนังที่ดูเหมือนทิชชู่เปียกแล้วเอาไปตากแห้งหลายวัน หรือความฉลาดที่ขึ้นๆ ลงๆ อย่างกับสัญญาณไวไฟหอพักในวันหยุดยาว
แต่คุณรู้ไหม พอพวกเขามีความเสื่อมสมรรถภาพทางกายและจิตใจไปเรื่อยๆ สิ่งที่ทำให้พวกเขายังอยู่รอดได้ก็คือ "ความรู้สึกว่าเราไม่ใช่เครื่องจักรอย่างเดียว" อย่างกับนิยายวิทยาศาสตร์ว่าด้วยการค้นหาตัวตนในยุคแห่ง AI นี่มันมาถึงจุดที่แม้แต่ Grineer เองก็เริ่มตั้งคำถามว่า “เราเป็นอะไร? มีค่าไหมถ้าไม่มีราชินี?” ถ้า Grineer พูดได้ พวกเขาคงจะบอกว่า “ก็พยายามหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ในโลกที่บ้าบอนี้แหละพวก!”
ในเมื่อแก้ไขไม่ไหว ก็แค่เสริมอะไหล่แทนแล้วกัน!
Grineer เลยไม่เสียเวลาร้องไห้กับชะตากรรมของตัวเอง — พวกเขาแค่เอาไซบอร์กหยาบๆ มาอัพเกรดเสริมทัพร่างกายแทน พูดง่ายๆ คือ ถ้าส่วนไหนพัง ก็เอาอะไหล่มาแปะให้ใช้ไปได้อีกหน่อย คล้ายๆ กับเวลาที่เราใช้เทปกาวแปะรองเท้าเพื่อให้มันไม่พังตอนออกไปข้างนอกนั่นแหละ! พวกเขาเชี่ยวชาญในการ "ซ่อมร่าง" มากกว่าสร้างร่างใหม่ตั้งแต่แรกเสียอีก
ละถึงอุปกรณ์ อาวุธ หรือชุดเกราะจะดูหยาบกระด้างเหมือนทำจากเหล็กรีไซเคิลจากโรงงานทิ้งขยะ แต่ก็อย่าได้ประมาทเชียว เพราะถึงจะดูเหมือน "ของกองขยะ" แต่ก็สามารถยิงระเบิดให้คุณลงไปนอนกอง ได้เหมือนเล่นเกม FPS เลย
Concept art ที่แสดงให้เห็นถึงเกราะของGrineer
อาวุธGrineerที่ดูไม่น่าเป็นมิตรแก่ผู้ใช้งาน
จงหาความหมายของตัวเอง แม้ในโลกที่ผิดพลาด
ถึงแม้จะมีความบกพร่องมากมาย Grineer เองก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต อาจจะด้วยความไม่รู้ หรืออาจจะเป็นเพราะการค้นหาความหมายในการมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะด้วยการทำตามคำสั่งของราชินีหรือแค่หวังจะยิงใครซักคนให้หายเบื่อ แต่พวกเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป...
เราอาจจะมองว่าพวกเขาเป็นแค่ทหารโคลนเกรียนๆ ที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนไซเบอร์เนติกส์ แต่บางครั้งเราก็อาจเรียนรู้จากพวกเขาได้ว่า “เมื่อชีวิตพังไปแล้วครึ่งหนึ่ง ก็ซ่อมอีกครึ่งให้ดีกว่าเดิมก็แล้วกัน!”
ต้นกำเนิดแห่ง Grineer: โคลนทาสที่กลายเป็นเจ้านายตัวเอง
GrineerในยุคOrokin ในภาพ:เพื่อคนถูก Excalibur แทงด้านหลังไกลๆ
บทที่ 1: เมื่อ Grineer เป็นแค่ทาสผู้ซื่อสัตย์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (ฟังดูเหมือนนิทานเด็ก แต่จริงๆ ไม่ใช่เรื่องชิลแบบนั้น) จักรวรรดิ Orokin ผู้ยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่าตัวเองเป็นเจ้าของจักรวาล ได้คิดค้นวิธีใช้ "แรงงานทาส" แบบไม่ต้องเสียค่าแรงใดๆ ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง Grineer พวกเขาไม่ใช่คนทำงานทั่วไปหรอก แต่เป็นโคลนทาสที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้เชื่อฟังทุกคำสั่ง ทำงานหนักยิ่งกว่าหุ่นยนต์โรงงาน! นึกภาพดูว่าต้องขุดหาแร่ในดาวเคราะห์ห่างไกล ในขณะที่หัวหน้าชาวโอโรคินกำลังจิบกาแฟบนยานสั่งการ
Grineer:“ชีวิตนี้ บางทีเราก็แค่ต้องทำงานหนัก ไม่ใช่เพื่อเราเอง แต่เพื่อให้คนอื่นได้จิบกาแฟเย็นๆ อย่างสบายใจ”
บทที่ 2: The old warและการต่อสู้กับ Sentient
ภาพFanart บรรยากาศการบุกโลกของพวก Sentient
เมื่อ Orokin ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่โหดเหี้ยมอย่าง Sentient (ซึ่งฉลาดราวกับมีสมอง AI ที่อัพเกรดมาอย่างดี) พวก Orokin เริ่มวิตกกังวลว่า คราวนี้ทำยังไงดี? ส่ง Grineer ไปช่วยดีกว่า! แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่โคลนธรรมดา แต่ ต้องอัพเกรดให้เป็นสายพันธุ์นักรบระดับพรีเมี่ยม พูดง่ายๆ เหมือนการอัพเกรดโทรศัพท์รุ่นใหม่แต่ยังใช้แบตเดิม
แต่น่าเสียดาย แม้พวกเขาจะถูกอัพเกรดจนเหมือนสมาร์ทโฟนเรือธง พวก Grineer ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับความฉลาดล้ำลึกของฝ่าย Sentient (จะบอกว่าพ่ายแพ้ให้กับ AI รุ่นเก่าก็ว่าได้) โคลนจะไปสู้กับ AI อัจฉริยะได้ยังไง
Grineer:“ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหน แต่บางครั้งศัตรูก็มีสมองที่อัพเกรดมามากกว่าเรา”
บทที่ 3: Warframe กับการทรยศครั้งใหญ่
โอโรคินก็เริ่มแก้เกมอีกครั้ง สร้าง Warframe ขึ้นมาเพื่อช่วยต่อสู้ แต่เรื่องดันกลับตาลปัตร เมื่อ Tenno ที่ควบคุม Warframe ดันหันกลับมาทรยศเจ้านายของตัวเอง เหมือนฉากดราม่าที่ลูกน้องวางแผนยึดบริษัท!
Grineer ซึ่งเคยเป็นแค่โคลนทาสที่วิ่งตามคำสั่งไปทั่ว ตอนนี้ก็ต้องหันมาปกป้องตัวเอง พอจักรวรรดิ Orokin ล่มสลาย พวก Grineer ก็เริ่มรวมตัวกันเหมือนการตั้งทีมฟุตบอลเพื่อยึดครองสนามแข่ง กลายเป็นกลุ่มโจรอวกาศที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ พวกเขาตัดสินใจว่า "เอาวะ ถ้าไม่มีเจ้านายแล้ว เราจะเป็นเจ้านายของตัวเองก็ได้!"
Grineer: “บางครั้งการทรยศอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะมันอาจพาเราไปสู่การค้นหาตัวเอง”
บทที่ 4: Twin Queens
Twin Queens ผู้นำแห่งจักรวรรดิ์Grineer
และแล้ว Grineer ก็ไปเจอเข้ากับฝาแฝด ชาว Orokin ที่ยังเหลือรอดอยู่ สองฝาแฝดนี้มีพลังลึกลับที่ Grineer ไม่เคยเข้าใจ พวกเขารู้สึกเหมือนเจอ "บางสิ่งที่มากกว่าความสมบูรณ์แบบ" ราวกับดูหนังซึ้งที่ทำให้ร้องไห้แล้วเข้าใจชีวิตมากขึ้น Grineer จึงตัดสินใจยอมรับฝาแฝดเป็น "ราชินี" ของพวกเขา เพราะคิดว่าทั้งคู่บรรลุถึงสิ่งที่เรียกว่า “จิตวิญญาณที่แท้จริง” หรืออย่างน้อยก็เก่งพอที่จะทำให้พวกเขาไม่ต้องโคลนตัวเองอีกต่อไป!
Grineer: “การค้นหาความหมายของชีวิตไม่ได้อยู่ที่การทำซ้ำๆอยู่แบบเดิมๆ แต่คือการพบกับสิ่งที่ทำให้เรารู้สึก ‘ครบ’ จริงๆ”
และเมื่อทาสกลายเป็นเจ้านาย
Grineer พัฒนาจากทาสโคลนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานหนัก กลายเป็นกลุ่มที่สร้างอาณาจักรของตัวเองได้ ในที่สุดก็รู้ว่าแม้แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยการทรยศและสงคราม สิ่งที่สำคัญกว่าคือการค้นหาความหมายของตัวเอง แม้ว่าบางครั้งมันจะมาพร้อมกับการต้องต่อสู้กับอดีตของเราเอง เหมือนการเปิดแชทเก่าๆของแฟนเก่า แล้วเจอข้อความที่ไม่อยากเห็นอีกเลย!
Grineer: “แม้โลกนี้จะโหดร้ายและเต็มไปด้วยสงคราม แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ต้องหาความหมายของตัวเองให้เจอ เพราะไม่มีใครจะมาช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเอง”
สถานะภาพปัจจุบัน
: เมื่อโลกถูกเปลี่ยนกลายเป็นขยะอวกาศ
ปัจจุบัน พวก Grineer ได้ตั้งรกรากบนดาวเคราะห์ที่เคยเป็น "โลกสีฟ้างามๆ" ของพวกเรา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนกองขยะอวกาศที่พวกเขาพยายาม "ตกแต่ง" ใหม่ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของพวกเขา (คิดซะว่าเป็นการรีโนเวทบ้านเก่าให้กลายเป็นบ้านผีสิงอัพเกรดไปอีกขั้น)
แทนที่จะปลูกต้นไม้สีเขียว พวกเขากลับเลือกทำลายระบบนิเวศให้พังเป็นเถ้าถ่าน เรียกได้ว่า "โลกนี้จะต้องเหมาะกับเราหรือไม่ก็พังไปเลย!" พวกเขาเหมือนเด็กวัยรุ่นที่พยายามยึดบ้านของพ่อแม่และเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นห้องเกมส่วนตัว
แต่ถึงแม้จะพยายามทำลายธรรมชาติอย่างเต็มที่ ก็ยังมีบางสถานที่ที่ Grineer เอาไม่อยู่ เช่น Ostron และศูนย์กลางการค้าของ Cetus ที่ยังคงต้านทานด้วยความรู้และวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างเต็มที่! เหมือนกับพ่อค้าแม่ขายที่ยังคงยืนหยัดขายข้าวมันไก่อยู่ข้างถนน แม้จะมีห้างใหญ่โตเปิดอยู่ข้างๆ
Grineer : “ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน เราก็ไม่สามารถบังคับทุกสิ่งให้เป็นไปตามที่ใจต้องการได้ บางครั้งธรรมชาติก็ชนะ!”
บรรยากาศฐานทัพGrineerบนโลก
: ชะตากรรมดาวเคราะห์ที่ตกเป็นเหยื่อของ Grineer
ในขณะที่โลกยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างหลวมๆ Grineer ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการยึดดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ที่ง่ายกว่า พวกเขายึดครองดาว Ceres และ Sedna แล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นโรงงานผลิตอาวุธขนาดยักษ์ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต่างจากโรงงานรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดัง! และถ้าคุณคิดว่าโรงงานธรรมดายังไม่เพียงพอ Grineer ยังได้ครอบครอง ห้องทดลองวิจัยใต้น้ำบน Uranus (ใช่ คุณอ่านไม่ผิด นั่นคือดาวยูเรนัส ) ซึ่งใช้ทดลองสิ่งประหลาดๆ ที่ไม่อยากรู้ว่ามันคืออะไร!
ภาพFanart ฐานบนดาวCeresที่เป็นโรงผลิตอาวุธ
(1-4)ภาพฐานต่อยานบนดาวSednaและ(5-6)ฐานโคลนนิ่งบนดาวUranus
และถ้าคุณคิดว่าพวกเขาหยุดแค่บนบก Grineer ยังยึดครอง เมืองทะเลทรายบน Mars แปลงโฉมให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและกลิ่นน้ำมัน เหมือนฉากในหนังไซเบอร์พังก์ที่ไม่มีแอร์ให้สูดลมหายใจสะดวก
ฐานบนดาวอังคาร
Grineer : “การควบคุมอาณาเขตไม่ใช่เพียงการยึดครองพื้นที่ แต่ต้องเปลี่ยนให้เป็นที่อยู่ที่เหมาะกับตัวเรา… ถึงแม้คนอื่นจะไม่ชอบก็ตาม”
: เมื่ออวกาศกลายเป็นถิ่นของGrineer
และก็ใช่ว่า Grineer จะหยุดแค่บนดาวเคราะห์ พวกเขายังยึดครองอวกาศรอบๆ โลกและดาวเสาร์อย่างสมบูรณ์ด้วย! กองเรือรบของพวกเขาลอยลำรอบๆ เหมือนฝูงยานพาหนะติดไฟใต้ท้องแบบวัยรุ่นคึกคะนอง มองจากไกลๆ ก็ดูเหมือนดาวประดับสวยๆ แต่จริงๆ แล้วนั่นคือป้อมปราการลอยฟ้าของพวกเขา
แต่สุดยอดแห่งฐานทัพก็คือ Veil Proxima ซึ่งตั้งของ Kuva fortress อยู่ตรงขอบระบบ Origin (นึกถึงฐานลับสุดยอดที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้ เหมือนบ้านเจมส์ บอนด์นั่นแหละ) และแน่นอน ป้อมปราการหลักของพวกเขาไม่ได้ตั้งอยู่บนดาวเคราะห์ธรรมดา แต่บนดาวเคราะห์น้อยที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยเครื่องยนต์ Fomorian (นี่มันไม่ใช่แค่บ้านลอยฟ้า แต่เป็นบ้านลอยอวกาศ!)
Kuva fortress ฐานทัพใหญ่ของGrineer
Grineer: “ถ้าบ้านของคุณอยู่นิ่งๆ แล้วโดนโจมตีบ่อย งั้นก็แค่สร้างบ้านที่เคลื่อนที่ได้สิ!”
: Twin Qeeens และฐานอำนาจที่เคลื่อนที่
ศูนย์กลางของจักรวรรดิ Grineer คือ Twin Queens ราชินีฝาแฝดที่ตั้งตนเป็นเจ้าอาณาจักรแห่งระบบ สุริยะ ด้วยความฉลาดหลักแหลมที่ไม่แพ้ใคร บอกเลยว่าเหล่า Grineer ยอมรับพวกเธอด้วยความเคารพและความกลัว เหมือนกับการเป็น CEO ที่เข้มงวดแต่เก่งสุดๆ ไม่ว่าจะไปอยู่มุมไหนของกาแล็กซี พวกเขายังคงเชื่อในคำสั่งของราชินีอย่างไม่มีข้อสงสัย
แต่แม้จะมีป้อมปราการและกองทัพสุดโหด พวก Grineer ก็ยังไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้หมดเหมือนในฝัน — มีดินแดนและผู้คนที่ยังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ท่ามกลางอวกาศที่เต็มไปด้วยสงคราม
Grineer: “แม้คุณจะมีอำนาจมากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว คุณก็ไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้หรอก”
Grineer อาจเริ่มต้นจากการเป็นทาสที่ถูกโคลนขึ้นมาเพื่อทำงานหนัก แต่พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้โชคชะตากำหนดชีวิตไปตลอด พวกเขายึดครองดวงดาว แผ่ขยายอาณาจักร และสร้างฐานทัพที่เคลื่อนที่ไปได้ราวกับเป็นตัวเอกในนิยายไซไฟระดับตำนาน นั่นทำให้Grineer นั้นเป็นดั่ง
"ชีวิตที่เหมือนการเดินทางไปข้างหน้า ไม่ว่าคุณจะถูกสร้างมาเพื่ออะไร คุณสามารถเป็นอะไรก็ได้ หากคุณกล้าที่จะก้าวไป"
ศักยภาพกองทัพGrineer:กองทัพแห่งความบ้าคลั่งและความโหดร้ายระดับกาแล็กซี่
1: เมื่อความเกลียดชังกลายเป็นพลังขับเคลื่อน
Grineer ไม่ใช่แค่กองทัพธรรมดา แต่เป็นกองทัพที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความเกลียดชังต่อทุกสิ่งที่ "แตกต่าง" จากพวกมัน ไม่ว่าคุณจะเป็น Tenno, Corpus หรือแม้กระทั่งคนขายกาแฟข้างถนน ถ้าคุณไม่ใช่ Grineer คุณก็คือศัตรู! และอย่าคิดว่าความเกลียดชังนี้เป็นแค่เรื่องเล่นๆ — มันฝังลึกอยู่ในพันธุกรรมของพวกมัน ราวกับว่าทุกครั้งที่โคลน Grineer รุ่นใหม่ พวกมันก็ถูกใส่โปรแกรมความเกลียดชังเข้ามาพร้อมๆ กับรหัสพันธุกรรม
พวก Grineer นั้นมีความภักดีแบบสุดโต่งต่อ Twin Queens ราชินีฝาแฝดของพวกมัน เหมือนกับลัทธิศาสนาที่คลั่งไคล้ในคำสอน และไม่ว่าใครจะพูดหรือทำอะไรก็ไม่สามารถทำให้พวกมันเลิกเชื่อฟังได้ เหมือนกับว่าความจงรักภักดีนี้ถูกฝังเข้าไปในกระดูกของพวกมันจริงๆ
คำคมGrineer:ความภักดีนั้นดี แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ต่างจากการปิดกั้นตัวเองจากการเห็นความจริง
2: ยุทธวิธีรบของกองทัพโคลนสุดแกร่ง
Grineer ไม่ได้มาเล่นๆ เมื่อพูดถึงการต่อสู้ พวกมันใช้อาวุธหนัก ชุดเกราะหนา และมีกลยุทธ์การต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด หากคุณคิดว่าการซุ่มโจมตีของพวกมันก็เหมือนเด็กเล่นซ่อนแอบ คุณคิดผิด! Grineer มาพร้อมกับกระสุนที่พร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่ง และพร้อมแปรสภาพคุณให้กลายเป็นก้อนโปรตีน
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของพวกมันคือ "ความเป็นทีม" เมื่อพวกมันอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ พวกมันคือกองทัพสุดโหดที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่ง แต่ถ้าเจอตัวเดียวล่ะก็... เหมือนมดตะนอยที่เผลอไปเดินเล่นในกางเกงของคุณผู้ชาย แต่ก็อย่าประมาทเพราะ Grineer ระดับสูงๆ อย่าง Elite Lancer และหน่วย Heavy Gunners นั้นมีเกราะที่หนาราวกับรถถังที่มีชีวิต ซึ่งถ้าคุณไม่ทำให้มันลงนอนได้คุณก็จะลงไปนอนแทน
(1) Elite lancer (2-4)Flameblade(5-6) Heavy gunners
คำคมGrineer: “ไม่สำคัญว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน หากไม่มีทีมที่ดี คุณก็ยังอ่อนแอเมื่ออยู่ลำพัง”
3: เมื่อไซบอร์กเริ่มเล่นมายากลเทเลพอร์ต
Grineer ไม่ได้มีแค่เกราะหนักและอาวุธแรง แต่ยังมีกลเม็ดเด็ดพรายที่เล่นกับมิติเวลาด้วย! การเทเลพอร์ตของพวกมันไม่ใช่แค่การขนส่งธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือในการซุ่มโจมตีและสร้างความสับสนให้กับศัตรู — นึกภาพ Flameblade ที่ปรากฏตัวตรงหน้าคุณในพริบตาเพื่อโจมตีด้วยดาบไฟร้อนระอุ ส่วนผู้บัญชาการ Grineer ใช้ความสามารถคล้าย Switch Teleport ของ Loki ทำให้ Tenno ต้องวิ่งวนหัวหมุนเหมือนคนที่กำลังวิ่งหาแบงค์1,000ที่ทำหล่นหาย
และอย่าลืม Tyl Regor กับ Captain Vor สองขุนพล Grineer ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเทเลพอร์ตไปมาจนคุณต้องปวดหัวกับการเดาว่าพวกมันจะโผล่มาจากไหนอีกครั้ง คิดว่าคุณกำลังรอตบยุงที่บินวนไปมาที่หูนั่นแหละ
Tyl Regor และ Captain Vor
คำคมGrineer: “การเคลื่อนไหวที่คาดเดาไม่ได้คืออาวุธที่ดีที่สุดในการหลบเลี่ยงศัตรู”
4: Old Blood และความเป็นอมตะของ Kuva Liches
แม้จะขึ้นชื่อว่าอายุสั้นเหมือนนมสดที่หมดอายุในอีกสามวัน แต่ Grineer บางคนที่โชคดี (หรือโชคร้าย?) จะได้รับของขวัญแห่ง "ความเป็นอมตะ" จากราชินีผ่าน Old Blood ซึ่งทำให้พวกมันกลายเป็น Kuva Liches — ทหารสุดยอดที่เต็มไปด้วยพลัง ความสามารถในการปรับตัว และความโหดเหี้ยมที่มากกว่าปกติ เรียกได้ว่าเป็น "บอสใหญ่" ที่ Tenno ต้องเผชิญหน้าในการต่อสู้ที่ท้าทาย
ภาพเหล่า Kuva liches
Liches เหล่านี้ไม่ใช่แค่ทหารโคลนธรรมดา แต่เป็นอาวุธชีวภาพที่สามารถปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ราวกับเป็น AI ที่เรียนรู้ได้ (แต่ยังคงเกลียด Tenno เหมือนเดิม) ถ้าคุณคิดจะเอาชนะพวกมัน ต้องใช้มากกว่าฝีมือดาบธรรมดาแน่ๆ
คำคมGrineer: “แม้คุณจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่คุณก็สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดนั้นได้ด้วยการปรับตัวและความมุ่งมั่น”
5:Grineer และการแสวงหาอำนาจที่ไม่สิ้นสุด
ท้ายที่สุด หาก Grineer บรรลุเป้าหมายในสงคราม ทุกชีวิตในระบบ Origin จะกลายเป็นอดีต เหลือเพียงแต่ Grineer ที่โหดร้ายและบ้าคลั่งเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่บนเศษซากของอารยธรรม
แต่พวกเขาก็ลืมไปว่า แม้จะมีพลังมากแค่ไหน หรือมีความภักดีต่อราชินีเพียงใด — เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างหายไป พวกเขาก็จะเหลือเพียงความโดดเดี่ยวในอวกาศอันกว้างใหญ่ ไม่มีศัตรู ไม่มีเพื่อน เหลือแค่ความว่างเปล่า
คำคมGrineer: “การยึดครองทุกสิ่งอาจทำให้คุณได้อำนาจ แต่สุดท้ายคุณอาจสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป — นั่นคือความหมายของการมีชีวิตอยู่”
อาวุธแห่งการครองระบบ Origin: หนักแน่น ดุดัน และไร้ปรานี
ภาพอาวุธของชาวGrineer
อาวุธประเภทปืนหลัก
อาวุธของ Grineer ไม่ใช่ของเล่นเบาๆ แน่นอนว่ามันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คนธรรมดาทั่วไปหรือแม้กระทั่งศัตรูสามารถหยิบไปใช้ได้ง่ายๆ หากคุณไม่ได้เป็น Grineer หรือมีพลังเทียบเท่า Warframe ก็อย่าได้หวังว่าจะยกมันขึ้นมาโดยไม่หักกระดูกตัวเองเสียก่อน เพราะอาวุธของพวกมันนั้นทั้งหนักและเทอะทะ ราวกับว่ามีไว้เพื่อทดสอบความอดทนของผู้ใช้มากกว่าทำให้ใช้ง่าย
อาวุธ Grineer ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงศัตรูในสนามรบเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อหันกลับมาใช้สู้กันเอง (ไม่งั้นก็คงไม่เหลือใครให้ปกป้องราชินีแล้วล่ะ) ปืนและระเบิดของพวกมันถูกปรับแต่งเพื่อสร้างความเสียหายเฉพาะ เช่น Impact Damage(ความเสียหายแบบแรงกระแทก) ที่สามารถทะลุโล่ Corpus ได้เหมือนกระดาษ หรือ Slash Damage(ความเสียหายชนิดฟัน) ที่สามารถฉีกกระชาก Infested จนแหลกเป็นชิ้นๆ อย่างไม่ปรานี
แต่เดี๋ยวก่อน... ถ้าคุณคิดว่าจะนำอาวุธเหล่านี้ไปใช้จัดการ Sentients คุณอาจต้องคิดใหม่อีกที เนื่องจากพวกมันสามารถปรับตัวต้านทานการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว ทำให้อาวุธ Grineer กลายเป็นเพียงปุยเมฆไร้น้ำหนักเมื่อเจอกับกลุ่ม Sentients ที่พัฒนาการต้านทานได้ทันท่วงที ดังนั้น Grineer จึงต้องลงทุนในงานวิจัยเพื่อพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยีให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น
ช่างเทคนิค Grineer: อัจฉริยะด้านการบิดเบือนเทคโนโลยี
แม้ว่ากระบวนการผลิตอาวุธของ Grineer จะเน้นจำนวนมากกว่าความปราณีต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไร้ความคิดสร้างสรรค์ Grineer เป็นพวกที่เก่งในการปรับใช้เทคโนโลยีที่พวกเขาอาจไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ทำงานได้อยู่ดี ตัวอย่างเช่น Seer ของ Captain Vor ที่ผสมผสานเทคโนโลยี Orokin เข้าไปจนกลายเป็นปืนพกที่มีระยะยิงไกลพร้อมระบบเล็งซุ่มยิง หรือ Jat Kittag ค้อนยักษ์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ทหลายตัวเพื่อเพิ่มพลังการทุบจนศัตรูปลิวกระเด็นราวกับเป็นลูกขนไก่
ปืนSeer
แม้ว่า Lotus จะพยายามยับยั้งการพัฒนาเทคโนโลยีของ Grineer แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก พวกมันยังคงเดินหน้าพัฒนาปืนโปรเจกไทล์ที่ใช้ไมโครเวฟและพลาสม่ามาเป็นอาวุธหลัก รวมไปถึงไรเฟิลที่สามารถยิงกระสุนนำวิถีได้อย่างแม่นยำ และแน่นอน อาวุธเหล่านี้ไม่ได้ถูกแจกจ่ายให้ทหารชั้นล่าง แต่ถูกเก็บไว้ให้กับกองกำลังชั้นสูงอย่าง Nightwatch หรือหน่วยทหารพิเศษที่ปกป้องป้อมปราการของราชินีเท่านั้น
สุดยอดอาวุธKuva Liches: ทหารยอดมนุษย์พร้อมอาวุธอันทรงพลัง
อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในคลังแสงของ Grineer คงหนีไม่พ้นอาวุธที่ Kuva Liches ใช้ เหล่าทหารที่ได้รับของขวัญแห่งความเป็นอมตะจากราชินีจะได้รับอาวุธที่เพิ่มความเสียหายด้วยธาตุตามบรรพบุรุษของพวกมัน บางครั้งมันอาจเป็นเพียงการอัปเกรดอาวุธธรรมดาให้ทรงพลังขึ้น หรืออาจเป็นอาวุธใหม่เอี่ยมที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เช่น ธนูที่สามารถยิงลูกศรระเบิด หรืออาวุธหนักที่มักไม่เคยถูกนำมาใช้ในสงครามมาก่อน
เมื่อเหล็กกล้าถูกหลอมด้วยความเกลียดชัง
Grineer ไม่ใช่ฝ่ายที่สร้างอาวุธด้วยความประณีตหรือความแม่นยำเหมือน Corpus แต่อาศัยความดิบและการทำลายล้างแบบไร้ขอบเขต พวกเขาอาจไม่ได้ผลิตอาวุธที่งดงามหรือเทคโนโลยีขั้นสูงที่สุด แต่พวกมันสามารถส่งความตายออกไปได้อย่างไม่หยุดหย่อน หากคุณคิดจะท้าทาย Grineer ก็ควรเตรียมรับมือกับพายุโลหะที่ถาโถมเข้ามาราวกับฝูงสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่ง
คำคมGrineer: “อาวุธที่ดีไม่จำเป็นต้องสวย แต่ต้องทรงพลังพอที่จะทำให้ศัตรูยอมจำนน แม้จะเป็นแค่การใช้ด้ามปืนทุบก็ตาม”
ภาษาของชาว Grineer
เมื่อภาษาเป็นมากกว่าการสื่อสาร: เสียงครวญครางของทหารโคลน
การสื่อสารของชาว Grineer เป็นอะไรที่คุณคงไม่อยากได้ยินตอนหลับตานอน—เว้นแต่คุณอยากฝันร้าย พวกเขาใช้ภาษาอังกฤษที่บิดเบือนอย่างถึงที่สุด ราวกับว่ามันถูกบีบอัด บดขยี้ แล้วรีดออกมาเป็นเสียงครวญครางและอุทานที่ฟังดูเหมือนเสียงท้องร้องของสัตว์ประหลาดที่หิวโหย
ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชื่อหรือการสื่อสารในสนามรบ คำพูดของ Grineer มักเต็มไปด้วยคำที่สะดุดหูและเสียงโหยหวนคล้ายคนบ่นไปกินบูดๆ มาจากโรงอาหาร สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพวกเขาตั้งใจให้ดูน่ากลัว แต่เกิดจากการที่พันธุกรรมของพวกเขาเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสามารถในการพูดและใช้ภาษาของพวกเขาเสื่อมลงไปพร้อมกัน
อักษรบาร์โค้ด: เมื่อการอ่านคือการถอดรหัส
ถ้าคุณคิดว่าการอ่านภาษาของชาว Grineer นั้นง่ายเหมือนการอ่านสัญญาณจราจร ขอบอกเลยว่าคิดผิด แทนที่จะใช้ตัวอักษรธรรมดาๆ พวกเขาได้คิดค้นชุดตัวอักษรของตัวเองที่มีลักษณะคล้ายบาร์โค้ดสุดประหลาด ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ตัวอักษรเท่านั้น แต่มันยังมี "รอยตัด" ที่คล้ายดอตเมทริกซ์เพื่อบ่งบอกถึงทิศทางการอ่านอีกด้วย
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังแกะสลักรหัสลับบนก้อนหินแล้วต้องใช้แว่นขยายเพื่อหาจุดเล็กๆ ใต้ตัวอักษรเพื่อดูว่ามันหมุนไปทางไหน นั่นคือความรู้สึกเมื่อคุณพยายามถอดรหัสภาษาของ Grineer จุดเล็กๆ ที่อยู่มุมขวาล่างจะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณควรพลิกหรือตีลังกาข้อความเพื่ออ่านอย่างถูกต้อง (เพราะอะไรๆ ก็ไม่ง่ายสำหรับชาว Grineer หรอกนะ)
ข้อความสุ่มสลับกัน: เมื่อความลึกลับคือความตั้งใจ
ถ้าคุณเคยสงสัยว่าในเกม Warframe ทำไมบางครั้งคุณถึงไม่สามารถแปลความหมายจากหน้าจอ Grineer ได้ ไม่ใช่เพราะคุณโง่หรอก (ขอรับรองตรงนี้) แต่เพราะ Digital Extremes เจตนาให้มันเป็นเช่นนั้น การสื่อสารที่เห็นบนจอภาพของ Grineer นั้นไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เล่นสามารถอ่านได้ แทนที่จะเป็นการจัดเรียงตัวอักษรแบบสุ่ม บางครั้งยังมีการพลิกและหมุนเพื่อเพิ่มความสับสนอีกด้วย
ตัวอักษรของGrineer
ตารางตัวอักษรและการจัดคำ
หากคุณเห็นข้อความที่ดูเหมือนจะมีความหมาย แต่อ่านไม่ออก แค่คิดเสียว่ามันเป็นการแกล้งเล่นจากทีมพัฒนาเกม แต่ถ้าคุณยังพยายามแปลจริงจังอยู่ ขอบอกเลยว่า จุดเล็กๆ ใต้ตัวอักษรนั่นล่ะคือกุญแจสำคัญ! ไขรหัสให้ได้แล้วคุณอาจพบกับคำว่า... "อาหารหมด กรุณาส่งหน่วยเติมเสบียง!"
คำคมจากเทนโน: “ภาษาคือการสื่อสาร แต่นี่มันคือการทรมาน... ถ้าคุณเข้าใจ ภาษาGrineer ได้ คุณควรได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติ!”
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับGrineer: จากทาสสู่ทหารดัดแปลง!
> “บางครั้งการเป็นหุ่นรับใช้ก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด...ถ้าคุณไม่สนใจว่าหัวหน้าคุณคือราชินีคลั่งอำนาจสองคนที่ต้องการยึดครองจักรวาล” – Alad V, นักธุรกิจ Corpus ที่มีทั้งจุดเด่นและจุดดำบนประวัติส่วนตัวของเขา
Alad V ที่ผู้เล่นมักเรียกเป็น สลัด V
-Grineer ไม่ใช่แค่ทหารโคลนธรรมดา พวกมันคือการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและพันธุกรรมที่เต็มไปด้วยความบิดเบี้ยวอย่างถึงแก่น ความจงรักภักดีของพวกมันนั้นไม่ต่างจาก “สุนัขรับใช้” ที่พร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเจ้านาย (หรืออาจจะเป็นเพราะการถูกโปรแกรมมาแบบนั้น) เหตุนี้เองที่ทำให้พวก Corpus เรียก Grineer ว่า “หมารับใช้ที่ซื่อสัตย์” ของจักรวาล แถมยังจิกกัดว่าสมองของพวกมันนั้นเล็กสวนทางกับขนาดความภักดีที่ยิ่งใหญ่เกินตัวของมัน
-เรื่องเล่าจากยุค Orokin
ย้อนกลับไปในยุค Orokin อันรุ่งเรือง (ก่อนจะล่มสลายไปเพราะพฤติกรรมบ้าบอของตัวเอง) Grineer ถูกสร้างขึ้นในฐานะทาสเพื่อใช้แรงงานหนักที่พวกเจ้านาย Orokin ดันคิดว่า “ทำไมไม่ลองเปลี่ยนจากทาสขนหินมาเป็นทหารถือปืนล่ะ?”
-ในความพยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ Grineer พวกเขาถูกโคลนและดัดแปลงด้วย เทคโนโลยีไซเบอร์เนติกส์ จนกลายเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งและไร้ความปรานี ความคลั่งไคล้ที่เหมือนจะไม่จบไม่สิ้นนี้น่าจะทำให้เหล่า Orokin รู้สึกเหมือนได้ซื้อ “แพ็กเสริม” ที่ไม่มีวันหมดอายุ...หรืออาจจะเหมือนการซื้อสมาชิกโรงยิมที่เราไม่เคยใช้
-เหล่า Grineer ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ จงรักภักดีต่อราชินี แบบยอมตายแทนได้ โดยไม่ถามถึงเหตุผลใดๆ เหมือนกับการที่คุณยังคงทำตามใจเจ้านายแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร
-บางครั้งมีพวกที่เกิด “ข้อบกพร่องด้านความเป็นเอกภาพ” หรือ ความผิดพลาดทางพันธุกรรม ที่ทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากการเขียนโปรแกรมและกลายเป็นพวกแปรพักตร์ เช่น Cressa Tal, Steel Meridian, Clem และหน่วยอื่นๆ ที่พยายามค้นหาความหมายของชีวิตที่ไม่ใช่แค่การทำตามคำสั่ง
-ชื่อ “Grineer” มาจากไหนกัน? คำนี้ดูเหมือนจะเป็นการผสมระหว่างคำว่า "Genetically" (พันธุกรรม) และ "Re-engineer" (การดัดแปลง) ซึ่งก็สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงเรื่องราวเบื้องหลังการสร้างพวกมัน แถมยังมีทฤษฎีอีกว่า ชื่อ Grineer อาจมาจากชื่อสัตว์ประหลาดในนิทานพื้นบ้านฝรั่งเศสที่เรียกว่า Seigneur du grenier ซึ่งเป็นตำนานของ “Bogeyman” หรือ ผีหลอกเด็ก นั่นเอง
-แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกโคลนมา แต่ Grineer ยังคงแสดงถึง ความแตกต่างทางเพศ อย่างชัดเจน โดยตัวเมียมีความแข็งแกร่งมากกว่า และมักไม่ต้องการเกราะมากนัก (เพราะใครจะไปสนใจแฟชั่น เมื่อคุณมีแขนกลและอาวุธติดตัวขนาดนี้ล่ะ!
บทสรุปแห่งGrineer: จักรวรรดิแห่งสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ในจักรวาลของ Warframe ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด Grineer เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของความโหดร้ายและการครอบงำที่ไม่รู้จบ พวกมันคือ กองทัพโคลนผู้กระหายสงคราม ที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่สนใจศีลธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ภายใต้การปกครองของ Queens ผู้โหดเหี้ยม Grineer กลายเป็น กองกำลังพิฆาต ที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ด้วยร่างกายที่ถูกดัดแปลงและเสื่อมโทรมจากกระบวนการโคลนซ้ำแล้วซ้ำเล่า Grineer มักเผชิญกับการเสื่อมสภาพทางพันธุกรรม แต่พวกมันไม่เคยหยุดต่อสู้ พวกเขาเลือกใช้พลังของเทคโนโลยีและความมุ่งมั่นที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อบุกเบิกและครอบงำดวงดาว แม้จะไร้ความปราณีและโหดเหี้ยม แต่ Grineer ก็เป็นตัวแทนของความอยู่รอดในรูปแบบที่บิดเบี้ยว นั่นคือการยึดครองและการทำลายล้าง 🔥🛳️
แต่ไม่ว่าพวกมันจะทรงพลังเพียงใด Tenno นักรบผู้ลุกขึ้นมาต่อต้านก็ยังคงเป็นปริศนาที่ Grineer ไม่สามารถทำลายได้ การต่อสู้ระหว่าง Grineer กับ Tenno จึงเป็นการเผชิญหน้าของความมืดมิดและแสงสว่างที่ไม่มีวันจบสิ้น ก่อกำเนิดสงครามที่เขย่ากาแล็กซีไปถึงจุดสูงสุด
-ท้ายที่สุดนี้ ในจักรวาลที่ทุกสิ่งคือการเอาชีวิตรอด Grineer จะยังคงเดินหน้าครอบงำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีใครสักคนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกมัน! แล้วคุณล่ะ? พร้อมจะเข้าร่วมการต่อสู้กับกองทัพโคลนผู้ไม่รู้จักคำว่า "ยอมแพ้" หรือยัง?
ในครั้งหน้าเราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับกำลังพลและบุคคลสำคัญของGrineerกันนะครับ ถ้าชอบบทความหรืออยากติชม/แนะนำสามารถพูดคุยกันได้นะครับ ช่วงนี้อากาศแปรปรวนเหมือนแฟนสาวอยากกินชาบู ยังไงทุกคนก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
โฆษณา