18 พ.ย. เวลา 11:29 • ข่าวรอบโลก

จบไหมไม่รู้ แต่ผลระยะยาวจะไม่เปลี่ยน…(1)

ภาค (1) ยูเครนจะกลายเป็นรัฐแสนยานุภาพ !
หลังทรัมป์การันตีว่าได้เป็น ปธน. อีกสมัย
ก็มีการพูดถึงกันมาก ถึงแนวทางการจบสงครามในยูเครน
ว่าจะไปในทิศทางไหน
แม้ส่วนตัว ผมจะไม่เชื่อเลย ว่าเขาทำได้
ด้วยข้อจำกัดมากมาย
โดยเฉพาะจากรัสเซียเอง ยิ่งตอนนี้พวกเขาอยู่ใน
สถานการณ์ที่ได้เปรียบมาก ไอ้เรื่องจะให้มาเจรจาคงยาก
มันไม่มีใครโง่รับเงื่อนไข ที่จะได้ประโยชน์น้อยลง
ถ้าตัวเองได้เปรียบในสมรภูมิ
และเรื่องจะให้สหรัฐถอยแบบไม่มีเงื่อนไข
ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน มันคงคุยกันไม่ได้หรอก
ยุโรปเอง แม้จะเศรษฐกิจไม่ดี
แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นตะเกียงขาดน้ำมัน
พวกเขาคงมองความจำเป็นภาพใหญ่
แล้วทุ่มไปที่ยูเครนต่อไป
แม้ทรัมป์จะยอมถอยจริงๆก็ตาม
หลายเหตุผล ผมเชื่อว่าไม่จบอย่างที่หลายคนคิด
แต่ ถ้าจบ มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงผลในระยะยาวนักหรอก
ที่คาดว่าจะต้องมีสองอย่าง เกิดขึ้นแน่ๆ ….
ภาค 1 ยูเครนจะกลายเป็นรัฐแสนยานุภาพ !
ผมเม้นท์กับเพจพรรคพวกใน BD นี่บ่อยมาก
ว่าไม่ว่าสงครามยูเครนจะจบแบบไหน
สิ่งหนึ่งที่จะต้องเกิดขึ้น
คือ ยูเครนจะกลายเป็นรัฐแสนยานุภาพ
และกลายมาเป็นผู้ผลิตอาวุธอีกรายของโลก
อย่างแน่นอน …
สิ่งนี้เคยเกิดขึ้นแล้วกับเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบัน
ไต่อันดับการส่งออกอาวุธไปทั่วโลก จนขึ้นมา
อันดับสี่อันดับห้าแล้ว ด้วยมูลค่าเกือบเท่าฝรั่งเศส
และน่าจะแซงเร็วๆนี้ เพราะสินค้ายอดฮิตอย่างหนึ่ง
จากเกาหลีใต้คือ เรือรบ มีมูลค่าสูง มันจะทำให้
พวกเขาแซงฝรั่งเศสได้ไม่ยากนัก ในแง่มูลค่า
…ทั้งหลายทั้งปวง คือผลจากสงคราม ที่จะไม่จบสิ้น
ในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้พวกเขามีความจำเป็น
ในระยะยาวที่พวกเขาต้องผลิตเอง จนเชี่ยวชาญ
เหลือใช้ และผลิตส่งออกในที่สุด …
…ยูเครน ก็จะเป็นแบบเดียวกัน….
และสิ่งที่รัสเซียจะได้ คือเพื่อนบ้านที่น่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่า
ในอดีต ยูเครน คือจ้าวแห่งการผลิตอาวุธแห่งยุคสงครามเย็น
สิ่งหนึ่ง ที่น่าจะยืนยันได้ว่า ยูเครนนั้นมีศักยภาพ
ที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นรัฐแสนยานุภาพได้
ก็คือ ความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้เดิม
ที่จริงแล้ว ในช่วงสงครามเย็น อาวุธสัญชาติโซเวียต
ส่วนมาก ที่ส่งออกไปทั่วโลก มีฐานการผลิตอยู่ในยูเครน
โดยเฉพาะพวกรถถัง ปืน และจรวดต่างๆ
รวมถึงเรือรบ เพราะตรงนั้นคือไครเมียร์
โซเวียตต่อเรือที่นั่นค่อนข้างเยอะ
และทิ้งไว้จนยูเครน สามารถนำเรือบรรทุกเครื่องบิน
ไปขายต่อให้จีนได้ จนเป็นที่มาของเรือบรรทุกเครื่องบิน
ลำแรกของจีน ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
เหตุผลที่เป็นแบบนั้น เพราะยูเครนในยุคโซเวียต
พวกเขาอยู่ตรงทะเลดำ ทำให้ส่งออกไปไหนได้ง่ายกว่า
การออกไปทางอื่นของรัสเซีย ซึ่งอ้อมโลก
ตลาดใหญ่ของอาวุธโซเวียต นอกจากอินเดีย และจีนในอดีต
ก็คือแอฟริกา และอเมริกากลางการส่งออกทางทะเลบอลติกนั้นไกลและอ้อมโลกมาก ทะเลดำนี่แหละใกล้สุด
โซเวียตเลยเลือกผลิตในยูเครนปัจจุบัน
แล้วส่งออกไปทางทะเลดำ ผ่านไครเมียร์
ผลคือ ยูเครนกลายเป็นชนชาติที่มีองค์ความรู้
ด้านการผลิตอาวุธที่ดีมาก
มากจนเท่ารัสเซียในยุคนั้นนั่นแหละ
แม้มายุคหลัง ก่อนมีปัญหาสงครามไครเมียร์รอบแรก
พวกเขาก็ยังจัดเป็นผู้เล่นใหญ่รายหนึ่ง ในตลาดอาวุธ
จากสิ่งต่างๆ ที่โซเวียตทิ้งไว้ และปรับปรุงเพิ่มในยุค
ที่รัสเซียมีอำนาจเหนือพวกเขาช่วงต้นของประเทศ
ซึ่ง ถ้าเราย้อนเวลาไป มันแค่ 12 ปีเท่านั้น (2014-ปัจจุบัน)
แน่นอน ว่าคนในรุ่นนั้น ยังไม่ได้ล้มหายตายจากไป
โรงงานต่างๆ ก็ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้
ที่จริง พวกเขามีการส่งมอบอาวุธเข้าสู่ตลาดมาตลอด
เพียงแต่ว่ามันลดลงจากก่อนปี 2014 มากเท่านั้น
ไทยนี่ก็ซื้อ ทั้งยานหุ้มเกราะแบบล้อยาง ซึ่งปัจจุบัน
ก็ยังใช้กันอยู่ของ ทบ. ในพื้นที่สามจังหวัดใต้
และเหนืออื่นใด คือเจ้า T-84 OPLOT-M
ยังเป็นรถถังขั้นสูงสุดของไทยจนถึงตอนนี้
มันถูกวางสถานะเหนือกว่า VT-4 จากจีน
ที่ได้มาตอนหลังเสียอีก
…อันนี้ต้องอธิบายเพิ่มนิดนึง ว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะ
โมเดลต้นแบบของสองรุ่นนี้ จากรัสเซียนั่นแหละ
ทำให้ ทบ.ไทย ต้องวางสถานะแบบนั้น …
…T-84 นั้น พัฒนาจาก T-80 ของรัสเซีย ซึ่งเป็นคลาสรองแค่
T-90 เท่านั้น ซึ่ง T-84 มีศักยภาพเท่าๆกับ T-90 ของรัสเซีย
เมื่อฟูลออพชั่นนั่นแหละ เรื่องนี้ ทบ.เคยชี้แจงแล้ว เมื่อเทียบความได้เปรียบกับมาเลเซีย ซึ่งใช้ T-90…
…ส่วน VT-4 จากจีน เป็นรุ่นที่พัฒนาจาก T-70-73 ของรัสเซีย
มันเป็นคลาสที่เล็กกว่า แถมทางจีนออกแบบเฉพาะรุ่นนี้
เพื่อทำราคาให้ต่ำลงในการส่งออก ซึ่งมีแค่สองชาติที่ใช้
คือ ไทย กับปากีสถาน ดังนั้น มันจึงจัดเป็นคลาสที่ด้อยกว่า
แม้จะใหม่กว่า T-84 จากยูเครนนั่นเอง….
ยูเครนนั้น ว่ากันตามจริง พวกเขาไม่มีปัญหาเรื่ององค์
ความรู้ในการผลิตอาวุธเลย ตรงข้ามด้วยซ้ำ
ปัจจุบันในมหาวิทยาลัยของพวกเขา ก็ยังมีการสอน
ในคณะนี้โดยเฉพาะอยู่ และยังส่งวิศวกรด้านอาวุธ
เก่งๆ ออกไปทั่วโลก
2
ปัญหาของพวกเขา คือเรื่องเงินทุน จากเศรษฐกิจที่แย่
ปัญหาการคอรัปชั่น และการแทรกแซงทางการเมือง
จากรัสเซีย จึงทำให้ผลักดันอุตสาหกรรมได้ยาก
ประกอบกับ หลังปี 2014 ยุโรปตะวันตกหลายชาติ
โดยเฉพาะเยอรมันนั้น ไม่ต้องการมีปัญหากับรัสเซีย
จึงตัดปัจจัยการผลิตหลายอย่าง ไม่ส่งให้ยูเครน
จนพวกเขาเสียความสามารถในการผลิตไป
เสียแม้กระทั่ง ความสามารถที่จะผลิตใช้เอง
จนต้องตกอยู่ในสภาพปัจจุบัน
แต่ หากสงครามจบลงไม่ว่าจะแบบไหน
เสียดินแดนหรือไม่
ส่วนที่ยังเป็นยูเครน ก็จะเกิดการพัฒนาด้านอาวุธ
อย่างรวดเร็ว
…และมีแนวโน้มสูงมาก ที่จะใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง
คือใช้โมเดล เศรษฐกิจของรัสเซีย คือเศรษฐกิจสงคราม
มาผลักดันเศรษฐกิจตัวเอง ส่วนที่เหลือไปด้วยในตัว…
…เพราะนั่น เป็นทางเลือกเพียงไม่กี่ทาง และจำเป็นต้องใช้
เพื่อการฟื้นฟูประเทศที่เสียหายจากสงคราม….
ความได้เปรียบขององค์ความรู้เดิมที่ยูเครนมี
ในการผลิตอาวุธ
จะถูกเสริมด้วยองค์ความรู้ของตะวันตกทะลักเข้ามา
อย่างมากมายในช่วงนี้
มันจะทำให้เทคโนโลยีการผลิตอาวุธของยูเครนนั้น
ก้าวกระโดดอย่างมาก และอาจไปได้ถึงระดับผลิตเครื่องบินได้
อย่าลืมนะครับ ยูเครนคือเจ้าของ Antonov ตัวจริง
ไม่ใช่ทางฝั่งมอสโคว์ พวกเขาคงฟื้นฟูมันได้ไม่ยาก
โดยเฉพาะเมื่อมีตะวันตกหนุนหลัง
และไม่มีนักการเมืองสายโปรรัสเซีย มาคอยขัดขา
ในสภาอีกต่อไป
ค่ายนาโต้ โดยเฉพาะยุโรปนั้น
ยังไงก็ต้องใช้งานยูเครนเป็นด่านหน้า
เรื่องสายพานการผลิต ทุนช่วยเหลือ จึงยิ่งต้องช่วยเต็มที่
มันได้สองเด้ง ทั้งในแง่ความมั่นคง
และการที่ยูเครนจะมีรายได้มาใช้หนี้พวกเขา
และถ้าถาม ว่าใครจะซื้อยูเครนน่ะเหรอ 555
…อันนี้ฮา เพราะคนที่จะซื้อยูเครน คือคนใช้อาวุธรัสเซียนั่นแหละครับ 555 ฮาสิ….
1
ทำไมเป็นงั้น ?
เหตุผลเรื่องนี้นั้นค่อนข้างง่าย ถ้าเปิดใจรับฟัง
ไอ้ที่ไทยต้องซื้อ OPLOT ก็เพราะว่าอยากได้ T-90
ของรัสเซีย แต่ออเดอร์มันยาว และแพงกว่าหน่อยนั่นแหละ
ก็เลยต้องไปซื้อของยูเครนในตอนนั้นแทน
ในอดีต ชาติที่ซื้ออาวุธยูเครน ก็เหตุผลนี้นั่นแหละ
และต่อไปจะยิ่งมาก เมื่อสงครามจบลง
มันเป็นผลพวงมาจากสงครามเย็น
ที่อาวุธโซเวียต มีสถานะเหมือนอาวุธนาโต้
ในกลุ่มประเทศ warsaw pact นั่นแหละ
มันทำให้กลุ่มประเทศพวกนี้ เชี่ยวชาญด้านอาวุธรัสเซีย
ไม่ต่างจากรัสเซียเองเลย
เปรียบเทียบกับอีกค่าย ก็เหมือน ญี่ปุ่น เกาหลี
ชำนาญอาวุธอเมริกันจนผลิตได้นั่นแหละ
อาวุธแต่ละค่าย มีลักษณะเฉพาะตัว
คนใช้ จะไม่ค่อยอยากเปลี่ยนนัก
เมื่อโซเวียตล่มสลาย คนใช้อาวุธโซเวียต
ก็ตามมาใช้อาวุธรัสเซียต่อ
และเมื่อหาของจากรัสเซียได้ยาก เพราะผลิตไม่ทัน
พวกเขาจึงต้องไปซื้อจากชาติที่เชี่ยวชาญ และใช้
อาวุธสายเดียวกันแทน โดยเฉพาะพวกอะไหล่
จีนนี่แหละ คือประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุด
หลังการล่มสลายของโซเวียต
พวกเขาผลิตอาวุธ อะไหล่ของอาวุธสายนี้ขายจนรวย
และยังทำอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนในยุโรป ตะวันออก ผู้ผลิตอาวุธสายนี้
ก็ยังหากินเป็นล่ำเป็นสันเช่นกัน ก็พวก เชค โปแลนด์
แล้วก็ยูเครนนี่แหละ
ดังนั้น ในอนาคต รัสเซียไม่น่าจะรอดจากกทรถูกคว่ำบาตรต่อ
ประเทศขนาดเล็กต่างๆ ที่ไม่ต้องการมีปัญหากับค่ายตะวันตก
แต่ต้องใช้ของรัสเซีย ก็ต้องซื้อจากประเทศพวกนี้แหละ
แถมรัสเซียเอง พอสงครามจบ ก็ต้องสร้างใช้เอง
เพราะสเต็บต่อไปคือการบุกยุโรป
ความสามารถในการส่งมอบ มันก็ยิ่งน้อย ช้า
ใครก็คงไม่อยากสั่งที่เขาโดยตรง ถ้าไม่จำเป็น
สรุปเลย คือ โปแลนด์ เชค ยูเครน จีน
รับเละครับ เมื่อสงครามจบ
ยิ่งสถานการณ์โลกแบบนี้ บีบให้ชาติต่างๆ
แข่งกันสะสมอาวุธด้วย ประเทศพวกนี้ยิ่งรับเละ
จีนนั้น ไม่ค่อยทำของรัสเซียแล้ว เพราะต้องการบูมอาวุธตัวเอง
ดังนั้น ชาติที่เชี่ยวชาญที่เหลือมากที่สุด คือยูเครน
จะได้ประโยชน์มากในตลาดอาวุธค่ายรัสเซีย
ส่วนอาวุธใหม่ๆ ที่ยูเครนน่าจะทำขายได้
ก็น่าจะมีมากพอสมควร โดยเฉพาะพวกโดรน
และปืนใหญ่ รถถัง ที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว
ปัจจุบัน ยูเครนเป็นเบอร์ต้นๆของโลกในการผลิตโดรน
ช่วงหลังมานี่พวกเขาเพิ่มทั้งกำลังการผลิตและประสิทธิภาพ
ของตัวโดรน ได้อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อ
มันเกิดจากการผสมความเชี่ยวชาญเดิม
กับสิ่งที่ตะวันตกนำเข้ามาให้ เกิดเป็นอาวุธไฮบริดขึ้นมา
และเป็นอีกตลาดใหญ่ ที่ยูเครนจะหากินได้ต่อไป
ซึ่งไอ้อาวุธไฮบริดสองค่ายเนี่ย มันมีตลาดอยู่แล้ว
โดยผู้เล่นเดิม คือ เชค โปแลนด์ เป็นเจ้าใหญ่
ซึ่งเชื่อว่ายูเครน ก็คงเดินตามรอยแน่ๆ
แต่ความเชี่ยวชาญของยูเครนนั้นดูมีมากกว่า
ยิ่งปัจจุบัน ได้ศึกษาอาวุธใหม่ๆของรัสเซีย
ที่ยึดได้ สอยได้ และมีการนำมาซ่อมใช้ด้วย
มันยิ่งทำให้องค์ความรู้ของพวกเขาสูงขึ้นไปอีก
และเมื่อผสมผสานกับระบบสายพานการผลิต
ที่มีประสิทธิภาพกว่าทางรัสเซีย จากโลกตะวันตก
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ายูเครนมีสิทธิ์อย่างยิ่ง
ที่จะกลายเป็นรัฐแสนยานุภาพ ในฐานะทหารรับจ้าง
ของชาติยุโรป
และจะกลายเป็นพ่อค้าอาวุธ ได้อย่างแน่นอน
ส่วนที่หลายคนคิดว่า ถ้าเสียห้าแคว้นไป
ทรัพยากรจะน้อยลง จนไม่เหลือนั้น
มันก็อาจถูกบางส่วน
แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าอย่างไร รัสเซียก็คงไม่ได้
ยึดครองไปมากกว่าห้าแคว้น เพราะไม่งั้นจะไม่เกิดการเจรจา
ยูเครนจะยังมีทรัพยากรที่จำเป็นเหลืออีกมาก
ทางตะวันตกและตอนใต้ของประเทศ
โดยเฉพาะแถบโอเดสซ่า และเลวิฟ
ซึ่งคงไม่ถึงกับเสียไปด้วย
มันมากพอ ที่พวกเขาจะทำขาย ทำใช้ได้
เพราะจะว่าไป ส่วนที่เหลือ มันมากกว่าเกาหลีใต้
หรือญี่ปุ่นเสียอีก (มองในแง่ทรัพยากร)
…เหลือๆครับ ต่อให้เสียห้าแคว้นก็ตาม….
สุดท้าย คือรัสเซียอาจได้เพื่อนบ้านนิวเคลียร์ !
ยูเครนเปรยกลายๆว่า หากสหรัฐถอนตัว
พวกเขาจำเป็นต้องมีหลักประกันความมั่นคง
แน่นอน ยูเครนคงไม่เชื่อใครอีกแล้ว ถ้าสหรัฐทิ้ง
และรัสเซียเองก็เคยฉีกสัญญา ที่เคยทำไว้เมื่อต้องการ
ปลดนิวเคลียร์ของยูเครนในอดีต
(รัสเซียอ้างว่าแค่บันทึก ไม่ใช่สัญญา)
ดังนั้น สิ่งเดียวที่จะรับประกันยูเครนได้
คือ การฟื้นฟูความเป็นรัฐนิวเคลียร์
เพราะพวกเขาก็เห็นบทเรียนแล้ว จากเกาหลีเหนือ
มันอาจไม่ใช่นิวเคลียร์ทันสมัย ต้นทุนสูงอะไรนัก
ถ้าเราดูทรัพยากร ทุนที่มีในยูเครน
แต่ยูเครนมีคนเก่งด้านนี้มาก ทั้งที่ยังอยู่ในประเทศ
และกระจายทำงานอยู่ทั่วโลก
ยูเครนเป็นหนึ่งในชาติที่ชำนาญเรื่องนิวเคลียร์มาก
พวกเขาอยู่กับมันมาตลอดสงครามเย็น
ปัจจุบันก็ยังครอบครองเทคโนโลยีโรงไฟฟ้า
และอาวุธนิวเคลียร์อยู่
ความคุ้นเคย เชี่ยวชาญที่มีมาตลอด
ทำให้จะอย่างไร ไอ้นิวเคลียร์ระดับพื้นฐาน
อย่างที่อเมริกาใช้ที่ญี่ปุ่นนั้น สบายมาก
ที่ยูเครนจะสร้างได้ภายในเวลาไม่นานนัก
และถ้าว่ากันตามจริง ในการทดลอง ซาร์ บอมบ์
ของสหภาพโซเวียต ยุคนั้นก็ทำกันในแล็บที่ยูเครนนี่แหละ
พูดง่ายๆ ยูเครนทำนิวเคลียร์แบบฮิโรชิมาได้แน่ๆ
ด้วยทรัพยากรที่มีในปัจจุบัน
และสามารถทำได้รุนแรงกว่านั้น ถ้ามองที่องค์ความรู้
เพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่มีการันตีได้ ว่าพวกเขาจะไม่ทำ
ในวันที่จนตรอกแบบนี้
…ถ้าพวกเขามีทุน มีของ พวกเขาทำแน่ ….
…ซึ่งมันก็อยู่ที่ชาติตะวันตกนี่แหละ จะห้ามไหม
…และรัสเซียจะยอมหรือไม่…
…ซึ่งถ้ารัสเซียไม่ยอม ก็หมายถึงสงครามที่จะต้องดำเนินต่อไป
อย่างไม่มีวันจบ ไม่ต่างอะไรกับที่อิสราเอล พยายามหาเรื่อง
ให้อิหร่านเปิดสงครามนั่นเอง…
จริงอยู่ นิวเคลียร์พื้นฐาน มันไม่ได้มีประสิทธิภาพ
ได้เท่าสิ่งที่รัสเซียมีในมือ
แต่นิวเคลียร์ก็คือนิวเคลียร์ ตูมเดียวตายเป็นแสน
ส่งผลกระทบทางกัมมันตภาพรังสีอีกมาก
จะเก่าจะใหม่ เบาหรือแรง ก็สร้างความวายวอด
ให้รัสเซีย ในระดับที่ไม่อาจรับได้เหมือนกันนั่นแหละ
ยิ่งปัจจุบัน ยูเครนมีเทคโนโลยีโดรนแบบนี้
มีองค์ความรู้เรื่องขีปนาวุธของตะวันตก รวมถึง
ยังมีของในมือที่อาจเก็บไว้ ถ้าสงครามจบด้วย
รัสเซียไม่มีวันอยู่ได้เป็นสุขหรอก ถ้าเป็นแบบนั้น
…ก็คงต้องหาเรื่องทำสงครามเพื่อสกัดอยู่ดีนั่นเอง….
เราทุกคนถูกสั่งสอนกันเสมอว่า
ถ้าจะเลว อย่าเลวใกล้บ้าน
หรืออย่าทะเลาะกับเพื่อนบ้าน
1
เพราะมันจะทำให้เราไม่มีทางอยู่ได้อย่างสงบ
กับประเทศก็เหมือนกัน และยิ่งสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ที่สุด ก็คือการมีปัญหากับเพื่อนบ้าน
เพราะเราย้ายหนีจากกันไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะอ่อนแอกว่าคุณแค่ไหน
มันก็สร้างปัญหาให้คุณได้เสมอ
อย่างน้อยที่สุด คือต้องเสียทรัพยากรมาเฝ้าระวัง
1
รัสเซียกับยูเครน จะไม่มีวันต่อกันติดอีกแล้วไปตลอดกาล
เพราะนี่นับเป็นครั้งที่สามแล้ว
ที่ชาวรุส กระทำต่อชาวยูเครนอย่างป่าเถื่อน
สามครั้ง มากเกินพอ และจะไม่มีครั้งที่สี่
ที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้
ไม่ว่าผลของการเจรจาเรื่องสงครามของมหาอำนาจ
จะเป็นแบบไหน
…สิ่งที่รัสเซียจะได้แน่ๆ คือศัตรูที่อยู่หน้าบ้านไปตลอดกาล…
…และศัตรูคนนี้ ก็รู้ไส้รู้พุงพวกเขาดี และพร้อมจะน่ากลัวได้มากกว่านี้ได้อย่างแน่นอน ….
พรุ่งนี้มาต่อกันอีกตอนนะครับ
ถึงสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ หลังสงครามจบ
พรุ่งนี้ จะว่ากันถึงวิบากกรรมทางเศรษฐกิจของรัสเซีย
ที่จะไม่มีวันดีเหมือนเดิมครับ
ข่าว
โฆษณา